รีวิวคอร์สเรียน: Full-time MBA, University of Bath
สวัสดีค่ะ แพท Baht MBA class of 2019/20 ค่ะ ปัจจุบันทำงานเป็น Manager ที่ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ (สาขาในประเทศไทย) ค่ะ
ทราบว่ามีน้องๆ หรือพี่ๆ หลายคนกำลังสนใจที่จะศึกษาต่อปริญญาโทสาขา MBA ที่ประเทศอังกฤษหลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย วันนี้แพทได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ รวมถึงประสบการณ์ตรงที่แพทได้รับจากการเรียน MBA ที่ Bath มาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจนะคะ
Course Contents
จริงๆ แล้ว University of Bath เปิดหลักสูตร full-time MBA มานานมากกว่า 10 ปีแล้วค่ะ เนื่องจากการเรียน MBA ที่อังกฤษโดยส่วนใหญ่ใช้เวลา 1 ปี คอร์สเรียนก็จะ intensive ประมาณหนึ่งเลย ถือว่าค่อนข้างหนักเลยทีเดียวถ้าเทียบกับ MSc วิธีการเรียนการสอนจะผสมผสานทั้งแบบ lecture, discussion, project work, guest speaker และ self-study ขอแบ่งออกเป็น 5 ส่วนเพื่อความเข้าใจง่ายนะคะ
- Core modules เป็นวิชาบังคับที่ทุกคนต้องเรียน และจะเรียนกันในเทอมแรก (กันยายนถึงธันวาคม) ตัววิชาจะเน้นปูพื้นฐานวิชาบริหารธุรกิจเบื้องต้น โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้มี background อาชีพทางสายนี้มาก่อน เช่น Operational Management, Finance, Strategy และ Marketing เป็นต้นค่ะ ส่วนตัวต้องใช้เวลาปรับตัวมากพอสมควร เพราะเรียนเหมือนตอนมัธยม คือตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นกันเลยทีเดียว (ส่วนใหญ่ต้องห่อข้าวเที่ยงและเสบียงมานั่งทานกันเพราะเวลาไม่พอค่ะ)
- Optional modules เทอมสองจะให้ทุกคนเลือกวิชาที่สนใจได้ค่ะ แค่ต้องเก็บ credit ให้ครบและ manage เวลาให้ไม่หนักเกินไป จากที่ได้เรียนกันเต็มคลาสบางวิชาอาจจะมีคนเลือกไม่ถึง 10 คนเค้าก็เปิดนะคะ ตัวอย่างวิชาก็อย่างเช่น Business Analytics, Commercial Laws, Supply Chain Management, Negotiation รวมถึงวิชา Leadership ที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ
– กิจกรรมของวิชา Business Analytics –
- Projects อีกอย่างที่เป็นข้อแตกต่างของ Bath MBA คือไม่มี Dissertation ค่ะ แต่จะต้องทำ 5 projects แทนโดยจะเริ่มตั้งแต่เทอมสองเป็นต้นไป project จะมี consulting, group project, change in action, entrepreneur และจบด้วย individual project ส่วนตัวรู้สึกว่าสนุกและได้ประสบการณ์ดีค่ะ เพราะหลาย project เราจะได้ทำกับลูกค้าที่อังกฤษจริงๆ แล้วก็มีโอกาสได้ทำงานกับเพื่อนหลากหลาย ได้ up skill ของเราเยอะแยะเลยค่ะ
- Career workshop ปกติจะแทรกอยู่ในแต่ละวีค ทาง career support team จะมีคลาสให้เราหลากหลาย อย่างเช่นการสัมภาษณ์ผ่าน video, presentation skill, การเขียน CV, การสร้าง strong Linkedin profile แล้วก็มีการให้คำปรึกษาเรื่องอาชีพด้วยนะคะ อย่างเช่นใครอยาก internship หรือหางานที่อังกฤษหลังเรียนจบก็สามารถขอคำแนะนำได้ แต่ที่ชอบที่สุดเลยคือมี coaching session ให้ค่ะ จะมี coach assign ให้เราปรึกษาด้านการใช้ชีวิต การพัฒนาตัวเอง การหางาน ดีมากๆ เลยค่ะ นอกจากนี้ยังมี career trek สำหรับให้คนที่สนใจไป workshop กับบริษัทต่างๆ ในยุโรปเป็นเวลา 1 อาทิตย์ค่ะ
– Introduction with Confidence Class –
- สุดท้ายคือ Company Visit / Global Residency / Networking session ระหว่างเรียนก็จะมีได้ไปทัศนศึกษา (จริงๆ ก็คือเที่ยวนั่นเอง) อย่างเช่น Bath Rugby (เป็นทีมท็อปของลีกที่นู่นเลยค่ะ), Jaguar – Land Rover, Wimbledon และอื่นๆ ค่ะ และที่เป็นจุดเด่นเลยคือช่วงเดือนมิถุนายนจะมีพาเราไปเที่ยวต่างประเทศประมาณ 1 อาทิตย์ค่ะ หรือที่เรียกว่า Global Residency (ถ้าจัดเวลาได้อาจไปเที่ยวก่อนหรืออยู่ต่อได้ด้วย) ช่วงสองสามปีก่อนคลาสแพทจะได้ไป San Francisco กัน ไปเที่ยว Silicon Valley ค่ะ ส่วนปีแพทจะได้ไป New York แต่สุดท้ายไม่ได้ไปเพราะโควิด เสียใจมากๆ ค่ะ ☹ ทั้งนี้ตัว Global Residency จะรวมอยู่ในค่าเทอมเราแล้ว แต่ที่เราต้องจ่ายเองคือค่าเครื่องบินและวีซ่านั่นเองค่ะ
– Company visit: Wimbledon –
– ดูการแข่งขัน Rugby นัดเปิดฤดูกาล –
การวัดผลของ Bath MBA อาจจะแตกต่างจากที่อื่น คือมีการสอบน้อยมาก! (หลายคนน่าจะชอบ) ส่วนใหญ่จะเป็นการทำ assessment (essay) ตามหัวข้อที่ได้รับ หรือ group presentation รวมถึง project assessment ค่ะ เรียนจบมาหลายคนพัฒนา skill writing ได้เยอะเลยเหมือนกันนะคะ เพราะต้องเขียนอยู่แทบจะตลอดเวลา
จุดเด่นของการเรียนที่ University of Bath:
- Requirement ของ Bath ไม่ได้สูงมากค่ะ IELTS อาจจะสูงหน่อย (overall 7, band 6.5) แต่ถ้าไม่ถึงสามารถมาเรียน pre-sessional course ก่อนได้ มีให้เลือกทั้งแบบ 10 วีคและ 5 วีคซึ่งจะได้เป็น combined offer ด้วย ส่วนตัวแนะนำให้มาเรียนนะคะถ้าอยากปรับตัวก่อน (แล้วก็ใช้โอกาสนี้เที่ยวให้คุ้มไปล่วงหน้าเลยค่ะ) นอกจากนี้ต้องมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 2 ปี ส่วนถ้าใครทำงานมาแล้ว 4 ปีไม่ต้องยื่นคะแนน GMAT ด้วยค่ะ ยังไงแนะนำให้ขอคำปรึกษาพี่ๆ Hands On ได้เลย ทางพี่ๆ จะให้คำแนะนำได้ละเอียดและช่วยเราวางแผนเรื่อง application และ offer ได้ดีมากๆ เลยค่ะ
- Class เล็กแล้วก็ diversify ทำให้เราได้เจอเพื่อนๆ จากหลายๆ background แล้วก็ culture ปีแพทมี 52 คน มี 15 nationalities เลยค่ะ อายุเฉลี่ยก็ไม่ได้สูงมาก (ประมาณ 30 ต้นๆ)
- มี Career Support Service ที่ดีค่ะ ซึ่งจะมีประโยชน์มากโดยเฉพาะคนที่อยากหางานในอังกฤษหรืออยากย้ายสายงานค่ะ
คอมเมนต์เพิ่มเติม:
- Tuition Fee ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวค่ะ อยู่ที่ 37,500 ปอนด์ไม่รวม pre-sessional course
- ส่วนตัวรู้สึกว่าทางด้านวิชาการไม่ได้เข้มข้นมากค่ะ อาจจะเพราะมีคนจากหลายๆ สายอาชีพคละกัน และการเรียนจะเป็นแบบ lecture ค่อนข้างมาก ทั้งนี้แพทเองต้องกลับมาไทยก่อนตอนกลางเทอมสองเพราะโควิดทำให้ต้องเรียนออนไลน์ค่ะ เลยอาจจะขาดประสบการณ์ตรงนี้ไป
- Ranking ของตัวคอร์สเองไม่ได้สูงมากค่ะ ถ้าใครพิจารณา ranking มาเป็นอันดับต้นๆ อาจจะไม่เหมาะ
สรุปแล้วโดยรวมเวลาเกือบ 1 ปีที่ Bath (อยู่ไม่ครบเพราะโควิด!) เป็นเวลาที่มีค่าและสนุกมากๆ ค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองได้พัฒนาอะไรหลายๆ อย่าง สุดท้ายแพทอยากจะฝาก tips เล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่อาจจะได้ offer แล้วหรือกำลังวางแผน อยากจะให้เปิดใจเยอะๆ กับทุกอย่างที่จะได้รับตอนเรียนและใช้ชีวิตที่นู่นค่ะเพราะสุดท้ายแล้วมีประโยชน์กับเราโดยไม่รู้ตัวเลย contribute เยอะๆ แล้วก็สนุกกับการเจอเพื่อนใหม่ๆ จากหลายๆ เชื้อชาติ แบ่งเวลาให้ดีๆ ให้ตัวเองได้เรียน แล้วก็ได้สนุกไปด้วยนะคะ เช่นได้ไป party กับเพื่อนๆ บ้าง ไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ในอังกฤษในวันหยุด ทำกิจกรรมที่มหาลัยมีให้ เช่นเล่นกีฬา หรือสายบันเทิงก็มีห้องซ้อมดนตรีซ้อมเต้นให้ด้วยนะคะ หรือบางคนอาจจะลองหางาน parttime ทำดูก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ อ้อ อย่าลืมเช็คเรื่อง scholarship ด้วยนะคะ ที่ Bath จะมีทุนให้บางส่วนด้วย ไม่อยากให้พลาดโอกาสกันค่ะ (พิธีมอบจัดที่ Roman Bath ด้วยค่ะ) สุดท้ายอยากให้เตรียมตัวดีๆ หาข้อมูลว่าที่ไหนเหมาะกับเรา
โดยเฉพาะขอคำปรึกษาพี่ๆ Hands On ช่วยได้จริงๆ ค่ะ ไหนๆ เราจะเลือกแล้วต้องเลือกสิ่งที่ดีและมีประโยชน์กับเราที่สุดนะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีและมีความสุขกับการเรียนในอนาคตนะคะ แล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ
สนใจพูดคุยสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนต่อที่ University of Bath ติดต่อ Hands On ได้ทุกสาขาเลยค่ะ