Hands On Education Consultants

รีวิว Logistics and Supply Chain Management จาก University of Hull

University of Hull สาขา Logistics and Supply Chain Management ที่นี่ ranking ติด Top 10 คณาจารย์ความรู้แน่นและมีประสบการณ์หลายปี เราจะได้ไป field trip ในสถานที่จริงๆ กับทางบริษัทที่มีชื่อเสียง” – นัท MSc Logistics and Supply Chain Management

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ
สวัสดีครับ นัท เรียนป.โท คอร์ส Logistics and Supply Chain Management ที่ University of Hull ครับ

คอร์สเรียนเรียนเกี่ยวกับอะไร

คอร์สนี้ก็ตามชื่อเรียนเกี่ยวกับการขนส่งและระบบการจัดการสินค้าครับ ซึ่งจะมีรายละเอียดเจาะลึกลงไปเรื่อยๆ ในเนื้อหาวิชาระหว่างเทอมครับ

 

ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้

ช่วง 2 ปีก่อนมีโอกาสได้เรียนเกี่ยวกับ Logistics แต่จริงๆ ชอบสายที่จบ ป.ตรีมาที่รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครับ ไม่เกี่ยวกันเลย แต่ว่าได้ไป Take course ระยะสั้นของ TIFFA ซึ่งเป็นสมาคมเกี่ยวกับ Logistics โดยตรงของประเทศไทย แล้วก็ให้ฝึกงาน พอฝึกงานเสร็จก็ไปทำงานจริง เราก็เลยเริ่มทำงานเกี่ยวกับ Field นี้เกือบๆ 2 ปีครับ จริงๆ มันก็เหมือนเป็นทางเลือกมากกว่า อาจจะไม่ได้ชอบตรงๆ เพราะว่างานมันค่อนข้างหนัก เหมือน Field phase forwarding มันค่อนข้างหนัก แต่คิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดี ถ้าสมมุติว่าเราจะทำงานต่อ เปิดธุรกิจตัวเองมันก็เป็นอะไรที่ค่อนข้าง Relate กับการต่อยอดชีวิตตัวเองได้ เหมือนเช่นการหา Supplier ช่องทางการ Low cost ในการทำธุรกิจอะไรอย่างงี้ครับ

สนใจเรียนต่อ University of Hull ติดต่อพี่ๆ Hands On ฟรี คลิก

ลงตัวที่ University of Hull

เพราะว่าที่ Hull ค่อนข้างดังเรื่อง Logistics แล้วก็ตอนเตรียมตัวหาข้อมูลเรียนต่อตอนนั้นไปงานแฟร์ ช่วงเดือนมกราคมครับ แล้วเราก็เจอบูทของ Hull ที่จะพรีเซ้นตัวเองว่าเป็น Logistics เลย แล้วพอเราไปดูใน Ranking มันก็อยู่อันดับต้นๆ ประมาณ Top 5 ของ Logistics UK เลยครับ เราก็เลยเลือกมหาวิทยาลัยนี้แหละครับ

บริการจาก Hands On

พี่อ๊อตโต้ที่ Hands On สาขาพระราม 2 ดูแลครับ ไปเจอพี่เค้าที่งานแฟร์ที่บอกไปข้างต้น พี่อ๊อตโต้เค้าเรียนจบที่ UK มาก็เลยไปคุยเรื่องแนะนำคอร์ส Logistics กับมหาวิทยาลัยกับพี่เค้า พี่เค้าก็แนะนำ University of Hull เราก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น จากนั้นก็ดูหลักสูตรของ Hull มันค่อนข้างตรงกับที่เราสนใจ อยากเรียนครับ

พอตัดสินใจได้ พี่เค้าก็ช่วยเรื่องเอกสาร แนะนำเรื่องการเตรียมตัวมาอยู่ที่อังกฤษ ก็พี่อ๊อตโต้ก็ดูแลผมตั้งแต่ต้น จนมาถึงที่อังกฤษเลยครับ

 

เล่าถึงบรรยากาศการเรียนในห้องให้ฟังหน่อยค่ะ

ผมว่าสนุกดีนะ เพราะว่าคอร์สนี้คนไม่เยอะมาก เราสามารถเข้าถึงอาจารย์ได้ง่าย เรียนเสร็จก็คุยกับอาจารย์เลยถ้ามีคำถาม แล้วเพื่อนก็โอเค นานาชาติดี อาจจะมีคนจีนเยอะนิดนึงแต่อันนี้เรื่องปกติอยู่แล้ว

แล้วนอกจากการเรียนในห้อง ถ้าเรียน logistic ที่นี่จะได้ไป field trip ด้วยครับ อย่างเทอมแรกเลยก็จะเป็น Principle จะไปดูเกี่ยวกับ Warehouse บริษัท Safety บริษัทนึง เราก็จะเห็นวิธีการจัดการเก็บของในโกดังของเค้า วิธีการแพ็ค เลือกสินค้ายังไงจากโกดัง การบริหารการส่งสินค้า Online รวมไปถึงการใช้ Tracking system เข้ามาด้วย แล้วเค้าก็สาธิตแพ็คของให้ดูว่าสมมุติมี Order เข้ามาจะทำยังไงให้สินค้าอันนี้ถึงมือผู้บริโภค เห็นภาพทั้งระบบเค้าครับ

พอเทอมสองก็จะมีไปดูท่าเรือ การที่เมืองนี้มีท่าเรือเป็นของตัวเองเป็นเหมือนเป็น Highlight ของที่นี่อย่างนึง แต่ท่าเรือที่นี่สำหรับการเฉพาะแค่การขนส่งแค่ระยะใกล้ ๆ อย่าง Amsterdam อะไรอย่างงี้ครับ

อันสุดท้ายไป Land Rover เป็นบริษัทรถที่ค่อนข้างใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของอังกฤษ เราก็เห็นวิธีการจัดการเก็บของ และการผลิตตั้งแต่ต้นสุด จนออกมาเป็นคันรถ และก็ไปทำ Security ทดสอบออกวิ่งสนามจริง ขั้นตอนการผลิตเค้าก็จะใช้หุ่นยนต์เป็นส่วนใหญ่ ก็จะไม่ค่อยได้ใช้คน ระบบก็จะเป็นเกือบ Full automatic แล้วครับ

มาที่นี่ก็จะได้ลง Field จริงค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยอื่นอาจจะไม่ได้มาเท่านี้

ส่วนตัวชอบวิชา Sustainability ครับเป็นวิชาเกี่ยวกับความยั่งยืน เพราะว่าในประเทศไทยยังไม่สนใจในเรื่องนี้มากเท่าที่ควร เหมือนประเทศเราสนใจการออกแบบ Package ออกมาให้ดูดี แต่จริงๆ มี Content อื่นๆ ที่มันสามารถ Show ได้เหมือนกัน และก็มีผลดีกับสิ่งแวดล้อมด้วยครับ เป็นวิชาที่ไม่น่าเบื่อ แปลกใหม่ดี อาจารย์เค้าก็จะมีให้เล่นเกม ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกันยังไงกับตัววิชา แต่พอเล่นไปก็เลยเข้าใจว่าเค้าจะสอนอะไร แต่เกรดก็จะยากนิดนึง (หัวเราะ) เพราะเหมือนมันจะรวมกับของ Business เข้ามาด้วย วิชานี้ก็เป็นวิชาเดียวที่เรียนรวมกับสาขาอื่น ๆ ครับ

สนใจเรียนต่อ University of Hull ติดต่อพี่ๆ Hands On ฟรี คลิก

University of Hull

University of Hull เป็นเหมือนมหาวิทยาลัยที่ไทยเลย ตึกทุกตึกของมหาวิทยาลัยก็อยู่ในรั้วเลย เหมือนเป็น Campus ครับ ต่างจากมหาวิทยาลัยที่อื่นใน UK ที่ตึกกระจายๆ กัน

โดยรวมมหาวิทยาลัยสวยครับ โซนตึก Business ก็สวยเหมือนกัน เพราะที่นี่เปลี่ยนดอกไม้ตามเทศกาลตลอดครับ เนี่ย อย่างตอนนี้โดน Heatwave ไป หญ้าที่อื่นตายหมดแล้ว แต่มหาวิทยาลัยเราสวยตลอด คือเค้าดูแลมหาวิทยาลัยดีมากจริงๆ ครับ

ระบบการดูแลนักเรียนก็ดีนะครับ มีปัญหาอะไรก็ติดต่อ Student Hub ได้เลย เค้ามีคำตอบให้เราแน่ๆ ครับ

ความเป็นอยู่ที่อังกฤษ

ปรับตัวเยอะสุดน่าจะเป็นเรื่องอาหาร ที่อาจจะแปลกไปนิดนึง ไม่อร่อยเท่าไหร่เพราะปกติเป็นคนที่กินรสจัด แต่ว่าก็ปรับตัวได้ครับ คิดว่าอาหารที่เมืองนี้ก็ยังโอเคระดับนึง แต่พอมี Party พี่ ๆ เค้าก็ทำอาหารให้กินอร่อยมากครับ พี่ ๆ คนไทยมีใครทำอะไรก็จะมาแจกกัน (หัวเราะ)

 

Hull

ตอนแรกก็แปลกใจเพราะเราก็ดูฟุตบอล ก็รู้จักทีม Hull City อยู่ใน Premier league เลยนะ แต่พอเราเข้ามาที่นี่ จ่ายค่าเทอมปุ๊ป อันดับทีมก็ตกเลยครับ โอนปุ๊บตกปั๊บ ทีมแพ้รวดเลยครับ (หัวเราะ)

คิดว่าเมืองนี้ค่อนข้างเล็ก แต่ว่าน่าอยู่ มันเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของเมืองนี้ที่พื้นค่อนข้างเรียบไม่เป็นเนิน คือเหนื่อยมากเดินเที่ยวที่เมืองอื่น ที่ไปเมืองอื่นมาไม่มีที่ไหนราบเรียบเท่าที่นี่เลยครับ อีกอย่างนึง Living cost ที่นี่ก็ไม่สูงมากถ้าเทียบกับเมืองอื่นครับ พวกค่าที่พักก็จะถูกกว่า สามารถเก็บเงินไปเที่ยวเมืองใหญ่ได้สบาย ๆ ครับ แต่ค่ากินก็เท่าเมืองอื่นนะ แต่ไม่ต้องกลัวเหงาครับ ที่นี่ มี Freedom Festival ทุก ๆ ปีช่วงสิงหา กันยา มันเป็นงานแสดงโชว์ของคนที่เมืองนี้อะครับเค้าจะจัดทั้งเมืองเลย ก็จะเป็นการแสดงโชว์แบบแปลก ๆ ใครอยากจะทำอะไรก็ทำเลย เช่นพวกต่อตัว กายกรรม แต่งเป็นไดโนเสาร์เดินรอบเมืองก็มีครับ แต่ก็จะมีพวก Event จัดที่เป็น Main ของทุกปีแต่ส่วนใหญ่ก็จะเสียตัง

มาที่นี่ห้ามพลาด Aquarium ครับที่มันเป็นของมหาวิทยาลัยเลย ก็มีปลาแปลกๆ ให้ดู แบ่งเป็นโซนๆ เขตร้อน เขตชื้น อะไรอย่างงี้เยอะครับ และก็ห้ามพลาดมหาวิทยาลัยนี่แหละครับสวยจริงๆ และที่นี่ก็มี Museum ดีๆ เยอะ มี Museum เกี่ยวกับนักกวีอังกฤษที่สำคัญ อะไรอย่างงี้เป็นต้นครับ

ฝากถึงน้องๆ ที่จะมาเรียน

ก็คิดดีๆ ครับ เพราะการมาเรียนทั่งกฤษมันก็ไม่ได้ยากและก็ไม่ได้ง่ายจนเกินไปที่จะมาเรียน ถ้าภาษาอังกฤษไม่ได้จริงๆ มันก็อาจจะยากนิดนึง เพราะที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ คนไทยไม่เยอะ แต่ถ้าไปอยู่เมืองที่มีคนไทยเยอะมันก็อาจจะง่ายกว่านี้ เหมือนเป็นข้อดีอย่างนึงที่มาอยู่เมืองนี้ ก็คืออย่างน้อยจะได้พูดภาษาอังกฤษแน่นอน แล้วค่าครองชีพเมืองนี้ก็ค่อนข้างถูกกว่าเมืองอื่นด้วยครับ

จริง ๆ ถ้าไปดูในอินเตอร์เน็ตเมืองนี้อาจจะไม่ค่อยน่าอยู่ เพราะว่ามันเป็นเมืองเล็ก พอเป็นเมืองเล็กของมันเลยไม่ค่อยเยอะเท่าเมืองอื่น Ranking เลยอยู่ไม่ค่อยสูง แต่จริงๆ คือน่าอยู่ ไม่ได้น่ากลัว แนะนำให้มาเรียน Hull นะครับเพราะค่าเทอมก็ไม่ได้แพงเกินไป เอาจริงๆ แล้วมันก็เหมือนเป็นโอกาสอย่างนึง ค่าใช้จ่ายมันก็ไม่ได้ต่างจากที่ไทยเยอะขนาดนั้น ต่างกันแค่ค่าเรียนค่าครองชีพ จ่ายเพิ่มอีกนิดนึงเราก็ได้มาเรียนที่นี่แล้ว และก็เรียนแค่ปีเดียวก็ได้ปริญญาแล้วด้วย รวมถึงเราจะได้ประสบการณ์อะไรแปลกๆ กลับไปด้วย เพราะบางอย่างมันหาไม่ได้จากที่ไทย อย่างเช่นการใช้ชีวิตในต่างประเทศคนเดียว ตอนแรกเราก็ถามพี่อ๊อตโต้นะ ว่าเมืองนี้มีคนไทยกี่คน พี่เค้าก็บอกว่ามันเป็นเมืองเล็กๆ คนอาจจะไม่ได้เยอะ ตอนนั้นพี่เค้าก็บอกว่ามีคนไทยแค่ผมคนเดียวนี่แหละ แต่ผมก็ Survive มาได้ครับ แต่มาถึงก็ได้เจอเพื่อนเพิ่มนะ

และก็ค่าเรียนที่นี่มันค่อนข้างแปลก เหมือนตอนแรกจ่ายมัดจำไปก่อนจะมีทุนส่วนลดค่าเรียน ของเด็กนานาชาติให้ 2,000 pounds แต่พอมาเรียนจริง ค่าเรียน Pre-sessional เค้าจะให้ฟรีด้วย รวมถึงค่าเทอมเองเค้าก็ลดให้อีก สุดท้ายก็ได้เงินคืนเต็มเลย เหลือเงินไว้ให้เที่ยวเลยครับ (ยิ้ม)

สนใจเรียนต่อ University of Hull ติดต่อพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก