Hands On Education Consultants

รีวิว MBA ที่ Aston University โดย May

แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ

May: ชื่อเมย์ค่ะ เรียน MBA ที่ Aston University ค่ะ

ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์ส MBA?

May: ตอนแรกดูเปรียบเทียบไว้ระหว่าง MBA กับ Management แต่ว่า MBA มัน require ประสบการณ์การทำงาน แล้วถ้าเป็น Management อาจารย์จะเป็นคน lecture เรา จะเป็นคนสอนเรา แต่ MBA ก็คือจะเป็นสองอย่างคือ อาจารย์สอนและมีการ discuss กับเพื่อนในห้องเพื่อแชร์ประสบการณ์การทำงานของเค้า รู้สึกว่าเราจะได้ความรู้จากคอร์ส MBA มากกว่าด้วย เลยเลือกเรียนต่อ MBA ค่ะ

MBA มีสอนทุกมหาวิทยาลัยเลย แล้วทำไมถึงต้องเป็น MBA ที่ Aston University?

May: จริง ๆ ดูโลเคชั่นของมหาวิทยาลัยค่ะ อยากจะอยู่ในเมืองที่เป็นเมืองใหญ่หน่อย แต่ไม่ได้ใหญ่มากแบบ London เพราะว่าค่าครองชีพก็จะสูง อย่าง Birmingham ก็จะต่ำลงมา แต่ยังคงความเป็นเมืองใหญ่อยู่ แล้วก็อยู่ในเมืองค่ะ แล้วพอดูคอร์สก็น่าสนใจด้วยค่ะ

การเตรียมตัวเรียนต่อ

ขั้นตอนการเตรียมตัว เตรียมตัวยังไงบ้าง รู้จักพี่ Hands On ได้ยังไง?

May: มีเพื่อนแนะนำค่ะ แล้วก็คุยมาตลอด อย่างช่วงที่โควิดระบาดใหม่ ๆ ก็พักไปประมาณปี 2 ปี แต่พี่ ๆ ก็ยังติดต่อมาอยู่เสมอ

พี่ Hands On ดูแลอะไรเราบ้าง?

May: เค้าก็แนะนำคอร์สเรียน แนะนำมหาวิทยาลัย แล้วพอเราเลือกมหาวิทยาลัยได้แล้วเนี่ย เค้าก็จะแนะนำว่าเราต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง เอกสารอะไรบ้างค่ะ แล้วก็จะมีเป็น check list มาให้เลย เราก็จะไม่ต้องกังวลว่าเราหลงลืมอะไรไป เรื่องวีซ่าก็ช่วยทุกอย่างเลย คือเค้าจะมี check list มาให้เราใช่มั้ยคะ เราก็แค่เตรียมเอกสารไปตามที่พี่เค้าแนะนำ ช่วยทุกอย่างเลย เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย (หัวเราะ) เรื่องที่พักก็ช่วยค่ะ ที่พักก็จะมีลิสต์มาให้เลยว่ามีที่ไหนบ้างให้เราเลือก อันนี้ก็สะดวกเหมือนกันเพราะว่าเราไม่เคยมา ไม่รู้ว่าที่ไหนเป็นยังไง ก็สามารถดูจากที่พี่ Hands On ส่งมาให้ แล้วก็เลือกได้เลย สะดวกมากค่ะ และไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย

ตอนแรกก็มีคุยกับหลาย ๆ ที่เหมือนกันค่ะ แต่สุดท้ายเลือก Hands On เพราะเวลาที่ถามคำถามไป พี่ Hands On ก็จะตอบเร็ว แล้วก็ตอบคำถามได้ตรงกับสิ่งที่เราอยากรู้ค่ะ อย่างบางเอเจ้นท์ก็ตอบตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง แล้วก็แนะนำที่ที่เราไม่ได้อยากจะเรียนค่ะ เช่น เราบอกว่าเราต้องการจะเรียนคอร์สนี้ ในเมืองนี้ แถบ ๆ นี้ เค้าก็จะแนะนำเป็นที่อื่น ก็จะบอกว่าที่อื่นอาจจะเหมาะสมกับเรามากกว่า ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะได้ อีกอย่างเวลาคุยกับเอเจ้นท์อื่น เค้าก็จะมีลิสต์มหาวิทยาลัยที่เหมือน ๆ กัน ไม่ได้มีตัวเลือกให้เราเลือกเยอะค่ะ แต่ว่าที่ Hands On คือมีเยอะที่สุดค่ะ และข้อมูลก็ครบถ้วนมีการอัพเดทเราอยู่ตลอดค่ะ อย่างก่อนเดินทางมาเรียน ก็มีเข้ากิจกรรม Pre-departure ไป 2 รอบค่ะ รอบแรกกับรอบสองข้อมูลก็จะอัพเดทต่างกันตามสถานการณ์ที่อังกฤษค่ะ

สนใจเรียนต่อ Aston University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

คอร์ส MBA ที่ Aston University

MBA ที่นี่เค้าเรียนอะไรบ้าง

May: เปิดเทอมแรกมาก็สอน Finance เลย (หัวเราะ) ก่อนหน้านี้เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์มาค่ะ ก็คือไม่มีพื้นฐานพวกนี้เลย พอเปิดมาเรียน Finance เลย มันก็จะยากตรงที่เราไม่รู้พวกศัพท์เฉพาะค่ะ แต่ว่าพอเราปรับตัวได้ เราก็จะค่อนข้างตามทัน

คอร์สเทอมแรกจริง  ๆ ก็มีปูพื้นฐานทุกอย่างเลยค่ะ Finance, Marketing, Management, Supply Chain แล้วก็ Strategy ด้าน Business องค์รวมว่า ถ้าเราจะทำธุรกิจ เราต้องวางกลยุทธ์ยังไง เค้าก็จะสอนทุกอย่าง แล้วเค้าก็จะมีเป็น simulation ให้เราทำค่ะ ก็คือมีสอนในห้องด้วย มี assign งานให้เราเป็น simulation ให้เรา discuss กับเพื่อน ก็จะมีเพื่อนมาจากหลาย ๆ ประเทศ หลาย ๆ background ค่ะ พอเรา discuss กับเค้า เราก็จะได้ความรู้ใหม่ ๆ มองมองใหม่ ๆ ที่บางทีเราหาไม่ได้จากประเทศของเราค่ะ

ส่วนเทอมสองจะมีวิชาให้เลือกเรียนค่ะ ทั้ง International Marketing, E-Business, Innovation มีให้เลือกเยอะมาก ๆ ค่ะ

ส่วนตัวเลือกเรียน International Marketing ค่ะ เค้าก็จะสอนลึกขึ้นจาก Marketing เทอมแรกค่ะ แล้วเราก็สามารถเข้าไป sit-in วิชาอื่น ๆ ได้ เพราะเราเลือกวิชาเลือกได้แค่ตัวเดียว แต่ถ้าเราสนใจ เราก็สามารถไปนั่งเรียนได้ค่ะ

เราก็มีไปเข้าห้องเรียนวิชาอื่นมาเหมือนกันค่ะ ไปดู Strategy มาค่ะ แล้วก็มีไปดู Operation มา วิชานี้ก็เหมาะกับคนที่จบไปแล้ว แล้วไปบริหารโรงงานค่ะ

บรรยากาศในห้องเรียน

May: ก็จะมีเพื่อนมาจากหลาย ๆ ประเทศ หลาย ๆ background อย่างที่บอกไปตอนต้นนะคะ เวลาทำงานกลุ่ม เพื่อน ๆ ก็มีความรับผิดชอบดีค่ะ เพราะว่าเพื่อนส่วนใหญ่จะมาจากอินเดีย แล้วเค้าเหมือนมีการแข่งขันกันสูง เค้าเลยจะมีความรับผิดชอบสูงค่ะ เวลาที่ทำงานก็จะไม่มีต้องมาตามงานกันหรือว่าให้คนใดคนนึงทำ

อาจารย์ใจดีมากค่ะ แล้วก็สอนสนุกด้วย อธิบายเข้าใจ คือไม่ต้องกลัวว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษแล้วเราจะไม่เข้าใจค่ะ ถ้าเรามาเรียนแล้วเราก็จะเข้าใจในสิ่งที่เค้าพูดค่ะ เค้าจะยกตัวอย่างมาให้เราเห็นภาพตลอด

กิจกรรมนอกห้องเรียนของคอร์ส MBA

May: จริง ๆ จะมีทริปไปยุโรปค่ะ แต่ด้วยเรื่องโควิดทำให้ไม่ได้ไป ได้ไปแค่ London แทนค่ะ แต่คิดว่าปีต่อ ๆ ไป ถ้าโควิดซาลงก็น่าจะได้ไปค่ะ แล้วทางมหาวิทยาลัยก็จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เลยค่ะ คือเราไม่ต้องออกอะไรเองเลย

อย่างทริป London ที่ไปมา เค้าพาไปดู HSBC ค่ะ แล้วก็ไปดู Marriott แล้วก็มีคนมาบรรยายให้ฟังว่าการทำงานในนั้นเป็นยังไง ทริปนี้ไป 2 วันค่ะ แต่ถ้าเป็นทริปยุโรปจะไปประมาณอาทิตย์นึง แอบเสียดาย

Double degree ที่ Aston University

May: ก็จะเป็น MBA Exchange ค่ะ คือจะมี 2 แบบ แบบที่ 1 ก็คือ เราสามารถไปแลกเปลี่ยน 4 เดือน ได้ในช่วง Summer หรือแบบที่สองคือไปแลกเปลี่ยนช่วงหลังจากเรียนจบค่ะ เราสามารถเลือกสถานที่ได้เลยว่าจะเป็นแคนาดา ฝรั่งเศส หรือว่าอเมริกา เป็นต้น เค้าจะมีลิสต์มาให้ คือมีมหาวิทยาลัยให้เลือกเยอะมาก ๆ แล้วแต่ละที่ก็จะเด่นในเรื่อง Business ค่ะ ซึ่งอาจารย์บอกว่าจะพยายามช่วยเต็มที่ให้ทุกคนได้ไปอย่างที่ทุกคนสมัครไว้ และอาจารย์ก็ช่วยจริง ๆ ค่ะ ทุกคนที่สมัครได้รับอีเมลตอบรับหมดเลย

ส่วนตัวคิดว่าจะสมัครหลังเรียนจบค่ะ ตอนนี้เลยยังไม่ได้สมัคร ช่วงนี้อยากสมัคร Internship ก่อนค่ะ จะได้เวลาไม่ชนกัน แล้วก็มี Double degree ด้วยคือเรียนปริญญาโทใบที่ 2 อันนี้มหาวิทยาลัยก็ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้เหมือนกันค่ะ คือมหาวิทยาลัย support ดีมาก ๆๆๆๆ

สนใจเรียนต่อ Aston University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

Aston University

May: คือมหาวิทยาลัยดูแลดีมาก ๆ ระบบดีมาก ๆๆๆ

อย่างเวลาเรียนก็จะมีระบบ Blackboard ค่ะ ก็จะมีคลิปวิดีโอที่อาจารย์สอนไว้ให้ย้อนกลับมาดูได้ตลอด แล้วก็ถ้าเรามีปัญหาอะไร เราก็สามารถถามอาจารย์ได้เลยค่ะ อาจารย์ก็จะตอบเร็วมาก หรือว่า MBA support ค่ะ ก็จะตอบเร็วมากเหมือนกัน ไม่ว่าปัญหาอะไรก็ถามได้หมดเลย ทุกอย่างก็จะ flexible มากค่ะ เช่น ตอนแรกเราอยากจะเลือกเรียนวิชานี้ แต่พอเวลาผ่านไปแล้วเราไม่อยากจะเรียนแล้ว เราก็สามารถคุยกับเค้าได้ว่าเราต้องการจะเปลี่ยนวิชานะ เราต้องการที่จะเปลี่ยนเวลานะ คืออย่างมีเพื่อนคนนึงค่ะ เค้ามาช้าเพราะว่าเป็นช่วงโควิดด้วยค่ะ มาช้าแล้วก็เรียนไม่ทันส่งงานไม่ทัน อาจารย์เค้าก็ support ตลอด มีการยืดระยะเวลาส่งงานออกไป ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละคน อีกอย่างคือทุกคนจะมี mentor ส่วนตัวซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วค่ะ สามารถถามได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แต่ละวิชาคาดหวังอะไรจากงานของเรา การสมัครงาน การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย และอื่น ๆ ค่ะ

MBA support ทำอะไรให้เราบ้าง?

May: หนึ่งคือเราจะถามเค้าได้ตลอดค่ะ สองคือเค้าจะส่งพวกรายละเอียดงานมาให้ด้วยค่ะ เพราะว่าถ้าเราเรียนจบแล้ว เราก็สามารถหางานที่นี่ได้ใช่มั้ยคะ เค้าก็จะมีส่งพวกรายละเอียดงานหรือพวก internship มาให้เราตลอดค่ะ

Facilities ต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้างคะ?

May: อย่างห้องสมุดที่นี่ก็ดีมากค่ะ จะมีหนังสือเยอะมาก แล้วเราก็สามารถยืมได้ทั้งออนไลน์หรือว่าจะมายืมที่ห้องสมุดเองก็ได้ค่ะ แล้วช่วงสอบ ห้องสมุดก็จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงสอบก็จะเปิด 9:00-24:00 ค่ะ แล้วเราก็สามารถจองห้องประชุมทางออนไลน์ได้ สะดวกมาก

ส่วนของ Aston Business School ที่นี่ก็จะมีห้อง Common room แยกโดยเฉพาะ ซึ่งห้องนั้นก็สามารถเข้าไปใช้ได้ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ ช่วงสอบหรือช่วงที่มีงานกลุ่มก็สามารถนัดเพื่อนไปได้ แล้วก็จะมีขนม น้ำดื่ม ให้บริการตลอด ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะว่าต้องใช้บัตรนักศึกษาแตะเพื่อเข้าไปค่ะ

อะไรที่เราประทับใจสุดในเรื่องการดูแลของทางมหาวิทยาลัย?

May: มหาวิทยาลัยดูแลทุกด้านเลยจริง ๆ แล้วระบบอะไรก็ดีมาก ๆ เลย ตอนแรกก็กังวลว่ามาเรียนแล้วจะงง ๆ หรือเปล่า ถ้าเปรียบเทียบกับที่ไทย ที่ไทยเราจะต้องตามเอง เหมือนต้องรู้เองค่ะ แต่ที่นี่จะมีตารางมาให้เลยว่าอาทิตย์ไหนทำอะไรบ้าง คือเข้าใจง่ายมาก ๆ และมี application ของทางมหาวิทยาลัยเองที่คอยอัพเดทข่าวสาร กิจกรรม รวมถึงตารางเรียนวันต่อวันที่อาจจะมีการเพิ่มเข้ามาด้วยค่ะ ทำให้วางแผนชีวิตง่ายมาก

สนใจเรียนต่อ Aston University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

การใช้ชีวิตที่เมือง Birmingham ประเทศอังกฤษ

การอยู่ Birmingham เมือง Birmingham เป็นยังไงบ้างคะ ใช่เมืองใหญ่อย่างที่เราคิดไว้มั้ย?

May: ใช่ค่ะ ใหญ่มาก เป็นเมืองใหญ่แล้วก็เป็น walking distance ค่ะ คืออย่าง London เองเป็นเมืองใหญ่ แต่ว่าถ้าเราจะไปที่ไหนแต่ละที่ เราจะต้องนั่ง tube ซึ่งค่อนข้างเสียเวลา แล้วเราก็จะต้องวางแผนว่าเราจะต้องออกกี่โมง แต่ว่าอย่าง Birmingham เอง เป็นเมืองใหญ่เหมือนกันแต่ว่าเราสามารถเดินได้ อย่างเดินจากมหาวิทยาลัยไปแค่ 10 นาทีเราก็ถึงตัวเมืองแล้วค่ะ แล้วก็ใช้ชีวิตสบายมาก ๆ อย่างเราเป็นคนเอเชีย ก็มี Asian market เยอะมาก ร้านอาหารไทยก็เยอะมาก คือเป็นเมืองที่อยู่แล้วรู้สึกว่ามันใช้ชีวิตง่ายค่ะ

เรื่องเมืองก็คือตอนแรกก่อนที่จะมาเรียนก็เข้าไปดูกระทู้ในพันทิปมา เค้าก็บอกว่า Birmingham เป็นเมืองคนผิวสี เมืองสีดำ แต่พอมาจริง ๆ แล้ว เชื้อชาติค่อนข้างจะหลากหลายมาก ๆ เลย จริงส่วนนึงที่เค้าว่าว่ามีเชื้อชาติอินเดียค่อนข้างเยอะ แต่ว่าคนอินเดียก็ตลก (หัวเราะ) แล้วก็พอเปรียบเทียบเมือง หลังจากไปเที่ยวหลาย ๆ เมืองแล้ว รู้สึกว่าเมือง Birmingham น่าอยู่ มันสะดวกสบายมากสำหรับคนที่อยากจะอยู่ในเมืองที่ครึกครื้นหน่อย ไปเที่ยวที่ไหนก็สะดวก ซื้อของจับจ่ายอะไรก็สะดวก คิดว่าเมืองนี้เป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ ค่ะ อีกอย่างนึงก็คือ บางเมืองเป็นเมืองเล็ก ร้านค้าต่าง ๆ ก็จะปิดค่อนข้างเร็ว เคยไปเมืองนึงคือทุ่มนึงก็ปิดหมดแล้ว มืดมาก เงียบมาก ไม่มีอะไรเลย ซึ่งบางทีเราทำงานกับเพื่อนกว่าจะเสร็จ ถ้าร้านค้ามันปิดเร็วมาก เราก็จะไม่มีเวลาไปทำอะไรเลย

ทำงาน Part-time

May: มีทำ Part-time ที่ร้านอาหารไทยค่ะ คนค่อนข้างเยอะแต่ว่าเราก็จะได้ connection เป็นคนไทยแล้วก็เพื่อนต่างชาติด้วยค่ะ จริง ๆ งาน part-time มันจะมีแบบอื่นด้วยนะคะ อย่างที่เห็นเพื่อนทำกัน จะมีบริษัทชื่อ Off to Work อันนั้นก็ดีค่ะ แต่ว่าเวลาเนี่ยบางทีก็จะเช้ามาก ๆ บ้าง ตี 5 บ้าง หรือว่าบางทีก็ดึกมาก เช่น เลิกงานตี 2 งี้ค่ะ เราก็จะวางแผนชีวิตยากหน่อย แต่ถ้าเราทำร้านอาหารไทย เค้าก็จะมีเวลาเปิดปิดของเค้า ซึ่งเป็นเวลาที่เราไปทำงานได้ ก็เลยเลือกทำที่ร้านอาหารไทยค่ะ

ส่วนรายได้จากงาน part-time ถ้าร้านที่ทำ ให้ประมาณชั่วโมงละ 9.5 ปอนด์ ถ้าเทียบกับ Off to Work เค้าจะให้ประมาณ 12 ปอนด์ค่ะ ทำร้านอาหารไทยรายได้ไม่ได้เยอะเท่าแต่ว่าเราได้อาหาร (หัวเราะ) เราได้เวลาที่จัดการชีวิตเราได้ด้วย ซึ่งคิดว่าคุ้มกว่า

แล้วจากประสบการณ์เรา การทำงาน Part-time ช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราไปเยอะมั้ยคะ?

May: ลดเยอะค่ะ เพราะเราทำ part-time ได้อาทิตย์ละ 20 ชั่วโมง เงินที่ได้ก็มากพอที่จะใช้ท่องเที่ยว และช้อปปิ้ง แถมเรายังได้อาหารฟรีจากร้านอาหารไทยที่เราทำด้วย ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้ค่ะ

โดยรวมแล้วประสบการณ์การมาเรียนต่อที่นี่เป็นยังไงบ้างคะ?

May: ประทับใจมาก ๆๆๆๆๆๆ ค่ะ จริง ๆ ประทับใจตั้งแต่ตอนเรียน Pre-sessional แล้วค่ะ อย่างตอนที่มาต้องเรียน Pre-sessional 1 เดือน เนื่องจากคะแนน IELTS ไม่ถึงที่เค้ากำหนด ตอนเรียนอาจารย์ก็ support ดีมาก ๆ ค่ะ เค้าจะกระตุ้นให้เรากล้าที่จะพูด กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น แล้วเราก็จะได้ฝึกพรีเซนต์ ฝึกอะไรมาก่อนค่ะ เค้าก็จะสอนเรื่องการเขียน reference การเขียน citation ต่าง ๆ ซึ่งเราจะได้ใช้ตอนเรียนจริง ๆ ทุกอย่างเลย ก็เลยรู้สึกว่าถ้ามีโอกาสหรือมีเวลา การเรียน Pre-sessional เป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ ค่ะ

ฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่สนใจเรียนต่อหน่อยค่ะ

May: Aston University เป็นมหาวิทยาลัยที่ดูแลนักศึกษาดีมาก ๆ ค่ะ ทุก ๆ ด้านเลยค่ะ แล้วก็ดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ทั้งหมดเลย แล้วก็มีกิจกรรมต่าง ๆ อยู่ตลอด มี Guest speaker, TED Talk หรือว่ากิจกรรมอื่น ๆ ให้เราเลือกเยอะมากค่ะ ระบบการเรียนการสอนก็ดีมาก อาจารย์มีความรู้ มีประสบการณ์ แล้วก็อธิบายให้เราเข้าใจได้ดีมาก ๆ

คือจะบอกน้อง ๆ ว่า อย่างตอนแรกเราเองก็รู้สึกกังวลที่ต้องมาเรียนคนเดียว อยู่คนเดียว จริง ๆ กังวลตั้งแต่ก่อนที่จะสมัครเลย เพราะรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไร แล้วเราอยากจะเรียนคอร์สอะไร แล้วอย่าง Business มันมีเยอะมาก ก็ไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง ต้องเรียนอันไหน เริ่มแรกเลยก็คือประทับใจพี่ Hands On เพราะรู้สึกว่าจากที่เราหลงทาง ไม่รู้เรื่องเลยว่าจะต้องทำยังไง พอคุยกับพี่ ๆ ก็รู้สึกว่าเข้าใจมากขึ้น แล้วเราก็ได้เลือกสิ่งที่เราอยากเรียนจริง ๆ ค่ะ พอต่อมาเมื่อได้มาใช้ชีวิตที่นี่ก็มีมหาวิทยาลัยที่คอย support เราเรื่องการเรียนค่ะ ดีมาก ๆ จากที่เคยรู้สึกกังวลว่าเราจะทำได้มั้ย จะมาคนเดียว พ่อแม่ก็อยู่ไกล เพื่อนก็อยู่ไกล แล้วเราจะทำด้วยตัวเราเองได้มั้ย กลายเป็นว่าเราสามารถทำได้เพราะว่ามีพี่ ๆ Hands On ช่วยเหลือ หลังจากที่เรามาเรียนแล้ว เวลาเรามีคำถามอะไร พี่ Hands On ก็ยังตอบอยู่ตลอด แล้วก็มีมหาวิทยาลัย support ด้วย เป็น 2 ทางเลย ทำให้เรารู้สึกมั่นใจขึ้น แล้วเราก็สามารถทำได้จริง ๆ สามารถอยู่และใช้ชีวิตอยู่ได้จริง ๆ ค่ะ ก็มาเรียนที่ Aston University นี่กันเยอะ ๆ นะคะ (ยิ้ม)

 

สนใจเรียนต่อ Aston University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง