“International Marketing ที่นี่คือคอร์สที่ตอบโจทย์ที่น้ำใสตั้งไว้เลย คือ น้ำใสว่าคนที่ทำงานมาแล้วจะมีคำถามในการทำงานเสมอว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ แบบนั้น แล้วว่าเรามาเรียนเพื่อหาคำตอบ แต่คำตอบจากที่มหาวิทยาลัยนี้มันสามารถต่อยอดให้เราไปต่อได้ในอนาคตการทำงานค่ะ” น้ำใส, University of Sussex
แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ
สวัสดีค่ะ ชื่อน้ำใสนะคะ ตอนนี้เรียน International Marketing ที่ University of Sussex ค่ะ
ทำไมถึงอยากเรียนต่อ ป.โท
น้ำใสจบจากคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภาควิชาพัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกษตรค่ะ น้ำใสเรียนจบแล้วก็มาทำงานก่อน ก็ทำงานเป็น Technical sale and marketing อยู่ 2 ปีค่ะ ระหว่างทำงาน เราก็เห็นว่าเรายังขาดอะไร เราทำงานในส่วนที่เป็น Marketing แต่เราไม่เข้าใจมันเลยว่าทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ เหมือนต้องให้พี่ Senior มาอธิบายตลอดเลยจนเรารู้สึกว่าเออมันไม่ได้แล้วแหล่ะ
ตรงนี้ที่เป็นช่องว่างที่เราต้องหาความรู้เพื่อต่อยอดการทำงานของเราในอนาคต
Preparation
พวกข้อมูลหนูต้องบอกก่อนว่า หนูว่าทุกคนคน blank แค่ตั้ง goal ว่าอยากไปเรียนต่ออังกฤษ เหมือนอยากเรียนโทอังกฤษแต่ทุกคนจะ blank มากว่าจะไปมหาวิทยาลัยไหน ด้วยความที่เราไม่รู้ condition ของแต่ละมหาวิทยาลัย ก็คือได้พี่ๆ Hands On เนี่ยแหล่ะที่มาให้ข้อมูลต่างๆ เยอะมาก เยอะมากจนแบบโอ๊ยอะไรเนี่ย(หัวเราะ) อย่างข้อมูลคอร์สมหาวิทยาลัย มันค่อนข้างมี subset ของ Marketing เยอะมาก ความที่น้ำใสไม่ได้มีพื้นฐาน Business มาเลย แล้วเราก็อยากเรียนกว้างๆ คือหนูไม่อยากจำกัดตัวเองไปเลยว่าเราจะเป็น Digital marketing นะ แค่อยากเรียนรู้ในมุมกว้างจะได้เป็นทางเลือกมากขึ้นด้วย คือเรายังไม่รู้ว่าตรงไหนที่เราชอบจริงๆ อะไรแบบนี้ค่ะ แต่คือพี่ๆ Hands On ให้ลิสต์มาเยอะมาก แล้วไม่ใช่แค่ Marketing ด้วย Entrepreneur ก็ให้มาด้วย ก็แนะนำว่าสาขานี้มันก็บูมอยู่นะ เราสนใจมั้ย ค่อนข้างให้ข้อมูลเยอะ ไม่ใช่จำกัดเรา คือถ้าเราไม่ได้ Marketing เราลองไปอันนี้มั้ยเป็นพวก Marketing and management พวกนี้ที่แบบน่าจะได้มหาวิทยาลัยที่ดีขึ้นมั้ย
ก็อยู่ที่เราตัดสินใจเลย ว่าสุดท้ายแล้ว เราอยากเรียนอะไรกันแน่ค่ะ
การเลือกมหาวิทยาลัย
หนูว่าเด็กไทยทุกๆ คนจะคิดถึง Top U ก่อน โดยดูว่า rank มันดีจริงเข้าใจแต่มันมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่คุณภาพแทบจะไม่ได้ต่างกันเลยแต่อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักของคนไทยมาก ซึ่งหนูว่า University of Sussex ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เป็นมหาวิทยาลัยที่ rank ดี แต่ด้วยความที่ยังไม่ได้มีคนไทยเรียนเยอะหรือว่าไม่ค่อยมีคนรู้จัก มันก็เลยดูเหมือนนอกสายตาเราไปนิดนึง ซึ่งพี่ๆ Hands On ก็ให้ความรู้และให้ข้อมูลต่างๆ กับเราเยอะมาก ซึ่งเราก็เลยโอเคตัดสินใจมาเรียนที่นี่เพราะว่าเราก็ดู rank ด้วย และด้วยฟังจากที่พี่ๆ แนะนำด้วยว่ามันเป็นยังไง คอร์สก็เหมาะกับสิ่งที่เราอยากจะไปต่อนะ
สนใจเรียนต่อ University of Sussex ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาฟรี คลิก
การบริการจาก Hands On
รู้จัก Hands On ได้อย่างไร
เพื่อนสนิทน้ำใสมากับ Hands On แต่เค้าจบแล้วมาเรียนเลย ส่วนน้ำใสเราเคยไปงานของ Hands On กับเพื่อนอยู่แล้ว เราก็จะมี contact มาเรื่อยๆ แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้สนใจ แต่ก็มีพี่มาคอย follow up ตลอดทุกๆ ปีว่ายังสนใจอยู่มั้ย ด้วยความที่โอกาสยังไม่ถึงเราก็ยังไม่ได้ติดต่อไป จนกระทั่งเราตัดสินใจจะไปแล้วเราก็ได้ติดต่อกลับไปคุย พี่ๆ ก็น่ารักมากค่ะ
การบริการของ Hands On
Hands On ค่อนข้างน่ารักมาก คือน้ำใสคิดว่าเด็กแต่ละคนเค้ามี condition ไม่เหมือนกัน เรื่องเกรด เรื่องความสนใจ หรือว่า lifestyle ต่างๆ ทั้งหมดนี้น้ำในปรึกษาพี่ที่ Hands On ตลอด พี่เค้าก็จะแนะนำมาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เราน่าจะได้และเหมาะกับเรา ก็ต้องขอบคุณพี่ๆ Hands On เหมือนกันเพราะว่าน้ำใสตัดสินใจต้นปี คือทำทุกอย่างแค่ 6 เดือน สอบ IELTS ทุกอย่าง คือมันค่อนข้างกระชั้น พี่ๆ Hands On คือทำงานหนักมาก เหมือนต้องทั้งยื่นแล้วก็ต้อง push เราว่าไปสอบ IELTS หรือยัง หรือได้คะแนนเท่าไหร่
กิจกรรมจากพี่ๆ Hands On
รู้สึกว่าพวกโครงการต่างๆ ของ Hands On หรือว่า Line group พอเรามีการคุยกันปุ๊ปเนี่ยก็จะเหมือนเริ่มหาเพื่อนได้ ซึ่งโครงการที่ทำให้รู้จักเพื่อนก่อนของ Hands On เนี่ยมันก็ทำให้เรามีเพื่อนก่อน แล้วก็เหมือนช่วยกัน ไปด้วยกัน เพราะเรามาวันแรกของก็เยอะอะไรก็เยอะ หนูว่ามันเป็นโครงการที่ดีมากๆ ให้เด็กมารู้จักกันก่อน อย่างน้อยก็มีเพื่อนไปเพราะว่าคนส่วนใหญ่ถ้าเด็กที่เรียน Pre-sessional จะไปวันใกล้ๆ กัน จะมีการคุยกันแล้วก็นัดกันได้
Pre-sessional Course
น้ำใสก็มาเรียน Pre-sessional 5 weeks เหมือนกัน เพราะเราตั้ง goal นี้ในใจแล้วว่าเราอยากจะเรียน Pre-sessional อย่างการเขียนอีเมล เราก็เขียนอยู่แล้วทุกวันแต่มันไม่เหมือนการเขียน essay หรือเราก็ไม่รู้ว่าการเรียนการสอนที่ไทยมันเหมือนหรือแตกต่างจากการเรียนที่นี่ เราก็เลยอยากมาเรียน แล้วมันก็ทำให้เราค่อนข้างรู้ว่าเราจะทำยังไงต่อไปในการเรียนปริญญาโทค่ะ ซึ่งก็รู้สึกว่าการมาเรียน Pre-sessional ดี แล้ว 5 สัปดาห์เป็นอะไรที่เหมาะสมไม่ได้เยอะเกินไป หนูว่าคะแนนผ่านไม่ผ่านก็ควรมาเรียน เพราะมันจะทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรม เข้าใจทุกอย่าง เหมือนสามารถปรับตัวให้อยู่ที่นี่ได้ดีขึ้นค่ะ
International Marketing
แฮปปี้ค่ะ หนูแฮปปี้กับตัวเลือกที่เราเลือกนะ เพราะพอมาเรียนแล้วด้วยอะไรหลายๆ อย่างมันก็สอนเราเยอะ หนูว่าคอร์สที่นี่ก็ดีแล้วก็ตรงกับความต้องการที่เราอยากจะเรียนรู้ด้วยค่ะ คือ
International marketing ค่อนข้างหลากหลายมาก อันนี้เป็น lecture ค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นเอา paper มานั่ง discuss แล้วมันไม่มีถูกไม่มีผิด แต่การไม่มีถูกไม่มีผิดมันดีตรงที่เราจะได้อะไรสักอย่าง เหมือนเก็ทไอเดียอะไรสักอย่างจากตรงนั้น แล้วเราจะต่อยอดได้
บรรยากาศในห้องเรียน
เพื่อนในห้องทุกคนคือ active มาก
เพื่อนในห้องค่อนข้างจะหลากหลายเชื้อชาติมาก ไม่ได้มีแค่คนจีนหรือแค่คนเอเชีย มีเพื่อนยุโรปด้วย หรือมีมาจากประเทศที่เค้าค่อนข้างใช้ภาษาอังกฤษดีอะไรแบบนี้ แล้วบางคนก็ทำงานมาแล้ว มันก็เลยมีหลายอย่างที่ทำให้เราต้องพัฒนาตัวเอง เพื่อให้เราคุยกับเค้ารู้เรื่องบ้างแหล่ะหรือว่าทำให้รู้ว่าประเด็นนี้เราไม่ควรไปพูดในห้องนะ ทำให้ต่อไปเราจะไม่พูดประเด็นนี้นะ แล้วก็มีเรื่องการทำ presentation น้ำใสว่าสนุกมาก เพราะว่าในไทยเราก็ไม่ได้เรียนอะไรที่ใช้การคุยกับเพื่อนมากสักเท่าไหร่ อาจจะแบบแค่อ่านหนังสือจบแล้วไปสอบ มันไม่ค่อยได้มีความคิดที่มันหลากหลาย แต่อันนี้น้ำใสว่ามันเป็นการเปิดโลกให้เด็กว่ามันไม่มีแค่ทางตรงอ่ะ เราจะไปทางซ้ายก็ได้ ทางขวาก็ได้ ไม่มีผิดไม่มีถูก แต่ถามว่าเค้าจะมีกรอบให้เด็กมั้ยคือมันไม่ใช่ขวาสุดหรือซ้ายสุด มันทำให้ความคิดเราต่อยอดไปได้อีก
ที่นี่คือคอร์สที่ตอบโจทย์ที่น้ำใสตั้งไว้เลย คือ น้ำใสว่าคนที่ทำงานมาแล้วจะมีคำถามในการทำงานเสมอว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ แบบนั้น แล้วว่าเรามาเรียนเพื่อหาคำตอบ แต่คำตอบจากที่มหาวิทยาลัยนี้มันสามารถต่อยอดให้เราไปต่อได้ในอนาคตการทำงานค่ะ
สนใจเรียนต่อ University of Sussex ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาฟรี คลิก
University of Sussex
มหาวิทยาลัยก็ดีค่ะ หนูว่า facilities อะไรต่างๆ ก็ครบ technology support ก็ค่อนข้างมีเยอะ ห้องเรียนก็สะอาด
Student Support
น้ำใสอาจจะไม่ได้เป็นสายกิจกรรมค่ะ แต่รู้สึกว่ามหาวิทยาลัยจะมีอะไร support ให้เด็กๆ ค่อนข้างเยอะ เช่น พอเด็กมาอยู่ต่างประเทศก็ home sick หรือเครียดอีก เค้าก็จะมีเป็นศูนย์ให้เราเข้าไปพูดคุยได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคะแนนไม่ตรงไปตามเป้าบ้างแหล่ะ หรือว่า home sick คือคุยได้หมดเลย เค้าไม่ได้ดูแค่ physical ค่ะ แต่เค้าดู mental ไปด้วยว่าเด็กน่าจะมีปัญหาอะไร
Accommodation
เรื่องหอต้องบอกก่อนเลยว่าต้องขอขอบคุณ Hands On มากๆ เพราะว่าที่นี่เค้าจะให้จัดอันดับหอ 8 อันดับ แล้วเราก็เลือกไปทั้งที่เราไม่รู้ เหมือนข้อมูลที่เค้าให้เด็กมันเป็นแค่ย่อหน้าสั้นๆ แล้วเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย เราจะรู้แค่ราคา หรือว่าเป็น Ensuite, Share bathroom เป็นต้น แล้วก็ไม่ได้เห็นภาพจริงขนาดนั้นเพราะมันโชว์แค่ภาพเล็กๆ เราก็เลือกไปโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรขนาดนั้น พอสุดท้ายแล้วเราได้ห้องที่มันแชร์ห้องน้ำ เราก็ไม่โอเค แล้วทางมหาวิทยาลัยบอกว่าแก้ไม่ได้คือต้องรอให้ไปแลกกันเอง ซึ่งในมุมเราก็มองว่าจะรอถึงขั้นนั้นได้ยังไงก็เลยติดต่อกลับไปหาพี่ๆ Hands On แล้วคือช่วยเยอะมากกกก ตอนนั้นพี่หยกก็ช่วยคุยกับมหาวิทยาลัยช่วยคุยกับทาง International student support ให้ว่าข้อมูลที่ให้มามันไม่ครบ คือช่วยแม้กระทั่งตอนเราอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่เค้าจะปล่อยไปเลยก็ได้ ก็ขอบคุณมากๆ ที่พี่ๆ ไม่ได้ทิ้งน้อง
เมือง Brighton
ดีค่ะ สำหรับน้ำใสคิดว่าค่อนข้างใหญ่เลย คือเหมือนอาจจะเคยไปเที่ยวเมืองอื่น แล้วมันเล็กมาก แต่ที่ Brighton คือทุกอย่างครบ สามารถไปไหนมาไหนได้สะดวก แล้วก็มีงาน Part-time ให้ทำด้วย สำหรับน้ำใสคิดว่ามันจำเป็น มันไม่ได้จำเป็นเรื่องเงินนะคะ แต่เหมือนมันทำให้เราอยู่ในร่องในรอยมากขึ้น ถ้าเรามีงานต้องส่งแล้วเราก็มีงานที่ต้องไปทำ มันก็ทำให้เรา function ทุกอย่างได้ดีมากขึ้น แล้วก็เป็นการ balance ชีวิตตัวเองด้วย เพราะบางทีเราเรียนอย่างเดียวมันก็เครียด ไม่มีอะไรทำ จะออกไปเที่ยวเล่นมันก็ดูแบบเอ้ออะไรเนี่ย แต่พอออกไปทำงานมันจะได้คุยกับคนอื่นเป็นการฝึกภาษา แล้วต้องบอกเลยว่าคนที่ Brighton น่ารักมาก สมมุติว่าเราพูดอะไรผิด เช่น สำเนียงเราอาจจะไม่ได้ เค้าจะสอนเรา มันก็เลยเป็นการได้พัฒนาตัวเองไปอีก
การใช้ชีวิต
อย่างหนูตอนแรกคิดว่ามาก็ไม่อยากใช้จ่ายเยอะเพราะเกรงใจพ่อแม่ แต่สุดท้ายแล้วเราก็จะเริ่มโตขึ้น พอเราเริ่มทำงานเราก็สามารถ balance ตัวเองได้ว่าควรต้องไปเที่ยวนะ ไม่ใช่แค่อยู่ในห้องหรืออยู่ในห้องเรียน หนูว่าเราสามารถ balance ชีวิตได้ดีกว่าตอนอยู่ไทยด้วย เพราะว่าตอนอยู่ไทยมันเหมือนแค่ทำงานอ่ะ แต่ที่นี่มันเหมือนมีอะไรหลายๆ อย่างมากดดันให้เราทำให้ได้ตามเป้าหมาย แล้วเราก็อยากไปเที่ยว มันก็เหมือนพัฒนาชีวิตเรา ปรับปรุงชีวิตเราให้ดีขึ้น รู้เวลา ให้ชีวิตเราดีขึ้นค่ะ ที่เที่ยวที่อังกฤษก็คือดี แล้วการไปเที่ยวยุโรปก็ไม่ได้ยากมากหรือแพงมากถ้าเราทำงาน บางคนอาจจะคิดว่ามาเรียนอังกฤษมันแพง ค่าใช้จ่ายเยอะ ซึ่งมันเป็นความคิดของทุกคนอยู่แล้วในตอนแรก แต่คือการมาเรียนที่อังกฤษมันไม่ได้แพงขนาดนั้นถ้าเรารู้จัก balance เป็น มันมีจุดที่เราสามารถประหยัดได้ อย่างอาหารที่นี่แพงจริงแต่เราสามารถทำเองได้มั้ย มันสามารถลดค่าใช้จ่ายตรงโน้นตรงนี้ไปได้เพื่อจะทำให้เราได้ไปเที่ยวมากขึ้นประมาณนี้ค่ะ แล้วตอนนี้ค่าเงินก็ถูกลงเยอะ อังกฤษก็เป็นประเทศแห่งการศึกษา เค้าก็ลงทุนกับบุคลากรที่มาสอนเยอะ อย่าง Marketing ที่ดีที่สุดก็คือที่ University of Bath ซึ่งอาจารย์ที่นั่นก็มาสอนที่ University of Sussex เยอะ ก็เหมือนเค้าปรับปรุงหลักสูตร ปรับปรุงมหาวิทยาลัยให้มันทัดเทียมกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ค่ะ
สนใจเรียนต่อ University of Sussex ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก