“คอร์สนี้ดี เรียนครบทุกอย่างแล้วคือเขาปูพื้นฐานให้เราหมดเลย และไม่ require ประสบการณ์การทำงานด้วย นอกจากนี้ยังมี work placement ให้ทำหลังเรียนจบอีก 1 ปี มี Business employability คือสมมุติว่าเราเรียนจบแล้ว ก็จะมีที่แนะนำให้คำปรึกษาเหมือนเป็น Job center คอยดูแลนักศึกษาค่ะ University of Greenwich ก็ถือว่าถูกใจเรามากๆ ค่ะ” – Mo, MBA International Business
แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ
ชื่ออาภา สมบูรณ์โชคดี เรียนอยู่ที่ University of Greenwich คอร์สที่เรียนเป็น MBA International Business ค่ะ
ทำไมถึงอยากเรียน MBA?
จริงๆ ก่อนมาเรียนต่อก็ทำงานเกี่ยวกับด้าน Business ทำงานเป็น Buyer มาก่อนค่ะ ก็เลยหาคอร์สเรียนที่เกี่ยวกับ business แล้วก็มาเจอคอร์สที่นี่ มีเรียน 2 ปี ได้เรียนด้วยแล้วก็ฝึกงานด้วย มันก็เหมือนจะช่วยให้เรามีประสบการณ์มากขึ้น พัฒนาภาษาอังกฤษได้มากขึ้นเพราะว่าอยู่ปีเดียวกับ 2 ปี 2 ปีน่าจะเก่งภาษามากขึ้นค่ะ
ทำไมถึงต้องเป็น University of Greenwich
คือมหาวิทยาลัยใน London ไม่ค่อยมี work placement ให้เราเลือก จะมีแต่ที่ไกลๆ ตอนแรกที่เลือกคืออยากอยู่ลอนดอนค่ะ อยากเป็น Londoner ก็เลยหามหาวิทยาลัยที่มีที่ฝึกงานด้วยและเห็นมหาวิทยาลัยนี้สวยดี
สนใจเรียนต่อ University of Greenwich ติดต่อพี่ๆ Hands On คลิก
การใช้บริการของ Hands On บ้างเป็นยังไงค่ะ?
หนูใช้บริการของ Hands On สาขาปิ่นเกล้า พี่ที่ดูแลชื่อพี่บีค่ะ พี่บีดูแลดี คือตอนแรกที่เข้าไปก็ blank เลยไม่รู้ว่าการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง ก็เริ่มต้นไม่ถูกว่าจะต้องทำยังไง แต่พอเข้าไปคุยกับ Hands On พี่เขาก็จะบอกขั้นตอนว่าขั้นตอนแรกต้องทำอันนี้ๆๆ ก่อนนะ เราก็จะเริ่มมี guideline และรู้ timeline แล้วว่าช่วงนี้เราต้องเตรียมเอกสาร ช่วงนี้เราต้องทำอันนี้ให้เสร็จ ช่วงนี้เราจะต้องเริ่มยื่นแล้ว พอเตรียมเอกสารครบทุกอย่างแล้ว เวลาช่วงยื่น visa เตรียมเอกสารตอนนั้น เราก็ไม่รู้อีกว่าเอกสารที่ต้องไปยื่นกับสถานทูตที่จะสมัครมาที่นี่เอกสารเราครบมั้ย ถูกต้องมั้ย ด้วยความที่พี่เขามีประสบการณ์มากกว่าเราก็จะมั่นใจว่าเอกสารที่เราเตรียมไป visa เราผ่านแน่ ถ้ายื่นเองเราต้องมาคาดเดาว่าอันนี้ใช่มั้ยว๊าเพราะเราก็ไม่เคยยื่น ถ้าเรายื่น visa ไม่ทัน สอบ IELTS ไม่ทัน ยื่นเอกสารไม่ทันก็จะทำให้เราพลาดการสมัครของรอบนี้ไปเลย ต้องไปรอยื่นรอบหน้า แต่ถ้าใช้บริการของ Hands On เราก็จะวางใจได้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตาม timeline ค่ะ
รู้จัก Hands On ได้ยังไง?
เหมือนค้นจาก Google ก่อนค่ะว่ามีที่ไหนบ้างที่สามารถช่วยเรา apply เข้ามหาวิทยาลัยในอังกฤษ ก็มีอ่านรีวิวใน Pantip ด้วยแล้วก็เห็นว่า Hands On มีหลายสาขาไม่ใช่มีแค่สาขาเล็กๆ ก็แสดงว่ามีคนใช้บริการเยอะ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ แล้วก็มีสาขาใกล้บ้านด้วยเพราะบ้านอยู่ปิ่นเกล้าก็รู้สึกว่าสะดวก สมมุติว่าถ้าเราต้องวิ่งเอาเอกสารธนาคารหรือเอกสารนู่นนี่นั่นที่เราต้องคอยแก้เยอะๆ ก็สามารถขับรถไปได้แปปเดียวถึงมันทำให้เราสะดวก
ตอนแรกก็สงสัยค่ะว่า เอ๊ะ! เราต้องจ่ายตังค์รึเปล่า แต่เดี๋ยวนี้มี internet เนอะ เราก็ค้น Google พอเจอว่าไม่เสียตังค์ เราเลยเดินเข้าไปอย่างสบายใจ (หัวเราะ)
สนใจเรียนต่อ University of Greenwich ติดต่อพี่ๆ Hands On คลิก
พอมาถึงแล้วเป็นไงคะ?
สวยยยยยย เพราะอย่างมหาวิทยาลัยอื่นก็จะเป็นตึกเพิ่งขึ้นใหม่มันไม่คลาสสิค หนูชอบห้องสมุดเพราะว่า มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้เยอะ มีที่นั่งเยอะ และก็มีโซนที่แบ่งเป็นชั้นๆ เช่น โซนนี้คุยได้ เวลาเราทำงานเราก็จะไปโซนที่คุยได้เพื่อนัดประชุมกัน แต่ถ้าเราอยากอ่านหนังสือเงียบๆ ก็ขึ้นไปชั้นบน เขาก็จะมีโซนแบบห้ามพูด ห้ามใช้โทรศัพท์ มีห้องประชุมให้จอง มีทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และ Notebook ให้เรา carry
MBA ที่นี่เรียนอะไรบ้าง?
ที่ University of Greenwich จริงๆ คอร์ส International business แบ่งเป็น MA กับ MBA นะคะ ต่างกันตรงที่ MBA ต้องฝึกงานอีกปีนึงถึงจะได้วุฒิ MBA ก็คือเรียนเหมือนกันทุกอย่างเลย จะเรียน Marketing, Logistics, บัญชี , Global Strategy, Managing People, Global business , Global Network ก็คือเรียนครบทุกอย่างเลย จบไปทำงานได้กว้างและหลากหลายเพราะเราเรียนครอบคลุมทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องการบริหาร
วิชาที่ชอบมากที่สุด?
Marketing ค่ะ สนุกเพราะว่าอาจารย์ที่สอนเขามีกิจกรรมให้ทำในคลาสทุกคาบเลย คือจะยก case study ของ Marketing บริษัทดังๆ มาให้ร่วมกิจกรรม แล้วก็ชอบ Assignment ที่ให้ทำด้วยค่ะ คือให้เราตั้งบริษัทขึ้นมาบริษัทนึงแล้วก็ทำ Marketing ขึ้นมา คือโจทย์ทุกคนเหมือนกันหมดเลยขาย Daily product yoghurt เป็นแบรนด์ของ British แล้วให้ไปขยาย Product ที่จีน คือต้องทำยังไงถึงจะขยายได้ที่จีน ทุกคนก็จะมีกลยุทธ์ที่ต่างกันแล้วแต่ใครจะใช้อะไรค่ะ
สนใจเรียนต่อ University of Greenwich ติดต่อพี่ๆ Hands On คลิก
University of Greenwich
มหาวิทยาลัยนี้สวยค่ะ ถ่ายรูปทุกวันเลย (ยิ้ม)
Facilities ก็มีครบ ห้องสมุดก็อยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง แล้วก็มี Student centre กรณีเรามีปัญหาอะไรก็ไปติดต่อได้ เขาจะมีทีมไว้คอยช่วยเหลือมีอะไรก็ไปปรึกษาได้ค่ะ
ส่วนอาจารย์ก็ไม่ใช่มีแค่คน British ค่ะ เขาก็จะมีอาจารย์ mix ทุกชนชาติเลย มีไต้หวัน จีน อเมริกา เราก็ได้เรียนรู้สำเนียงแล้วก็วัฒนธรรมของอาจารย์ไปด้วย อาจารย์เอาใจใส่ดูแลดีค่ะ คือ Course Leader จำชื่อนักเรียนได้เกือบหมดเลย เวลาเรียนในห้องเลคเชอร์ห้องใหญ่ปกติเขาก็จะไม่ค่อยถามหรือชี้ให้คนนี้ตอบนอกจากเรียนห้องเล็ก แต่ว่าในห้องใหญ่อาจารย์ก็จะจำชื่อได้เห็นหน้าใครก็จะทัก
แล้วก็ที่นี่ ส่งงานก็เป็นรหัสนักศึกษา ไม่ต้องลงชื่อ เพื่อป้องกันการ bias เหมือนแบบว่าอาจารย์คนนี้ชอบนักเรียนคนนี้เดี๋ยวจะให้คะแนนเยอะ ก็ fair ดีค่ะ
ใช้ชีวิตเป็น Londoner เป็นยังไงบ้างไหนเล่าให้ฟังหน่อย
รู้สึกว่าพอไปอยู่ที่อื่นแล้วถ้าไปอยู่ในเมืองที่ไกลๆ มันจะเหงาๆ ด้วยความที่ไม่เคยมาที่นี่เลย ก็เลยเลือกลอนดอนเพราะมั่นใจว่าทุกอย่างครบแน่นอน ถ้าไปอยู่เมืองอื่นก็จะมีตัวเลือกเกี่ยวกับที่ Shopping หรืออาหารน้อย แต่ถ้ามาลอนดอนก็มีครบทุกอย่างแน่นอนและจะได้ไม่เหงาด้วย แต่ต้องยอมรับว่าอยู่ที่ลอนดอนค่าใช้จ่ายก็ แพงกว่าที่อื่นๆ ค่ะ เวลาซื้ออะไรห้ามคูณเป็นเงินไทย เพราะถ้าคูณเป็นเงินไทยจะซื้อไม่ลง
พอมาใช้ชีวิตอยู่จริงๆ แล้วก็รู้สึกว่าใช้ตัวเรา เจอเพื่อนคนไทยเยอะค่ะ จะเจอสังคมทั้งแบบเพื่อนต่างชาติและเพื่อนคนไทยเพราะจริงๆ ในลอนดอนคนไทยเยอะ เวลามีปัญหาอะไรก็จะไม่เหงาสามารถปรึกษาเพื่อนได้ หรือไปเที่ยวไหนเพื่อนก็จะแนะนำ อีกอย่างคืออยู่ที่นี่ก็เข้าเมืองง่าย อยากได้อะไรก็หาง่ายทั้งเรื่องอาหารการกิน เดินทางก็สะดวกด้วย
การใช้ชีวิตที่นี่ ปรับตัวเรื่องอะไรเยอะสุด?
ช็อคสุดก็คือเรื่องอาหารก็จะคิดถึงอาหารไทย ไม่คิดถึงบ้านไม่คิดถึงอะไรเลยคิดถึงแต่อาหารไทย เพราะว่าไม่ค่อยชอบอาหารที่นี่เท่าไหร่ พออยู่ไปสักพักจะเจอที่ซื้ออาหารไทย อาหารจีน Soho อะไรพวกนี้อ่ะค่ะอยู่ใกล้ๆ ก็จะซื้อกลับมาทำเอง ประหยัดแล้วก็ถูกปากด้วยค่ะ
แต่เมนูเด็ดของเราเลยที่ทำบ่อยสุดก็แกงเขียวหวาน ผัดกระเพรา เพราะที่นี่จะมี SeeWoo เป็น supermarket เหมือนกับมีทุกอย่างที่ไทย มีทุเรียน มะพร้าว มะละกอ เครื่องแกงเขียวหวานเขาก็มีแบบสำเร็จรูปขายด้วย แล้วที่บ้านมีครกกับซึ้งนะคะขนมาจากไทย ทำส้มตำให้กินได้ค่ะ
ความประทับใจของคอร์สนี้
คอร์สนี้ดี เรียนครบทุกอย่างแล้วคือเขาปูพื้นฐานให้เราหมดเลย สมมุติว่าเราไม่มี Business background เขาก็ให้เราเรียนได้ ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยอื่นแล้วอยากจะเรียน MBA อย่างน้อยเขาก็จะ require ประสบการณ์การทำงานเรา 2 – 3 ปี แต่ที่นี่เราจบแล้วเราอยากเรียน MBA เขาก็ให้เราเรียนได้เลย แล้วเขาก็สอนเราทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น นอกจากนี้ที่นี่มี Business employability คือสมมุติว่าเราเรียนจบแล้ว ก็จะมีที่แนะนำให้คำปรึกษาเหมือนเป็น Job center ช่วยเราแก้ไข CV ช่วยทำ Cover Letter มี contact บริษัทในมือที่เป็น partner กับ University of Greenwich ค่ะ เขาก็จะคอยส่งอีเมลมาให้เรื่อยๆ ว่าตอนนี้มีตำแหน่งนี้ว่างนะ เราก็สามารถสมัครได้
สนใจเรียนต่อ University of Greenwich ติดต่อพี่ๆ Hands On คลิก