รีวิว MBA ที่ The University of Edinburgh โดย Best

  • Share this:

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

Best: ชื่อเล่นชื่อ เบส ค่ะ มาเรียนคอร์ส MBA ที่ The University of Edinburgh

ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้คะ?

Best: เหมือนพี่ทำงาน เรียนจบสาย IT มา เรียนแนว ICT computer science มา เราก็ทำงานอยู่ในสายนี้ สาย software development company พี่ก็ทำงานมาเกือบ 10 ปี แล้ว พี่ก็อยากเรียน อยากขยายความรู้ของเราให้มันกว้างมากขึ้น ไปสาย management ทีนี้ก็เลยปรึกษาที่เรียนต่อ ว่าถ้าเราอยากจะเรียนแบบ MSc Management เฉย ๆ เราจะไปเจอเด็ก ๆ เค้าก็เลยแนะนำว่าเรียน MBA ดีกว่า เพราะเหมือน MBA ก็จะมีการคัดคนที่มีประสบการณ์ขั้นต่ำ 3 ปี แต่จริง ๆ แล้วประสบการณ์ของคนที่เรียนจริง ๆ จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 – 6 ปี หรือ 7 – 10 ปี มาแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็จะเหมือนคุยกันรู้เรื่องมากกว่า เพราะอายุเฉลี่ยมันจะใกล้ ๆ กัน ก็เลยเลือก MBA

ทำไมถึงเลือกที่ The University of Edinburgh?

Best: จริง ๆ แล้วพูดได้ไหมว่าพี่อะ ปรึกษา 2 เอเจนซี คือเรามีความอยากได้มหาวิทยาลัยที่ ranking ดีอยู่แล้ว อีกเจ้าหนึ่งเค้าก็บอกว่า เออ ranking ดีเลยนะ ที่ไม่เอา GMAT นะ มันก็จะมีแบบ Edinburgh, Durham, Exeter เค้าให้มา 3 choice ซึ่งเค้าเหมือนขู่มาเลยว่า choice แรกคือ Edinburgh อะ ยื่นไปนี่ได้แค่ 1 คนเอง แต่พี่ไม่รู้นะว่าเค้ายื่นไปทั้งหมดกี่คน แต่ก็มีขู่เราเหมือนว่า สัมภาษณ์ก็ยากนะ อะไรแบบนี้ เค้าก็เลยบอกว่าลองยื่น Durham กับ Exeter สองที่นี้ดูไหม ปรากฏว่าได้ Exeter

Durham เนี่ย ไม่ได้ไปถึงรอบสัมภาษณ์ เหมือนกับปีนั้นคนไทยมันเยอะ เท่าที่นับ ๆ หัวคือคนไทยเกือบ 10 คือคนไทยมันเยอะมาก (ข้อมูลเพิ่มเติม: Durham คอร์ส MBA โดยปกติจะจำกัดจำนวนนักเรียนแต่ละสัญชาติที่สัญชาติละ 5 คน) ก็เลยใจแป้ว ว่าอย่างเราถ้ายื่น Edinburgh ก็คงไม่ได้แน่ ๆ เพราะว่าเกรดเฉลี่ยที่จบมาของพี่มันเฉลี่ยอยู่ที่ 2.94 มันเกือบ ๆ 3 ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเค้าก็จะ require แบบ honour อะไรแบบนี้ เออก็เหมือนใจแป้ว ว่าเออไป Exeter ก็ได้อะไรแบบนี้

คือพี่ส่งข้อมูลว่าจะขอคำปรึกษากับ Hands On ก่อนนะ แต่พอดีว่าติดต่อมาทีหลังแล้วพี่ได้ offer จาก Exeter มาแล้ว พี่ก็เลยแบบไม่รู้จะยื่นอะไรงั้นก็ยื่น Edinburgh ละกัน ก็เลยยื่นไป ที่ Hands On เค้าก็ช่วยรีวิว SoP แล้วก็ให้คำแนะนำเรื่องสัมภาษณ์ แล้วก็ได้นัดสัมภาษณ์ด้วย เราก็เออเตรียมตัวหน่อยว่าเค้าจะถามคำถามอะไร เหมือนเราก็เตรียมพร้อมคร่าว ๆ แล้วก็ผ่าน ก็ได้ offer ก็เลยเชิ่ดใส่ ไม่เอาแล้ว offer เดิม (หัวเราะ) ประกอบกับ ranking ของ The University of Edinburgh ด้วย*

*The University of Edinburgh – Top 15 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก จาก QS World University Ranking ประจำปี 2023

สนใจเรียนต่อ The University of Edinburgh ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

รีวิวบริการจาก Hands On

Best: จริง ๆ Hands On ไม่ได้ติดต่อพี่มาช้านะ แค่เหมือนติดต่อมาทีหลัง แต่พอ Hands On ติดต่อมา คือก็มีลิสต์ข้อมูลมหาวิทยาลัยมาให้ ว่าเราโอเคที่จะสอบ GMAT ไหม พอไม่ เค้าก็จะมีลิสต์มาให้ว่ามีมหาวิทยาลัยไหนที่รับบ้าง ที่ Hands On ก็เชียร์ Edinburgh นะ ด้วย ranking ด้วยอะไรแบบนี้ เค้าก็ช่วยดำเนินเรื่อง

คือพี่ก็บอก counsellor ที่ Hands On ไปแบบนี้แหละว่า เออหนูได้ Exeter แล้วแหละกับอีกเอเจนซีหนึ่งอะไรแบบนี้ แต่พี่ที่ Hands On คือไม่มีการ tie-in ไม่อะไรเลย เค้าคือมีความจริงใจให้เราอะค่ะ ว่าจริง ๆ Exeter ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีนะ นู้นนี่นั่น คือไม่ได้ force หรือกดดันเราว่า น้องมาเลือกพี่เถอะ แบบมาเลือกที่ Hands On เถอะ คือเค้าก็ไม่ทำ คือเค้าก็เต็มใจที่จะให้ข้อมูลเรา จนพี่ก็ตัดสินใจว่าเอองั้นเราไป Edinburgh ดีกว่า ทั้ง ๆ ที่ Edinburgh ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ Unconditional Offer นะ ยังเป็น conditional offer อยู่เพราะเราต้องสอบ IELTS ใหม่อะไรแบบนี้ ก็เลยประทับใจในความที่พี่ Hands On คือมีความจริงใจให้เรา แล้วก็ในเรื่องของการดูแลหลังจากที่เราได้รับ offer แล้ว อย่างเรื่องการหาหอพักอะไรแบบนี้ เค้าก็ให้ข้อมูลเอเจนซีที่จะช่วยเราหาหอพัก หรืออย่างเรื่องยื่นวีซ่าก็ง่ายมาก เค้าจะมี instruction มาให้เราเลย คือเราไม่ต้องมานั่งงมเองว่าจะต้องยื่นวีซ่ายังไง เพราะว่ายื่นวีซ่าเอาจริง ๆ แล้วขั้นตอนมันเยอะมาก แต่ที่ Hands On ก็จะมีขั้นตอนมีข้อมูลมาให้เราครบ

แล้วอีกอย่างที่ประทับใจคือ ไม่ใช่แค่ว่าเราคุยกับเจ้าหน้าที่ counsellor เนอะ แต่เค้าจะลากเราเข้าไปอยู่ในกลุ่มของเด็ก Hands On ด้วย เหมือนกลุ่มเด็กที่จะไปเรียนต่อปีเดียวกัน ให้เราได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เราก็จะได้เจอเพื่อนที่จะมาเรียนที่เดียวกันกับเรา รู้ว่าเค้าจะเดินทางวันไหน ถึงจะคนละคณะกันก็เถอะ ยิ่งช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดด้วย สายการบินหรือเที่ยวบินต่าง ๆ มันจำกัดมาก การที่เรามีเพื่อนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเรา มันแชร์ข้อมูลกัน เราไม่ต้องมานั่งงมเอง แล้วสุดท้ายพี่ก็บินมาพร้อมกับน้องอีก 2 คน ซึ่งเดินทางคนเดียวกับมีเพื่อนเดินทางมันก็สบายใจกว่า

หรือแล้วพวกข้อมูล Scotland ต่าง ๆ ก็สามารถถามพี่ counsellor ที่ Hands On เค้าได้ตลอด ทักไปได้ตลอด

MBA

รีวิวคอร์สเรียน MBA ที่นี่ให้เราฟังหน่อยค่ะ

Best: MBA ที่นี่ด้วยชื่อวิชามันก็น่าสนใจมากอยู่แล้ว ด้วยความที่คอร์สมัน intense มาก เพราะคอร์สมันระยะสั้น คอร์สจะเรียนทั้งวัน จันทร์ – ศุกร์ หลักสูตรของที่นี่เอาจริง ๆ ก็จะเน้นการพัฒนา soft skill เรามากกว่า อย่างวิชาเลือกก็จะยิ่งสนุก เหมือน MBA มันจะมีวิชาเลือกที่เราสามารถเลือกได้ทั้งหมด 4 ตัว จากรายชื่อวิชาที่เยอะมาก ๆ

อย่างพี่พี่เลือกเรียน Negotiation และอีกอันนึงที่เพิ่งเรียนไปคือ New Venters Creation จริง ๆ มันคือ Entrepreneurship นี่แหละ

อย่าง Negotiation มันก็จะเป็นแนว practice เลย สนุกมาก มันจะมีเคสให้เรา ให้เราเล่นบทบาทสมมุติ แต่ไม่อยากเฉลยมาก เดี๋ยวนิ้ง (เพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ซึ่งยังไม่ได้เรียนวิชานี้) จะรู้หมด

(ตรงนี้ทีมงานต่างบอกให้ พี่นิ้ง รุ่นพี่นักเรียนไทยอีกคนที่นั่งข้าง ๆ ย้ายไปนั่งที่อื่น เพราะอยากจะฟังรีวิววิชานี้ของพี่เบส แต่พี่นิ้งนั่งยิ้มอย่างเดียวเลย ไม่ยอมย้ายที่เพราะอยากฟังรีวิวเหมือนกัน สุดท้ายพี่นิ้งเลยนั่งฟังรีวิวแบบเต็ม ๆ ของวิชาเลือกนี้)

ก็คือเป็นบทบาทสมมุติ เหมือนให้เราเล่นตามบทบาท มีฝั่ง A ฝั่ง B บางทีก็จะเล่นเป็นกลุ่ม บางทีก็จะเล่นเดี่ยว ๆ มันก็จะมีเรื่องราวมาว่าแต่ละฝั่งจะต้องเจรจาเรื่องอะไร แล้วก็มี background ของเรื่องด้วย ไม่ใช่แค่ task ที่ให้เรามาฟาดฟันเฉย ๆ มันจะมี background ต่าง ๆ คือเค้าจะสอนให้เราเรียนรู้ว่าไม่ใช่แค่การต่อราคาแบบตะบี้ตะบันเอาราคาถูก อันนี้ดีมากค่ะ เหมือนเป็นการเปิดโลก เปิดประสบการณ์การเรียนรู้ของเราเลย

เอาจริง ๆ คนที่เรียน MBA ก็มีบางคนที่มาเรียน ป.โทใบที่สองนะ (ทีมงาน Hands On ที่ไปสัมภาษณ์เหมือนโดนป้ายยาให้กลับไปเรียนต่อป.โทเพิ่มอีกหนึ่งใบ) แต่มันสนุกจริง ๆ ค่ะ

อีกวิชาหนึ่งจะเป็น New Venters Creation วิชานี้จะเป็นเหมือนกับ entrepreneurship ก็จะเหมาะกับคนที่มีไอเดียอยากทำธุรกิจ หรือจะไม่มีไอเดียเลยก็ได้ อย่างพี่พี่ก็ไม่มีไอเดียทำธุรกิจเลย แต่มันก็จะเหมาะมาก ๆ กับคนที่มีไอเดียกำลังจะเริ่มทำธุรกิจแล้ว on process มันจะ match กับวิชานี้มาก ๆ ค่ะ เพราะวิชานี้มันก็จะต้องส่งไอเดียไปก่อนว่าเราอยากจะทำอะไร มันก็จะมี criteria มาว่าเราต้องให้ข้อมูลอะไรบ้าง คุณครูก็จะให้ feedback มา  เราก็จะเรียนจากคนที่เค้ามีประสบการณ์ จากคนที่เป็น entrepreneurship จริง ๆ

แล้วอย่างพี่เบสไม่มีไอเดียการทำธุรกิจ แล้วจะ submit ยังไงคะ?

Best: คือ อาจจะไปหาข้อมูลมา ว่า business area ไหนที่น่าทำ เราจะไปแนว innovative หรือจะไปแนว ESG ก็ได้ ซึ่ง ESG ที่นี่ฮิตมาก คือไอเดียเกี่ยวกับ Environment, Social อะไรแบบนี้ คือเป็นแนว social enterprise ที่แบบรักโลก รักสิ่งแวดล้อม คือเราก็ไปคิดมา แล้วก็ส่งงาน แล้วอาจารย์เค้าก็จะให้ feedback เรามา

เพราะอย่างเราเรียนทั้งอาทิตย์ 4 วันเต็ม ๆ พอวันศุกร์ก็จะมีให้เราต้อง pitch งาน เหมือนเคยดูพวก shark tank คล้าย ๆ แบบนั้นเลย คือให้เราได้ฝึก แล้วคณะกรรมการก็จะเป็นอาจารย์, คนที่มาจาก business นั้นจริง ๆ และอีกท่านนึงจะเป็นคนที่มาจาก Edinburgh Council คือเค้าจะไม่ใช่แค่มาให้ feedback ว่าไอเดียเราทำได้จริงไหม แต่เค้ายังพร้อม support เราถึงแม้ว่าเราจะเป็นนักศึกษาต่างชาติ ถ้า business ไอเดียเราดี คือเราสามารถไปขอทุนขอรับการสนับสนุนอะไรแบบนี้ได้เลยค่ะ คือเค้า support ดีมาก ๆ คอร์สมันสนุกจริง ๆ

สนใจเรียนต่อ The University of Edinburgh ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

MBA ปกติเรียนครบด้านอยู่แล้ว แต่ที่นี่ วิชาที่เป็น core course เค้าเรียนอะไรบ้างคะ?

Best: สำหรับพี่ พอมาจากสาย IT พอเรามาเรียนสาย business ทุกอย่างมันก็เลยใหม่ ได้เรียนเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน, accounting อะไรแบบนี้ มันก็โอเคนะ ถึงจะยาก

Background ฝั่ง IT ของพี่เบสเอง ช่วยอะไรในคอร์สนี้ไหมคะ?

Best: เอาจริง ๆ แล้วด้าน technical knowledge จะไม่ค่อยช่วยนะ แต่เราจะได้ในแง่ประสบการณ์การทำงานของเรา ที่เราได้ทำงานร่วมกับคนอื่น มันจะมีส่วนช่วยให้เราสามารถ contribute ในคลาสเรียนได้

The University of Edinburgh

มหาวิทยาลัยเป็นอย่างไรบ้างคะ รีวิวให้ฟังหน่อยค่ะ?

Best: The University of Edinburgh ก็ให้ความรู้สึก prestige เป็นมหาวิทยาลัยสวย และดูแลเราดีมากจริง ๆ ค่ะ

เรารู้สึกได้เลยว่าเค้าดูแลใส่ใจเราในหลาย ๆ เรื่อง จริง ๆ เค้ามีพวกกิจกรรมชมรมต่าง ๆ ถ้าคนสนใจด้านไหนก็สามารถไปเข้าร่วมได้ อย่างด้าน ศาสนา กีฬา อะไรแบบนี้มีหมด

มี Teviot Row House มันจะเป็น university association เค้าก็จะมี event แต่อันนี้เราจะต้องเสียเงินซื้อบัตรเข้างาน ไปทานข้าวกันกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยมีทั้งแบบ ป.ตรี ป.โท ก็จะเป็นตึกสวย ๆ ตึกหนึ่งเลย ที่ให้เราสามารถเข้าไปร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเช่นวัน Christmas, Halloween ไปเจอเพื่อนใหม่ ๆ คนใหม่ ๆ ได้

ถ้านอกเหนือจากนี้ พี่ก็ยังเป็นรุ่นยุคโควิด ก็จะมีความประทับใจในเรื่องของการดูแลของมหาวิทยาลัย คือ เหมือนตอนพี่ที่มาเรียนที่นี่ พี่มาเรียน Pre-sessional English Course ก่อน ตอนประมาณ 14 วันแรกจะเป็นช่วงกักตัว คือทางมหาวิทยาลัยดูแลดีมาก พี่อยู่หอในของมหาวิทยาลัย เค้ามีส่งอาหาร ของยังชีพมาให้เรา ตอนแรกพี่ยังนึกว่ามันจะมาเป็นมื้อ ๆ ไป 3 มื้อพร้อมกิน แต่ไม่ใช่เลยค่ะ มันส่งมาเป็นลัง ลังที่ใหญ่กว่าโต๊ะสัมภาษณ์นี้อีกค่ะ คือข้างในจะมีของที่สามารถอุ่นทานได้เลย อย่างซุปผัก มีอาหารแห้ง ข้าว สปาเกตตี้ คือของยังชีพที่เราอยู่ 2 สัปดาห์ คือได้มา 2 ลัง ตอนได้ลังแรกมายังคิดว่าสำหรับ 14 วันของการกักตัว ไม่ใช่จ่ะ มันมาอีก 1 ลัง (หัวเราะ) แต่พี่อยู่ร่วมกับ Flat mate อีก 4 คน คือด้วยความที่เค้าก็ทำอาหาร เราก็มีทำอาหารแชร์กัน มันก็ยังใช้ไม่หมด จนต้องมีขนมากับบริจาค คือพี่มีความรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยที่นี่มีการดูแลเอาใจใส่นักศึกษาดีมาก ๆ

มี support ทางด้านจิตใจด้วยนะ เคยได้ยินว่ามี mental health centre คือถ้าเครียดหรือรู้สึกไม่ดี เราสามารถไปหาเค้าได้เลย ไปคุย

อีกอันนึงที่ประทับใจคือมันมีผ้าอนามัยในห้องน้ำ แต่จริง ๆ อันนี้เป็นวัฒนธรรมของที่นี่อยู่แล้ว (ที่ประเทศสกอตแลนด์มีการแจกผ้าอนามัยฟรี) คือมันรู้สึกได้ถึงความใส่ใจ ว่าเออผู้หญิงมันต้องเป็นประจำเดือนอะ ไม่ใช่ว่าเกิดมาแล้วชั้นเลือกได้ไหมละว่าไม่อยากเป็นประจำเดือนอะไรแบบนี้ คือเค้าใส่ใจเรื่องสิทธิ

เล่าเรื่องทานกาแฟของเด็ก MBA หน่อยค่ะ

Best: อ๋อ Coffee with Copil คือ Copil เป็น recruiter ที่สัมภาษณ์เราเข้าเรียนนี่แหละค่ะ อันนี้คณะอื่นไม่มีกิจกรรมนี้นะคะจากที่พี่ถามเพื่อน ๆ ดู

เพราะ MBA หลักใหญ่ใจความของ MBA มันไม่ได้เน้นว่าคุณจบมาแล้ววิชาเลิศ แต่เค้าจะเน้นเรื่อง networking แล้วคนที่นี่เค้าก็จะสอนวัฒนธรรมให้เรา อย่างเช่นให้เราลองทักคนใน LinkedIn คนที่เราสนใจ อย่างเช่น guess speaker ที่มาพูดแล้วเราสนใจในงานเค้า หรือมีศาสตราจารย์ที่เราสนใจในงานเค้า มีงานวิจัยที่เราอ่านแล้วประทับใจอยากต่อยอด ก็ให้ลองทักเค้าไปใน social media ซึ่งทุกวันนี้เค้าก็จะใช้ LinkedIn กันเนอะ ให้ชวนเหมือนแบบคุณมีเวลาไหม ชวนเค้ามาทานกาแฟ ชวนเค้ามาพูดคุย คือ Copil เค้าจะสอนแนววัฒนธรรมของผู้คนที่นี่ อย่างที่ยกตัวอย่างมาก็คือวิธีการทำความรู้จักคน วิธีการสร้าง connection แล้วเค้าก็บอกว่าอย่าไปกลัวในการที่เราจะทักไปหาคน คือถ้าเค้าไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ก็แค่ไม่ตอบ สมมุติเราส่งไป 100 คน มันก็ต้องมีสักคนที่สนใจ หรือตอบกลับมาแล้วคุยแล้วไม่คลิก ก็อาจจะกินกาแฟจบแล้วแยกย้าย แต่อย่างบางคน ใครจะไปรู้ เราอาจจะคุยแล้วเข้ากันได้ดี เราอาจจะได้ต่อยอดเป็นเพื่อน หรือเป็นเพื่อนร่วมงานกันไปได้เรื่อย ๆ คือเค้าสอนเราสร้าง connection แหละ

สนใจเรียนต่อ The University of Edinburgh ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

Edinburgh เมืองหลวงของประเทศสกอตแลนด์

เมือง Edinburgh เป็นอย่างไรบ้างคะ?

Best: เมืองอะ คือเดินไปตรงไหนก็สวย สำหรับพี่ที่มาแรก ๆ อากาศก็คือดีย์ (แต่ถ้าหาข้อมูลใน pantip จะเห็นว่าคนรีวิวว่าอากาศที่ Scotland แย่มาก) คือเอาจริง ๆ แล้ว เทียบกับอังกฤษ คือพี่กลัวร้อน คือเพื่อน ๆ ที่เมืองไทยก็มาเรียนที่อังกฤษกันเยอะ เค้าก็เรียน England กัน พี่เห็นเค้าบ่นใน Twitter กันว่า พออังกฤษ เวลาร้อนทีนึงมันร้อนมาก ๆ มันร้อนแบบไม่มีลม มันไม่ไหว พี่ก็เลยแบบถ้าร้อนนี่ไม่เอาเลย พี่ชอบอากาศที่ค่อนข้างเย็น

ที่ Edinburgh ถึงจะเป็นหน้าร้อน อากาศมันก็จะอยู่ที่ประมาณ 11 – 12 องศา แต่มันจะ feel like 20 หรือ 15 องศา คือมันก็โอเคมันอยู่ในช่วงที่เราชอบ เพราะอากาศมันไม่ร้อนเลย แล้วถ้าหนาวคือพี่จะใส่เสื้อประมาณ 2 ชั้น แล้วก็มี jacket ก็โอเคนะ อยู่ได้ แล้วฝนตกอากาศมันก็ไม่ได้บ้าบอมากเหมือนที่อังกฤษ เพราะอังกฤษมันจะแบบ 4 ฤดูในวันเดียว แต่ที่ Scotland มันก็คือฝนกับเย็นแค่นั้น แล้วฝนมันก็ลงมาไม่ได้หนัก คือมาเป็นละออง เราก็ใส่ jacket ที่มันกันน้ำได้ ก็พอแล้ว

ธรรมชาติก็ดี มันเป็นเมืองที่วิวสวย classic แล้วก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศได้ เพราะมันสามารถไป shopping ได้ ไป hiking ก็ได้อะไรแบบนี้ถ้าคนชอบธรรมชาติ ก็เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ครบ คือมีทั้งธรรมชาติ เมืองอากาศก็ดี สำหรับพี่นะ คือมันดีกว่าเมืองอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ลอนดอน แต่ถ้าถามถึงความครบเครื่อง อย่างชาไข่มุก แกไม่อร่อยใช่ไหม ชั้นไม่เลือกแก ชั้นไปร้านอื่นก็ได้ คือที่นี่ด้วยความที่มันเล็กกว่าลอนดอน ก็ยังมีความเล็กกว่า แต่โดยรวมคือดี อยู่ที่นี่จะไปเที่ยวลอนดอนก็ไม่ได้เหนือบากกว่าแรง

รีวิวเรื่อง Pre-sessional English

Best: คอร์ส Pre-sessional English ก็แอบสำคัญในแง่ของการปรับตัวค่ะ

เค้าไม่ได้สอนเราให้ท่อง ABC หรือท่องคำศัพท์  แต่เค้าจะสอนเราว่าเมืองนอกมันไม่เหมือนเมืองไทย ที่ระบบมหาวิทยาลัยเป็นแนวป้อน เวลาเราเขียนรายงานมันต้องมันออกมาเป็น original คือที่นี่เน้น critical คือเค้าเรียกว่าความคิดเห็นของเราที่มันออกมา คุณต้องมีอะไรรองรับ support ข้อมูลของคุณ มันจะประกอบไปด้วย Research การหาความรู้ แล้วเราก็เอามา develop ความคิด เพื่อที่จะเขียนออกมา แล้วเราต้องรู้จักให้เครดิตคนอื่น มีการเขียน reference citation อะไรแบบนี้ มันไม่ใช่แนวแบบชั้นคิดนู้นนี่ มันไม่ใช่ I think แต่เค้าจะสอนวิธีการเขียนแบบ academic คือเค้าจะสอนระบบการเรียนรู้แบบ academic English ไม่ใช่ general English หรือภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

ซึ่งช้อมูลพวกนี้สำคัญ เพราะว่าเวลาเรามาเรียนที่นี่แล้ว เวลาเราเริ่มเรียน เค้าจะไม่มาสอนเราว่าเวลาเราเขียน report หรือเขียน assignment ส่ง มันจะมา I think ไม่ได้ มันต้องมีแบบ คนนี้เค้าพูดว่าอย่างนี้ เราเอามาจากที่นั่น เราได้ความคิดนี้มาจากตรงไหนอะไรแบบนี้ แล้วห้าม copy มาจาก Google ไม่ได้ เค้าก็จะบอก จะสอนเราว่า source ที่น่าเชื่อถือที่สามารถเอามาอ้างอิงในงานเขียนของเราได้ มันควรจะมาจากที่ไหน ไม่ใช่มาจาก website อะไรก็ไม่รู้

สำหรับคนที่ปรับตัวได้ช้า ต้องใช้เวลาหรือกลัวว่าเราจะปรับตัวไม่ทันในการมาเรียนต่อต่างประเทศ การมาเรียน Pre-sessional English Course มันจะทำให้คุ้นชิน เป็นช่วงเวลาปรับตัวของเรา มันจะดีกว่าตู้มเริ่มคลาสเรียนเลย

สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจเรียนต่อที่อังกฤษ สกอตแลนด์ หรือที่ Edinburgh พี่เบสมีอะไรอยากฝากไหมคะ?

Best: อย่างพี่เป็นแนวนึกไม่ออกว่าอยากเรียนอะไร รู้แค่ว่าไม่อยากเรียนด้าน IT ปรึกษาหาที่เรียน หรือไปเดินตามงานเรียนต่อก็ดีกว่า เหมือนกับเราก็จะได้ไอเดีย แต่ดีที่สุดคือยื่นใบสมัครเรียนต่อเลย เพราะว่าถ้าไม่ยื่น มันก็เหมือนกับเราปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยไปหลายปี อย่างพี่เองก็ทำงานมา 10 ปีกว่าจะได้มาเรียน เพราะเราก็มัวแต่ทำงาน

อย่างเรื่องการสมัครเรียนมันต้องเตรียมตัว อย่าง IELTS สำหรับพี่มันก็ต้องเตรียมตัวนานเหมือนกันนะ สุดท้ายแล้วมันก็จะเร็วตรงที่เราต้องลงมือทำ ถ้าเรามัวแต่ไปเรียนเอาให้มั่นใจก่อนสอบ IELTS มันก็จะช้า มันต้องเริ่มเลย take action เลย

พี่เข้าใจนะว่าเด็กไทยมันมีความกลัว failed แหละ พี่ก็เป็นมาก่อน แต่พอยื่นใบสมัครแล้วมันก็อ่าวไม่มีอะไรนี่หว่า มันโล่งด้วยซ้ำ (ยิ้ม)

สนใจเรียนต่อ The University of Edinburgh ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง

Enquiry Form

Please provide the following information and we will aim to respond within 48 hours:

Your details
Please enter your first name.
Please enter your last name.
Please enter a valid email address.
Please enter your phone number.
Please select a country you want to study.
Please select a year you want to study.
Please select your preferred branch.

* All fields required (in English)

  • Share this: