ชีวิตนักเรียน Jewellery Design ที่ได้อะไรมากกว่าการออกแบบ
สวัสดีค่ะ ชื่อนินะคะเรียนที่ Sheffield Hallam University คณะ Jewellery and Metalworks ตอนนี้พามาที่ห้อง Metalwork เป็นห้องสำหรับทำ workshop ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโลหะ การให้ความร้อน หรือการตัดโลหะค่ะ นิก็มาใช้งานประจำเลย
ทำไมถึงเลือกเรียนต่อด้าน Jewellery and Metalworks Design ที่ Sheffield Hallam
นิ: ก่อนที่จะมาเรียนที่นี่ นิจบศิลปากรคณะ Jewellery แล้วเรารู้สึกว่า เราอยากมาค้นหาอะไรใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับดีไซน์ แล้วอังกฤษก็เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์อยู่แล้ว นิก็เลยเริ่มหาว่ามหาลัยไหนบ้างที่เปิดสาขานี้ แล้วนิก็ได้มาเจอที่ Sheffield Hallam University เพราะว่าเค้าจะมีชื่อเสียงในเรื่องของ Metalwork คือถ้าใครเคยได้ยินคือเมืองเชฟฟิลด์จะเป็นเมืองที่ดังเรื่องการตีเหล็ก หรืออุตสาหกรรมด้านเหล็กในอังกฤษ นิก็เลยเลือกที่จะ apply เข้ามหาลัยนี้เพื่อที่จะเรียนที่นี่เลย เพราะเรารู้สึกว่าบรรยากาศ สภาพแวดล้อมของเมือง Sheffield ที่เป็นเมืองที่มีสีเขียวเป็นธรรมชาติ การที่เรามาเรียนเรารู้สึกว่าเราอยากให้บรรยากาศรอบๆ ข้างไม่ต้องวุ่นวายมาก แล้วเราก็สามารถที่จะ enjoy our life ที่นี่ได้ ก็เลยเลือกที่นี่ค่ะ
ต้องบอกว่า Sheffield เป็นเมืองที่ปลอดภัยและเป็นเมืองสีเขียว สิ่งแวดล้อมดี ผู้คนเป็นมิตร
นิ: คือคนที่นี่ใจดี มีความ friendly คือเหมือนกับว่าเวลาเราไปไหนก็จะมีการทักทายกันถึงแม้เราจะไม่รู้จักกัน มันทำให้เรารู้สึกว่า ถึงแม้เราจะเพิ่งมาอยู่ที่นี่นะ เรารู้สึกว่า เอ๊ย เราอบอุ่น ทุกคนเป็นเพื่อนกัน เค้าก็พร้อมที่จะแบบเปิดโอกาสให้กับเราได้เข้าไปพูดคุยกับเค้า ให้เราได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเค้า
น้องนิใช้เวลาเตรียมตัวเรียนต่อที่นี่นานมั้ยคะ
นิ: โดยรวมก็ประมาณ 1 ปี แต่เราต้องแบ่งเวลาเพราะว่านิเรียนไปด้วย ทำงานด้วยแล้วก็เตรียมตัว นิรู้ว่าตัวเองเรียนจบปุ๊บนิอยากไปเรียนต่อ ก็เริ่มหาว่าเราอยากเรียนที่ไหน อยากเรียนอะไรเลยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เราสามารถวางแผนได้แล้วก็รู้ว่าเราต้องเตรียมอะไรบ้าง สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าเราอยากเรียนอะไร
แล้วเรื่องภาษาอังกฤษล่ะคะ น้องนิต้องเตรียมตัวเยอะมั้ย
นิ: เตรียมเยอะพอสมควรค่ะเพราะเราไม่ใช่ native speaker การที่เรามาอยู่อังกฤษก็เป็นเมืองที่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ทุกคนทั่วโลกเข้ามาเรียน เราไม่ได้สำเนียงบริทิชอย่างเดียวแต่ได้ทั่วโลกจริงๆ ซึ่งทำให้เราได้พัฒนาตัวเองทุกๆ ด้าน ก่อนที่จะมาก็ไปเรียนคอร์สเพื่อที่จะสอบ IELTS พอเราได้มาอยู่จริงก็รู้สึกว่ามันมีอะไรให้เราต้องปรับตัวไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก
เรียนเกี่ยวกับดีไซน์ Jewellery หรือ Metal เวลาเข้ามาเรียนจริงๆ ยังต้องเขียน essay เยอะมั้ยคะ
นิ: เรื่อง essay ก็ต้องพูดว่ามันหนีไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะคณะอะไรก็ตาม การที่เรามาเรียนอังกฤษเราก็ต้องรู้ตัวเองในเรื่องของการพูดการเขียน ถึงแม้นิจะเรียน Jewellery and Metalwork แต่มันก็ต้องมี part ของการเขียนบ้าง มี part ของการ research บ้าง เพราะฉะนั้นเลี่ยงไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปค่ะ
เตรียมตัวมาเรียบร้อยแล้ว พอเรามาถึงที่นี่จริงๆ เป็นยังไงคะ เหมือนที่เราคิดไว้มั้ย
นิ: โอ้โห (หัวเราะ) จริงๆ แล้วทุกอย่างมันจะไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราคิดไว้ เพราะฉะนั้น ก็อาจจะมีทั้งตื่นเต้นกว่าที่เราคิด อาจจะมีทั้งไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถที่จะปรับได้เร็วแค่ไหน เพราะว่ามาถึงวันแรกก็เจอเพื่อนที่ไม่ใช่คนอังกฤษก่อน เราก็เลยรู้สึกว่า เอ๊ย จริงๆ แล้วการมาอังกฤษทำให้เราได้เจอคนทั่วโลก ทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมจากทั่วโลกจริงๆ
จากนักเรียนไทยมาเป็นนักเรียนอังกฤษต้องปรับตัวเยอะมั้ย
นิ: ถ้าเราอยู่ประเทศไทยเราอาจจะรู้สึกว่าเราคุ้นเคยเราจะตื่นสายก็ได้ การเตรียมตัวในการไปเรียนน้อยกว่าการอยู่ที่นี่ พอมาอยู่ที่นี่มันทำให้เรารู้สึกว่าเรามีความรับผิดชอบมากขึ้น เราโตมากขึ้น ได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองมากขึ้น เพราะว่าเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่แล้ว เรามาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ทุกอย่างเราวางแผนเอง แล้วเราก็ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ มันทำให้เราได้โตมากขึ้น พัฒนาตัวเองมากขึ้น และนิมองว่ามันเป็นการเติบโตในทางที่ดีน่ะค่ะ
เล่าถึงคอร์สเรียนให้ฟังนิดนึงว่า Metal กับ Jewellery สองอย่างเนี้ยมันเรียนด้วยกันยังไง เนื้อหาวิชาคืออะไร
นิ: Metalwork เป็นส่วนหนึ่งของ Jewellery คือการที่เราจะออกแบบเครื่องประดับได้ มันไม่ใช่แค่เราวาดรูปเป็นแล้วเราก็จะสามารถดีไซน์ได้ การที่ได้เรียนที่นี่ก็คือเราดีไซน์เป็น เราวาดรูปเป็นแล้วเราสามารถสร้างชิ้นงานเหล่านั้นที่เราออกแบบออกมาเป็นชิ้นงานจริงๆ ได้ด้วยตัวของเราเอง นั่นคือสิ่งสำคัญนะคะ นิมองว่าการเรียน Jewellery แล้วทำไมเราถึงต้องเรียน Metalwork ด้วย บางอย่างเราไม่สามารถที่จะไปใช้เทคนิคเก่าๆได้ เพราะว่าเราเป็นนักออกแบบ เราคิดทุกอย่างใหม่วันต่อวันเสมอ พอเราคิดได้แล้วเราสามารถทำออกมาได้จริงๆ นั่นแหละที่นิมองว่ามันคือการดีไซน์จริงๆ
ที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญและ support นักเรียนยังไงบ้างคะ
นิ: ทุกอย่างจะครบมากจริงๆ เค้าสามารถที่จะ support idea ของเด็กได้ เพราะเค้าเห็นว่าการจัดอุปกรณ์ที่พร้อมมันจะสามารถทำให้ idea ที่เด็กคิดออกมาน่ะค่ะมันเป็นจริงขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นนิเลยมองว่าที่นี่ค่อนข้างที่จะ support แล้วก็เหมือนกับว่า ผลักดันให้เด็กได้ทำงานขึ้นมาแล้วมันมีประสิทธิภาพ คือจริงๆ นอกจาก Jewellery Workshop ก็จะมีพวก Graphic มี Printer มี Laser Cutting ซึ่งมันจะเอาไว้ support ทุกๆ สาขาวิชาที่เกี่ยวกับการออกแบบน่ะค่ะ มันมี Fashion Workshop อันนี้เจ๋ง นิเคยไปเยี่ยมมาครั้งนึง โห…อยากเรียนแฟชั่นด้วยเลย
เพื่อนๆ ในคลาสของเราเป็นยังไงบ้าง
นิ: ทุกคนน่ารักหมดเพราะว่าการที่เราได้มาเจอเพื่อนต่างชาติ แต่ละคนจะมี background ไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนพยายามที่จะปรับตัวเข้าหากัน สุดท้ายแล้วการมีเพื่อนแล้วเราได้แชร์ไอเดียกัน คือการเรียนดีไซน์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้คุยเรื่องไอเดียกันแล้วเรา มันจะทำให้เราได้ต่อยอด แล้วพัฒนาไปได้เรื่อยๆ เรารู้สึกว่ามันเป็นข้อดีที่เราได้มาเรียนที่นี่แล้วก็มาเจอเพื่อนน่ารัก ในห้องเรียน ก็จะเอาดีไซน์ของแต่ละคนมาแชร์กัน นิก็จะได้คุยกับเพื่อนที่เรียน interior design คุยกับเพื่อนที่เรียน graphic design เพราะว่าบางทีเราออกแบบ Jewellery เราอาจจะร่วมกับ graphic design เพื่อให้เค้าช่วยออกแบบ packaging ให้เรา เราก็จะได้มุมมองของ graphic designer หรือคนอื่นๆ ด้วย
ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ฟังความคิดเห็นจากเพื่อนๆ สาขาอื่นด้วยเนอะ แล้วห้องทำ workshop แชร์กันยังไงบ้างคะ
นิ: เค้าจะมีโต๊ะเตรียมไว้ให้ค่ะ จริงๆ ไม่ได้มีการเขียนชื่อว่าโต๊ะนี้เป็นของใคร แต่ใครที่เข้ามาใช้เราก็จะ เหมือนจะดูว่า โอเคนะเราอยู่โต๊ะนี้ แล้วก็เราจะช่วยกันดูแลรักษา เหมือนกับว่าเป็นการรู้หน้าที่ของตัวเองแล้วก็ช่วยกันดูแล
เล่าถึงอาจารย์บ้าง
นิ: อาจารย์ที่นี่ค่อนข้างที่จะ open นิดนึง เพราะว่าเค้าเจอเด็กหลายๆ ประเภทมากๆ แล้วเพราะฉะนั้นเหมือนกับว่า เค้าก็เหมือนไม่ได้ strict ว่ายูต้องทำนู่นนี่นั่น แต่ว่าสิ่งสำคัญก็คือนักเรียนต้องแสดงให้เค้าเห็นว่า ยูอยากทำอะไรแล้วก็ยูมีความตั้งใจแค่ไหนที่จะทำ เค้าก็จะสามารถให้คำแนะนำดีๆ ได้
มีกิจกรรมเพิ่มเติมระหว่างที่น้องนิเรียนอีกมั้ยคะ
นิ: ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก เยอะจนบางคนอาจจะมองว่ามาเรียนต่างประเทศ เวลาว่างเยอะแยะเอาไปทำอะไร นิมีโอกาสได้ไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่มูลนิธิ ได้มีโอกาสเอาวิชาที่นิเรียน Jewellery Design ไปสอนให้กับคนที่มีความพิการทางสมองหรือทางร่างกายก็ตาม ให้เค้าได้สามารถออกแบบเครื่องประดับแล้วก็ทำออกมาจริงๆ แล้วนิก็เอางานของเค้าไปขายแล้วก็ต่อยอดรายได้ให้กับเค้า มันเหมือนเป็นการเพิ่มมูลค่าในการดำรงชีวิตให้กับเค้าน่ะค่ะ แล้วมันก็จะมีกิจกรรมที่อาจารย์เค้าเห็นว่าเราตั้งใจ เค้าก็จะชวนเราไปออกงาน ไปจัด exhibition อะไรอย่างงี้ ล่าสุดเหมือนนิก็เอางานตัวเองไปประกวดแล้วก็ได้เลือกไปโชว์ มันก็เหมือนเป็น portfolio เป็น profile ที่ดีให้กับเรา ใช่ค่ะสนุก
เวลาว่างทำอะไรบ้างคะ
นิ: ไปเที่ยวต่างเมืองบ้าง ไปดูงานดีไซน์เพราะว่าอังกฤษข้อดีก็คือมี museum ทุกเมือง เราสามารถเข้าไปดู art ไปดู history แต่ละที่ได้หมดเลย มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา แล้วก็เดินทางสะดวกมาก
Sheffield ไปลอนดอนก็แค่ 2 ชั่วโมง
นิ: ใช่ค่ะ และถ้าเทียบกับเมืองอื่น เป็นเมืองที่ค่าครองชีพไม่สูงเลย ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ก็คือนิมองว่ามันอาจจะ ทำให้เราสามารถใช้จ่ายได้แบบโอเค แน่นอนว่าค่าเงินปอนด์แพงกว่าที่ไทยแต่ก็ไม่ได้แพงมาก อาจจะมีซื้ออาหารมาทำเอง ทำให้เรามี activity กับ flat mate เพิ่มขึ้น น่ารักดีค่ะ ได้กินอาหารนานาชาติด้วย
แล้วประโยชน์ที่น้องนิได้รับจากการเป็นนักเรียนที่นี่
นิ: ที่ Sheffield Hallam University ให้ความรู้สึกอบอุ่นเวลาที่เรามาเรียน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ แล้วก็จริงๆ น่ารักตั้งแต่น้ายามหน้ามหาลัยแล้วค่ะ คือทุกคนแบบ friendly มาก การมาเรียนทุกๆ วัน ถ้าเรารู้สึกว่าเราอยากมาเรียนมันจะทำให้งานที่เราทำในแต่ละวันมันออกมาดีด้วย นั่นแหละค่ะมันเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเราไปเรียนแล้วเรารู้สึกไม่มีความสุขมันก็จะออกมาไม่ดี ก็เลยรู้สึกว่าที่นี่ให้สิ่งเหล่านั้นกับนิ มันเลยทำให้นิมีกำลังใจที่จะทำงานแล้วก็รู้สึกว่า
รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างคะกับการที่ได้มาเป็นนักเรียนอังกฤษ
นิ: พัฒนาอย่างแรกคือเรื่องการรับผิดชอบ เรื่องการจัดเวลา ภาษา ความมั่นใจ จากเมื่อก่อนเราอาจจะรู้สึกว่าอยู่กรุงเทพฯ เราก็สามารถคุยภาษาอังกฤษได้ แต่ความมั่นใจมันจะน้อยกว่าการที่เรามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ทุกวัน มันเห็นได้ชัดมากๆ จริงๆ ค่ะ เหมือนกับว่าเมื่อก่อนเราอาจจะรู้สึกว่าอึดอัดมากที่เราจะพูดอังกฤษ แต่หลังจากนี้จะเรากล้าที่จะสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจเราได้ แม้สำเนียงจะไม่เป๊ะเว่อร์ก็ตาม แล้วก็รู้ว่าเราไม่ได้มีความเคอะเขินเหมือนตอนแรกๆ อีกแล้ว
อนาคตน้องนิวางแผนไว้ยังไงบ้างหลังจากเรียนจบที่นี่
นิ: การที่เรามาเรียนอังกฤษมันก็จะมีอะไรหลายๆ อย่างที่แตกต่าง นิจะนำข้อดีจากสิ่งที่นิเรียน ป.โทนี่กลับไปใช้ ไปพัฒนาการเรียนการสอนที่บ้านเรา เพราะว่าก่อนนิมานิก็ชอบงานสอนอยู่แล้ว รับจ๊อบทำงานเปิดโรงเรียนสอนเด็ก แล้วก็เรารู้สึกว่าเราอยากเอาตรงนี้ไปต่อยอด ให้มันมีคุณค่ามากขึ้น เป็นสตูดิโออะไรอย่างงี้ก็ว่าไป
สิ่งที่น้องนิประทับใจที่สุดกับการเป็นนักเรียนที่ Sheffield Hallam University
นิ: ประทับใจที่สุดเรื่องสภาพแวดล้อม เรื่องเพื่อนเรื่องอาจารย์แล้วก็เรื่องสถานที่เป็นความสุขที่เราได้มาอยู่ที่นี่ จริงๆ แล้วเราอาจจะรู้สึกว่า มาถึงแรกๆ คิดถึงบ้านอยากกลับบ้าน แต่พอมาอยู่แล้วรู้สึกว่า เฮ้ย ถ้าวันนึงเราต้องกลับบ้านเราต้องคิดถึงที่นี่มากๆ นิมองว่าอันนี้แหละค่ะมันคือคุณค่าที่แท้จริงว่า การที่เราได้มาอยู่ที่นี่ มาเป็นคนที่นี่ในช่วงระยะเวลานึงแล้วเราได้เจอคนดีๆ แล้วเราเหมือนกับว่ามีโอกาสได้ทำงานแล้วก็เรียนรู้ แล้วก็ได้สร้างสรรค์ผลงานดีๆ ที่นี่ แล้วเรารู้สึก success ในการมาเรียนต่อ เป็นความทรงจำดีๆ ในชีวิต แล้วก็จะได้นำมันกลับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในบ้านเรา
สวย ทัศนคติดี แล้วก็เก่งอีกต่างหาก
นิ: สัมภาษณ์สวย (หัวเราะ)
น้องนิมีอยากฝากขอบคุณใครเป็นพิเศษมั้ยคะ
นิ: ขอขอบคุณพ่อแม่ก่อนเลยได้มั้ยคะ ถ้าไม่มีเค้าสองคนเราก็ไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องของ support ทุกๆ อย่าง หรือแม้แต่กระทั่งเราเกิดปัญหา เราตัวอยู่ไกลกันแต่เค้าให้คำปรึกษาให้กำลังใจเราได้ตลอดเวลา ทำให้เราสามารถที่จะปรับตัวอยู่ที่นี่ได้ แล้วก็ขอบคุณทีมงาน Hands On ด้วยที่อุตส่าห์มาสัมภาษณ์ทำให้เรารู้สึกว่า จริงๆ นิรู้สึกแฮปปี้ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสัมภาษณ์ เพราะเรารู้สึกว่า พอเราเจออะไรดีๆ เราอยากที่จะเผยแพร่สิ่งดีๆ เหล่านี้ออกไป ตอนติดต่อมานิรีบรับเพราะนิรู้สึกว่า นิอยากที่จะให้คนอื่นรู้จริงๆ ว่า การมาเรียนต่อมันดี ที่นี่มันดีนะ แล้วเรามีความสุขขนาดไหน เราก็เลยอยากจะให้คนอื่นได้ดูแล้วก็ได้มีโอกาสมาลองด้วยตัวเอง คือแค่ฟังมันอาจจะไม่รู้สึกถึงความสุขจริงๆ แต่ถ้าเราได้มาลองจริงๆ มันจะรู้สึก โห มันใช่จริงๆ บางทีอาจจะได้ทำอะไรที่มันมากกว่านี้ก็ได้ค่ะ นั่นแหละค่ะ ขอบคุณมากๆ
น่ารักมากๆ เลยนะคะ แล้วพี่ก็เชื่อว่าน้องๆ คนไหนที่สนใจเรียนต่อสาขาวิชานี้นะคะก็จะได้รับความรู้แล้วก็ได้ฟังประสบการณ์จากหลากหลายแง่มุมจากประสบการณ์ตรงของน้องนิเลย ในวันนี้ ขอบคุณน้องนิมากๆ ค่ะ
ดูคลิปสัมภาษณ์กับน้องนิแบบเต็มๆ ได้ที่นี่
สนใจเรียนต่อที่ Sheffield Hallam หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ ใน UK ติดต่อสอบถาม Hands On ได้ทุกสาขา