Hands On Education Consultants

รีวิว MA Media and Public Relations ที่ Newcastle University โดย Dew

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

Dew: สวัสดีค่ะ ชื่อพี่ดิวนะคะ พี่ดิวเรียน Media and Public Relations ที่ Newcastle University เพิ่งจบเลยค่ะ

ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้คะ?

Dew: พี่เลือกเรียน Media and Public Relations เพราะว่าพี่มีงานประจำอยู่แล้วอยู่ที่เมืองไทย ก็คือทำงานด้านประชาสัมพันธ์และก็ด้านสื่อสารองค์การ แล้วก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการเรียน background ด้านนี้มาก่อนเลย ถึงแม้จะทำงานด้านนี้ เลยคิดว่ามาเติมเต็มตรงนี้ดีกว่า ก็เลยมาเรียนด้านนี้ค่ะ

สาย Media หรือ PR มีเยอะมากเลย ทำไมถึงมาลงตัวที่คอร์สนี้?

Dew: พี่มองว่า คอร์ส Media and Public Relations เป็นอะไรที่ตรงกับงาน แล้วก็ตอนที่มาเรียนก็ดู ranking ของที่มหาวิทยาลัยด้วย อย่าง Newcastle ตัว ranking ด้านการเรียนการสอนด้าน Media ติด Top 3, Top 5 ของอังกฤษอยู่ในปีที่เราเช็คนะ ก็เลยตัดสินใจว่ามาเรียนที่ Newcastle

แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือเชียร์ Newcastle United ด้วย เชียร์มาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก็เลยคิดว่าถ้าไปที่อื่นมันจะขาดอะไรไป คือถ้าเราเชียร์ Newcastle มาตั้งแต่ 10 ขวบ แล้วถ้าเราเลือกไปเรียนที่อื่นแล้วเรากลับไปเมืองไทย เราก็จะเสียดายอยู่ดีว่าทำไมเราไม่มาที่นี่

การเตรียมตัวเรียนต่อ

Dew: ของพี่เนื่องจากลาศึกษาต่อ ก็ต้องลาขออนุญาตที่ทำงาน แล้วก็สอบ IELTS

คือตอนที่วางแผนเรียนต่อ พี่มีถามเพื่อน ๆ ที่มาเรียนปีก่อนหน้านี้ เค้าก็มากับ Hands On เหมือนกัน เค้าก็บอกว่าพี่เค้าดูแลดีนะ เค้าดูแลตั้งแต่ต้นจนจบเลย อะไรอย่างนี้ application อะไรต่าง ๆ เค้าก็ช่วยดูช่วยกรอก วีซ่าเค้าก็ช่วยนะ พี่ก็เลยขอ contact ติดต่อมาเลย แล้วก็ได้ใช้บริการของ Hands On

การบริการจาก Hands On

Dew: ก็อย่างเริ่มตั้งแต่เอกสารเลย พี่เค้าก็จะช่วยดูเลยว่าต้องมีอะไรบ้าง ตอนที่เราร่าง SoP เค้าก็ช่วยดูว่าอันนี้โอเคไหม ยังไง ช่วยปรับ ช่วยดู จนตอนที่สมัคร แม้กระทั้งตอนที่ยื่นมหาวิทยาลัยเค้าก็ช่วยเลือก อย่างพี่ยังตัดสินใจไม่ได้ พี่ยื่นไป 5 มหาวิทยาลัย แล้วก็จริง ๆ พี่ก็สนใจที่ University of Essex อีกที่หนึ่ง เพราะว่าด้วยคอร์สมันตรงกับงานมากกว่า เสร็จแล้วพี่ที่เป็น counsellor คนที่ดูแล ก็บอกว่า “เนี่ยน้องดิว เดี๋ยวธรรมะมันก็จะจัดสรรให้เราเอง ว่าอะไรที่มันจะเป็นของเรา” อะ ก็สมัครไปก่อน พอสมัครเสร็จก็ได้รับการตอบรับกลับมาทุกมหาวิทยาลัยที่เรายื่นไป 5 ที่ แล้วทีนี้ก็บอกพี่เค้าไปว่าสนใจไม่ Essex ก็ Newcastle แต่ว่าหนูอะเชียร์ Newcastle มาตั้งแต่เด็กเลยนะ พี่เค้าก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นมันมีคำตอบอยู่แล้ว ก็ไปตามที่ใจเราต้องการเถอะ (ยิ้ม)

แล้วประกอบกับตอนนั้น Newcastle เค้าก็ให้ทุนส่วนลดค่าเล่าเรียนมาด้วย ที่ Essex ก็ให้ แต่เค้าให้น้อยกว่า ที่ Newcastle ให้ 4,000 ปอนด์ เราก็เลยตัดสินใจมาที่นี่ มันก็ต้องที่นี่แล้วละ

กิจกรรมเตรียมพร้อมเรียนต่อของที่ Hands On

Dew: ตอนที่พี่มาปีนั้นเป็นปีโควิด Hands On เค้าก็จัด Pre-departure Briefing ทาง Zoom ให้ แล้วก็มีคู่มือมาให้ทางอีเมล เพราะไม่สามารถไปทำกิจกรรมแบบเจอหน้ากันได้

ซึ่งก็มีประโยชน์มาก อย่างบางเรื่องเราห่างหายจากการเรียนมานาน อย่างพี่เคยเรียน ป.โท มาแล้วก่อนหน้านี้แต่ก็ผ่านมา 8-9 ปีแล้ว  ก็จะมีการแนะนำการกลับมาเป็นนักศึกษาอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงการมาใช้ชีวิตในประเทศอังกฤษ ซิมโทรศัทพ์ยังไง เราจะซื้อของที่ไหน Argos ไหม หรือว่ายังไง ถือว่าดีมากค่ะ

สนใจเรียนต่อ Newcastle University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

รีวิว MA Media and Public Relations

Dew: พี่เรียน Media and Public Relations ใช่ไหม เค้าก็จะมีการเรียนการสอนทั้งเรื่อง media แล้วก็ PR ซึ่งวิชาเลือกมันก็จะมีสาขาอื่นที่น่าสนใจอย่าง Data analytics อะไรอย่างนี้ หรืออย่างพี่ก็เลือกลงวิชาที่มันเป็นสื่อสารทางการเมืองด้วย เพราะว่า background ป.ตรี พี่จบรัฐศาสตร์การเมืองและการปกครองมา ก็มารู้ระบบการเมืองของอังกฤษ ก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ

ส่วนเนื้อหาการเรียน พี่ว่าถ้าเป็นคนที่ไม่เคยทำงานสาย PR มาก่อนเลย จะแปลกใหม่ แต่สำหรับส่วนพี่ พี่ทำงานด้านนี้มา 10 กว่าปี มันก็จะต่างกัน คือพี่จะได้ประโยชน์เวลาที่เราเข้าคลาสสัมมนา เพราะว่าเราจะได้มุมมองที่แตกต่างจากคนที่อยู่ประเทศอื่น ๆ ว่าเค้าทำ pr อย่างไร

อย่างเช่นประเทศจีนอย่างนี้ ถ้ายกเคสออกมา เค้าจะค่อนข้างต่างจากประเทศอื่น เพราะด้วยระบบการเมืองเค้าไม่สามารถพูดทุกอย่างได้ มันก็เป็นการเปิดมุมมองว่า อ๋อมันเป็นแบบนี้ หรือถ้าเป็นประเทศทางอาหรับเค้าก็จะเป็นอีกแบบ มันก็จะมีข้อห้ามที่ไม่เหมือนกัน อย่างประเทศไทยเองก็แปลกมากเลย คือเมืองไทยสามารถเสนอข่าวฆาตกรรมขึ้นหน้าหนึ่งได้ ซึ่งประเทศอื่นเค้าจะไม่ทำกัน เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะโปรโมท อะไรแบบนี้ค่ะ

บรรยากาศในห้องเรียนบ้างค่ะ เป็นอย่างไรบ้าง

Dew: คนเรียนเยอะนะคะ แต่ว่าต้องทำใจอย่างหนึ่งว่าที่นี่คนจีนเยอะ พี่ไม่แน่ใจว่าคอร์สอื่นเป็นยังไง แต่พวก business school หรือสาย pr คนจีนเยอะ แต่ก็มีคนจากประเทศอื่น ๆ เยอะเหมือนกัน แล้วก็มีเด็ก local

คนเรียนเกือบร้อย แต่สมมติว่ามีคลาสเรียนไปวันจันทร์ กลางสัปดาห์ก็จะมีคลาสสัมมนา ซึ่งจะเหลือแค่ประมาณ 15 – 20 คน แล้วเค้าก็จะพยายาม encourage ให้เราพูด คือที่นี่พี่คิดว่าคนจะได้อะไรเยอะอะไรน้อยอยู่ที่เรา ว่าเราจะศึกษามาเองมากน้อยแค่ไหน เพราะเค้าจะไม่มานั่งสอน เค้าจะบอกว่าอ่านตรงนี้ ตรงนี้นะ แล้วมาในห้องคือการมานั่งคุยกัน

สนใจเรียนต่อ Newcastle University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

อาจารย์ผู้สอน

Dew: อีกอย่างหนึ่งที่พี่ชอบของการมาเรียน media ที่นี่ คืออาจารย์ค่ะ คือจะไม่ใช่อาจารย์ที่เป็นอาจารย์จ๋า ๆ แบบนั้น แต่เค้าจะเป็นอาจารย์ที่เป็นคนที่เคยทำงานด้านนี้มาก่อน เพราะว่าศาสตร์ทาง media& PR เป็นศาสตร์ที่ค่อนข้าง practical ต้องเป็นคนที่เคยทำงานด้านนี้ ไม่ใช่คนที่รู้เฉพาะด้านวิชาการอย่างเดียว อาจารย์ของคอร์สพี่ก็จะเป็นคนที่ อย่างเช่น เคยทำงานที่ BBC เคยทำงาน PR Agency ที่ต่างประเทศ เช่น ตะวันออกกลาง เอเชีย มาก่อน แล้วก็มีอาจารย์มาจากแอฟริกา ที่เค้าเคยสอนอยู่ในนิวซีแลนด์ มันทำให้เราได้เห็นอะไรที่กว้างกว่าที่เราเคยเห็น พี่ก็คิดว่ามันทำให้เราได้ประสบการณ์มากกว่าองค์ความรู้ที่เป็นวิชาการมากเกินไป

รวมถึงมี visiting professor ที่มาจากที่อื่น มาเทอมละ 2 ครั้ง ก็ถือว่าบ่อยนะ 2 เดือนครั้ง ซึ่งอันนี้พี่ว่าดีมาก เพราะเหมือนคนที่เค้าได้รับการยอมรับในวงกว้าง มาเป็น visiting professor ให้

assignment เป็นอย่างไรบ้างคะ?

Dew: ส่วนใหญ่จะเป็น essay ค่ะ ของพี่เป็น paper ล้วนเหมือนกัน ไม่มีสอบ เหมือนอยู่ธรรมศาสตร์ แล้วความที่ตอนป.ตรี เราอยู่ที่ธรรมศาสตร์มา เราทำข้อสอบเขียนมาตลอด มาอยู่ที่นี่ก็เขียนเหมือนเดิม

พี่ว่าจริง ๆ แล้วเค้าไม่ได้ดูคำตอบหรอก เค้าดูวิธีคิดของเราว่าทำไมเราถึงคิดแบบนี้ แล้วเราสามารถถ่ายทอดออกมาได้มากน้อยแค่ไหน และที่พี่ชอบอย่างหนึ่งก็คือเค้ามี criteria ที่ชัดเจน ว่าคะแนนมันมาจากอะไร ถ้าเราอยากได้คะแนนดีเราก็ทำตาม criteria ที่เค้าให้มา

อย่างเช่นตอนที่ทำ dissertation เราจะสามารถเลือกได้ว่าเราอยากทำ dissertation หรือเราอยากไปทำงานกับบริษัทจริง ๆ เลย  แต่พี่เลือกทำ dissertation ปกติ เพราะว่าพี่มา gap year เพราะพี่ทำงานมาเยอะแล้ว (หัวเราะ)

รีวิว Newcastle University

Dew: ที่นี่ต้องแบ่งเป็น 2 โซน มันจะมี main campus กับที่ business school

คือที่ business school มันจะเป็นอะไรที่ใหม่ modern แล้วก็ที่ main campus ก็จะเป็นอาคารเรียนสไตล์อังกฤษ พี่เรียนที่ Armstrong Building ตึกที่เก่าที่สุดในมหาวิทยาลัย พอถึงหน้าหนาวคือหนาวมาก เพราะระบบ heating อะไรมันเก่าแล้ว (ยิ้ม) พี่เคยคุยกับน้องบางคน เค้าบอกว่าเลือกมาเรียนที่นี่เพราะชอบที่มันเป็นอาคารตึกแดงเป็นอิฐแดง (Red Brick*) ก็สวย

ที่ Newcastle พี่ชอบพื้นที่บริเวณที่มัน connect กัน แล้วก็ชอบความสวยงามของสถาปัตยกรรมของตึก อาคารต่าง ๆ เพราะเรามาเรียนที่อังกฤษเราก็อยากมาเรียนที่สวย ๆ เดินออกมาดูตึกเก่า ๆ ถ่ายรูปออกมาแล้วมันสวย บางคนอาจจะชอบอะไรที่มันโมเดิร์น แต่เราชอบอะไรที่มันเก่า ๆ เรารู้สึกว่ามันดูดี

*Red Brick = กลุ่มมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1

facility ที่นี่เป็นอย่างไรบ้างคะ?

Dew:  facility อย่างเช่นห้องสมุดอะไรอย่างนี้พี่คิดว่าดี มหาวิทยาลัยเรามีทั้งห้องสมุดภาษา มีห้องสมุดทั่วไป รวมถึงที่ Newcastle เค้าก็มี city library ด้วย ทุกอย่างเดินถึงหมด

พี่เคยคุยกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยอื่น เค้าบอกว่ามหาวิทยาลัยเราดีเพราะว่าทางมหาวิทยาลัยให้ปริ๊นท์เอกสารได้เยอะกว่าของเค้า คือให้เยอะกว่าที่อื่นมาก พี่ก็คิดว่าดีที่ทางมหาวิทยาลัยเค้า support เราเต็มที่

แล้วก็สต๊าฟดีมาก support ตลอด เค้าจะกังวลมาก โดนเฉพาะเรื่อง mental health เค้าจะกังวลมากถ้าใครบอกว่าเครียดนะ ถ้าจะขอเลื่อนส่ง assignment ให้เหตุผลอย่างเดียวว่า “ชั้นเครียด” เค้าก็เลื่อนให้ ไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ แค่บอกเค้าว่าเครียด เค้าก็โอเค extend เพราะว่าพี่ว่าที่ประเทศนี้เค้าค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพจิต

อีกอย่างหนึ่งที่พี่คิดว่าดีคือกิจกรรมของที่มหาวิทยาลัย ในเว็บของสโมสรนักศึกษาเค้าจะมีขายทัวร์ในราคานักศึกษา เราก็ไปกับเค้า มันก็จะทำให้เราได้เพื่อนจากคณะอื่น

แล้ว Thai Society ละคะ ที่นี่นักเรียนไทยเยอะไหม?

Dew: เยอะอยู่นะ แต่ปีที่แล้วเป็นปีโควิด ก็ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมากนัก แต่ว่ามี hang out กันตลอด เพราะอย่างหอที่พี่อยู่มันจะมีห้องให้จองได้ เราก็จองไปทานข้าวด้วยกันได้ แทบจะอาทิตย์เว้นอาทิตย์

แต่ Newcastle ก็ต้องถือว่าไม่ได้เป็นเมืองที่มีนักศึกษาไทยเยอะมากนะ เทียบกับเพื่อนพี่ที่อยู่ Leeds เค้ามีเป็น 100 – 200 คน แต่อันนี้ของเราก็น่าจะประมาณ 40 – 50 คน ก็ถือว่าไม่เยอะไม่น้อย

แล้วก็ถ้าอยู่ Newcastle แล้วอยากกินอาหารไทย ก็มีหมูกระทะ เป็นอะไรที่คุยกับเพื่อนเมืองอื่นได้

โดยรวม happy กับคอร์สกับมหาวิทยาลัยที่เราเลือกไหมคะ?

Dew: พี่ happy กับคอร์สกับมหาวิทยาลัยนะ

อย่างคอร์สอาจจะมีติดนิดหนึ่งที่มีนักศึกษาจีนเยอะ แต่อันนี้ก็ต้องเข้าใจว่าจริง ๆ นักศึกษาจีนคือคนที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศนี้อยู่ได้ มองโลกตามความเป็นจริง (หัวเราะ) ถามว่ามัน effect กับเราไหม มันก็ effect นะ อย่างในคลาสสัมมนาเค้าจะไม่ค่อยพูด แต่มันจะทำให้เราได้พูดเยอะ เราได้เรียนเต็มที่ แต่มันอาจจะไม่ได้หลากหลายขนาดนั้น

รีวิวเมือง Newcastle ประเทศอังกฤษ

Dew: พี่ว่าพี่ตัดสินใจถูกที่สุดที่เลือกมาที่เมือง Newcastle แม้จะตัดเรื่องบอลออกไปแล้ว

แต่พี่คิดว่าที่นี่เป็นเมืองที่ใช้ชีวิตง่าย เพราะอย่างไปเมืองอื่นจะไปไหนทีต้องนั่งรถบัส คือที่นี่มีรถบัสนะถ้าสมมติว่าจะออกไปเที่ยวหรือไปเมืองอื่น แต่ถ้าใช้ชีวิตปกติอย่างจากหอ ไปเรียน ไปหาอะไรกิน ไป hang out, night life ซื้อของ shopping มัน walking distance ได้หมด แล้วกิจกรรมเยอะ มี orchestra มีละครเวที มีพวก stand up comedy ด้วยนะ เค้าจะมีกิจกรรมเยอะ เป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางหน่อย มีอะไรให้ทำเยอะพอสมควร อาจจะไม่ได้มากเท่าลอนดอน แต่ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรเลย

Newcastle ในความรู้สึกพี่คือเป็นเมืองคึกคักมาก มีคนบอกว่าที่ Newcastle เป็นเมืองที่ Night life ดีที่สุดในอังกฤษ เพราะว่าคนเมาเก่ง ปาร์ตี้เก่ง อะไรอย่างนี้ ก็ถ้าใครที่ชอบ Night life ในราคาที่ on a budget กว่าลอนดอน พี่ว่า Newcastle คือตอบโจทย์ มีทุกอย่างที่เมืองใหญ่ ๆ มี เรามี China Town อังกฤษมี China Town แค่ 4-5 ที่ จะหาอาหารเอเชียกินก็ง่าย

หรือถ้าอย่างไปเที่ยว อยากไปภูเขา ไป lake district ก็ใกล้นิดเดียว ไปเช้าเย็นกลับยังได้เลย อยากไปทะเลก็ได้ไป ไปเมืองใกล้ ๆ ไปสก็อตแลนด์ก็ไม่ไกล หรือถ้าใครมาอังกฤษ เราอยากไปเที่ยวประเทศอื่นในยุโรป พี่แนะนำว่าให้ไปขอวีซ่า Schengen ไว้เนิ่น ๆ เพราะว่าคิวมันยาว แล้วถ้าเราได้วีซ่าแล้ว ด้วยความที่ Newcastle เป็นเมืองที่มีสนามบิน นั่ง metro จากเมืองไปสนามบินก็แค่ 10 – 20 นาที เราก็สามารถไปเที่ยวยุโรปในราคาที่มันเท่ากับตั๋วรถบัสบ้านเรา หลักพันอะไรงี้ อย่าง สเปน ฝรั่งเศส แล้วบินจากที่นี่ได้เลย หรือว่านั่งรถไฟไปขึ้นที่สนามบินที่ Edinburgh ก็ไม่ไกล ทำได้ พี่ก็เลยคิดว่ามันลงตัว ทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง มันค่อนข้างเป็น hub ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษเนอะ แต่คนอาจจะมองข้าม เพราะอาจจะรู้สึกว่ามันไกลลอนดอน แต่ว่าเราบินจากไทยมาลงที่ Newcastle ได้เลยจริง ๆ แล้ว สะดวก

ดูฟุตบอลที่ Newcastle

Dew: พี่ดูบอลทุกนัด (ยิ้ม) ที่ Newcastle United เล่นในบ้าน fulfill มากค่ะ อย่างที่บอกว่าเชียร์ Newcastle United มาตั้งแต่เด็ก

มาที่นี่พี่ก็สมัคร membership สโมสรเลย เพราะว่าถ้าซื้อตั๋วปีมันจะนั่งได้แค่โซนที่เราเลือก แต่ถ้าเราซื้อ member เราต้องกดตั๋วเป็นรายนัด แต่ว่าเราจะเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ แล้วเราได้โอกาสในการกดซื้อตั๋วในวันเดียวกับคนที่ซื้อตั๋วปี

ถ้าใครจะจองแบบได้ student discount จะต้องซื้อใน website ของ Student Union (NUSU) แต่ว่ามันจะไม่มีทุดนัด แล้วมันจะมีจำกัด ก็คือมันจะต้องกดแย่งกัน เพราะอันนี้จะถูกว่า 21 ปอนด์ แต่ว่าถ้าเราซื้อกับสโมสร member ก็จะราคาประมาณ 37 – 60 ปอนด์ แล้วแต่โซนที่นั่ง

พี่ดิวมีอะไรอยากฝากถึงน้อง ๆ บ้างไหมคะ? อย่างคนที่ทำงานอยู่แล้วอยาก take gap year อย่างพี่ดิวบ้าง

Dew: พี่ก็รู้สึกว่าถ้าน้อง ๆ อยากมาเรียน มีโอกาสที่จะได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ในชีวิต ก็อยากให้ลอง หรือว่าถ้าใครที่ทำงานมาแล้วรู้สึกว่ามันตัน ๆ ก็ลองมา take gap year ดู เพราะมันไม่ใช่แค่วิชาการ เราจะได้เพื่อน ได้สังคม ได้รู้จักคนที่เยอะขึ้น ได้ connection

สนใจเรียนต่อ Newcastle University หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง