Hands On Education Consultants

รีวิว MSc Economics ที่ The University of Warwick โดย Boat

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

Boat: สวัสดีครับ ผมโบ๊ท นะครับ ตอนนี้เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ที่ The University of Warwick ครับ

ทำไมถึงเลือกเรียนสายเศรษฐศาสตร์

Boat: ที่ผมตัดสินใจเลือกเรียน economics ที่นี่นะครับ อาจจะต้องเท้าความก่อนว่าก่อนหน้านี้ผมเรียนจบมาแล้วประมาณ 2-3 ปี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วก็เข้าไปทำงานที่สถาบันวิจัย TDRI ครับ ในงานวิจัยที่ผมทำก็จะเกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์ การประเมิน การพัฒนา อยู่แล้ว เรารู้สึกว่าพอเราทำงานมาได้ 2-3 ปี เรามีความจำเป็นที่จะต้องเรียนต่อในความรู้ที่ลึกขึ้น มีความละเอียดเพิ่มมากขึ้น ตรงนี้เราก็เลยตัดสินใจว่าถ้าเราจะเรียนต่อ เราจะเรียนอะไรดี? เราควรจะเรียนที่ไหน? เรียนสาขาอะไร? ก็เลยเริ่มทำการบ้าน เริ่มหาข้อมูลดูว่ามีมหาวิทยาลัยที่ไหนบ้างที่มีคณะเศรษฐศาสตร์ที่ดี และอยู่ในประเทศอังกฤษ คือส่วนตัวผมอยากมาเรียนที่ประเทศอังกฤษอยู่แล้วครับ ก็เลยลองไล่ดูว่ามีที่ไหนบ้างที่เหมาะสม

ทำไมต้องเลือกเรียนต่อที่ The University of Warwick?

Boat: ทำไมถึงลงตัวที่ Warwick คือจริง ๆ มีหลายปัจจัยนะครับ ส่วนหนึ่งเพราะอันดับและมาตรฐานของมหาวิทยาลัย* ส่วนอีกปัจจัยที่สำคัญคือประสบการณ์ตรงที่ได้มีโอกาสรู้จักกับศิษย์เก่าและอดีตอาจารย์ที่เคยอยู่ที่ Warwick ครับ ซึ่งผมได้มีโอกาสในการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลายเรื่อง ทั้งมุมมองต่อเรื่องการเรียน เรื่องวิชาการ รวมถึงเรื่องเป้าหมายในชีวิต ซึ่งผมค่อนข้างประทับใจเลยนะครับ จึงเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ผมตัดสินใจเลือกมาเรียนที่นี่ครับ

*The University of Warwick ได้รับการจัดอันดับให้เป็น Top 25 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก สาขา Business and Economics จาก Times Higher Education ประจำปี 2022

สนใจเรียนต่อ The University of Warwick ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

การเตรียมตัวเรียนต่อ

เล่าให้ฟังหน่อยค่ะว่าช่วงเตรียมตัวเรียนต่อเราทำอะไรบ้าง

Boat: จริง ๆ ต้องย้อนกลับไปก่อนเลยครับว่าตอนที่หาข้อมูลคือหาว่าระบบการรับเข้าเรียนของที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษมันมีรูปแบบไหนบ้าง ต้องทำอะไรบ้าง เพราะในแต่ละประเทศก็จะมีรูปแบบการรับสมัครเรียนที่แตกต่างกัน คือผมเคยสมัครมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น ผมก็จะต้อง approach กับ professor ที่ญี่ปุ่นเลย เพื่อส่ง proposal ของ ป.โทไป มันก็จะเป็นรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ว่าพอเราเห็นของที่อังกฤษ โดยส่วนมากเราสามารถสมัครได้โดยตรงกับทางมหาวิทยาลัยเลย โดยที่ยังไม่ต้อง approach กับทาง professor พอผมรู้แล้วผมก็เลยลองดูว่า โอเค ถ้าผมลิสต์มหาวิทยาลัยที่ผมอยากไปออกมา มันมีที่ไหนบ้าง ผมก็ลองดูข้อมูล ตอนที่ลองดูข้อมูลผมก็เจอว่าจริง ๆ มันมีบริการเอเจนซี่ โดยเฉพาะของ Hands On ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม เพราะว่ามีทั้งเพื่อนบอกด้วย รุ่นพี่ที่เคยมาเรียนกลับมาเค้าก็แนะนำ ผมก็เลยลองดูว่าอะ ไหน ๆ เราก็จะมาเรียนแล้วก็ลองติดต่อพูดคุยกัน แล้วก็ที่สำคัญคือมันไม่มีค่าบริการในส่วนนี้ใช่ไหมครับ แล้วพี่ ๆ ที่ Hands On เค้าก็ให้คำแนะนำว่าเราจะต้องเริ่มเตรียมตัวยังไง นอกจากเตรียมตัวแล้วเอกสารจะต้องมีอะไรบ้าง เพราะมันจะความซับซ้อนนิดนึงยิ่งถ้าเราจะยื่นใบสมัครไป 5-6 มหาวิทยาลัย เพราะของผมเอง ผมยื่นไปประมาณ 6-7 ที่ในอังกฤษ ถ้าผมต้องส่งเอกสารทั้งหมดเอง สลับข้อมูลเองที่ละอันเนี่ย ก็ค่อนข้างรบกวนเวลาทำงานระดับหนึ่งเหมือนกัน ผมก็เลยได้ติดต่อแล้วก็พูดคุยกับทาง Hands On ซึ่งพี่เค้าก็ช่วย manage ตาราง คอยเช็ค quality ของเอกสารแต่ละฉบับว่ามันถูกต้องตามเกณฑ์ไหม หรือว่ามีอะไรที่ต้องปรับปรุง ซึ่งบอกได้เลยว่าตรงนี้ประหยัดเวลาไปได้เยอะมากครับผม

เหมือนกับที่หลาย ๆ คนรีวิวบริการของพี่ Hands On ไว้ไหมคะ?

Boat: จริง ๆ เป็นไปตามที่รีวิวไว้เลยครับ เพราะว่าในขั้นตอนตั้งแต่เริ่มเข้าไปคุย มันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยครับ มันเป็นไปตาม process ทั้งหมด เรานัดกันว่า 1 เดือนนี้ผมจะส่งเอกสารฉบับนี้ไปให้ อีก 1 เดือนผมจะต้องได้อะไรกลับมา อะไรแบบนี้ครับ ทุกอย่างมันก็ตาม time period ผมก็เลยรู้สึกว่าการสมัครเรียนต่อ ป.โท ของผมนี่คือค่อนข้างง่ายเลยเมื่อเทียบกับที่ผมคิดไว้ ตอนแรกผมคิดไว้ว่ามันต้องวุ่นวายและมันต้องยากสำหรับผมมาก ๆ แต่ปรากฎว่าจริง ๆ แล้วมันค่อนข้างง่ายและพี่ ๆ Hands On ก็ช่วยประหยัดเวลาได้เยอะเลยครับ คือมันมีคนคอย guide ให้ มีคนคอยแนะนำถึงจุดที่ควรทำ เราจะได้ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกแบบนี้ครับ

รีวิวคอร์ส Pre-sessional English ที่ The University of Warwick

Boat: ของผมคือตัดสินใจมาเรียน pre-sessional ก่อน ซึ่งพอมาถึงช่วงนั้นจะเป็นช่วงปลายฤดูร้อนและจะเป็นช่วงที่เค้ายังไม่เปิดเรียนกัน เพราะฉะนั้นมหาวิทยาลัยก็จะค่อนข้างเงียบสงบมาก

อาจจะต้องบอกก่อนว่าที่ Warwick จะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่อยู่กลางเมืองเหมือนในลอนดอน หรือใน Birmingham ที่มีทั้งเมืองด้วย ตึกเรียนด้วย ผสมกันไป พอมันอยู่ข้างนอกช่วงที่ไม่ใช่ช่วงการเรียนก็จะค่อนข้างเงียบ สงบมากครับช่วงที่อยู่หอ ถ้าใครชอบเรื่องธรรมชาติ เรื่องความสงบ ผมก็แนะนำเลยครับ เพราะที่นี่เงียบสงบดีมากครับ อย่างหอที่ผมอยู่มันก็จะมีเป็ด มีห่าน เดินกันเต็มไปหมดเลย ก็เป็นบรรยากาศที่เฉพาะตัวของที่มหาวิทยาลัยนี้เลยครับ

คอร์ส pre-sessional English สอนอะไรบ้างคะ?

Boat: Pre-sessional จะแบ่งเป็นสองส่วนหลัก ๆ นะครับ ก็คือเรื่องของ การฟัง-พูด และการอ่าน-เขียน ก็จะมีอาจารย์ที่สอนแยกเป็นสองส่วนครับ ซึ่งทั้งสองส่วนจะมีการออกแบบคอร์สเรียนไว้อยู่แล้วว่าถ้าเราเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัย อะไรที่เราต้องใช้และจำเป็น

ส่วน ฟัง/พูด เค้าไม่ได้เปิดเทปแล้วให้เรานั่งจดตามนะครับ แต่ว่าจะเน้นเป็นการพูดคุยกัน คืออาจจะมีหัวข้อขึ้นมา แล้วให้ชวนคุยกันว่าถ้าเป็นหัวข้อนี้เรามีมุมมองหรือความสนใจอย่างไรบ้าง ข้อดีอย่างหนึ่งในคลาส pre-sessional คือในชั้นเรียนเราจะมีเด็กจากหลาย ๆ คณะมาเรียนด้วยกัน เพราะบางครั้งเราคิดว่าเรามาเรียนเราจะได้เจอคนในคณะเดียวกันเท่านั้น อย่างคณะเศรษฐศาสตร์เหมือนกัน บริหารเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วจะมีเพื่อน ๆ มาจากคณะวิศวะ, ศิลปกรรมศาสตร์, เศรษฐศาสตร์, แล้วก็บริหารธุรกิจ ซึ่งมันทำให้หัวข้อที่เค้าชวนคุยในชั้นเรียนจะมีมุมมองหรือความรู้ที่ต่างกัน มันก็จะชวนคุยกันได้อย่างสนุก ที่สำคัญเลยคือถ้าใครไม่มั่นใจเรื่องภาษาเลย พอเราอยู่ในคลาสนี้มันเป็นคลาสที่กำลังปูพื้นฐาน ทุกคนจะอยู่ในช่วงที่เหมือนจะหัดพูด จะได้เห็นว่าจริง ๆ แล้วทุกคนก็กล้าพูด แล้วพอทุกคนกล้าพูด เราก็จะมีความมั่นใจ กล้าที่จะพูด เล่าเรื่อง หรือสื่อสารอะไรให้กับตัวอาจารย์ได้ฟังด้วย ให้เพื่อน ๆ ในห้องของเราได้ฟังด้วยแบบนี้ครับ

นอกจากนั้นจะมีเรื่องของการ presentation เตรียม slide หรือทำเป็นงานกลุ่มเล็ก ๆ ในอาทิตย์หนึ่งเราก็จะได้ลองออกไปนำเสนอหน้าห้องดูว่าเราพูดหน้าห้องได้ไหม เราสามารถรับมือกับความกดดันที่มีคนจ้องเวลาเราพูดได้ไหม อันนี้ก็จะเป็นเรื่องที่เราได้ฝึกในช่วงเวลาที่เรากำลังเรียน pre-sessional อยู่ครับ

ส่วนของการอ่านเขียน อันนี้ในคลาสอาจจะมองว่าคล้าย ๆ IELTS นะครับ แต่ว่ามันจะลงรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้น มีอาจารย์คอย comment ให้ ว่า งานที่เราเขียนส่งไปในอาทิตย์แรกมันมีอะไรที่ต้องปรับ อะไรที่ควรเพิ่ม สำหรับเรา และพออาทิตย์ถัด ๆ ไป เราก็จะมีส่งงานในหัวข้ออื่น ๆ ให้เค้า อาจารย์เค้าก็จะ comment กลับมาให้ ซึ่งจริง ๆ การ feedback loop ตรงนี้ค่อนข้างสำคัญสำหรับคนที่ทำงานเขียน เพราะว่ามันจะช่วยให้เราพัฒนาขึ้นได้เยอะเลยครับ เพราะเค้าจะสามารถชี้ได้ตรงจุดเลย อย่างเช่น ปัญหาจริง ๆ มันอาจจะไม่ได้อยู่ที่ Grammar นะ แต่เป็นการเรียบเรียงคำพูด หรือเป็น logic ในหัวเราเองมากกว่า อะไรแบบนี้ครับ ตรงนี้มันจะช่วยเราได้เยอะเลย ที่สำคัญคือช่วยเราในเรื่องของความมั่นใจ เพราะว่าตัวอาจารย์ได้ feedback ให้ บอกเราว่าในขั้นตอนถัดไปเราควรทำอะไรบ้าง ก่อนที่เราจะเข้าเรียนจริง เพราะเวลาเราเข้าเรียนจริงมันจะมีความกดดันในเรื่องของเนื้อหาวิชาที่เราเรียนเข้ามา

สนใจเรียนต่อ The University of Warwick ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

MSc Economics

คอร์สนี้เรียนอะไรบ้างคะ?

Boat: ตัวคณะเศรษฐศาตร์ของมหาวิทยาลัย Warwick นะครับ จะแยกออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ก็คือมี เศรษฐศาสตร์ pure เลย อย่างที่เรารู้จักกันนะครับ, อีกอันนึงจะเป็น Behavioural economic อันนี้เป็นตัวใหม่ครับ และอีกอันนึงจะเป็น Finance economics  ซึ่งตัวที่ผมเรียนคือ pure economics นะครับ เทอมที่เรียนหลัก ๆ จะแบ่งเป็น 3 เทอมครับ เทอมละประมาณ 10 สัปดาห์ มีแค่ 10 สัปดาห์เท่านั้น (หัวเราะ)

เทอมแรกจะเรียนเป็น 2 – 3 วิชาหลัก ๆ นะครับ จะเป็นวิชาพื้นฐานทั้งหมดเลย วิชาพื้นฐานที่มีเลยคือ Microeconomics กับ Macroeconomics  นะครับ ซึ่งก็คือ เศรษฐศาสตร์จุลภาคกับมหภาคอย่างที่เรารู้กัน แต่ว่า คนที่เรียนที่ Warwick จะสามารถเลือกเรียนได้ 2 แบบครับ คือ Track A และ Track B

ตรงนี้จะเห็นได้เลยว่าที่มหาวิทยาลัยมีการเตรียมหลักสูตรที่ค่อนข้างรองรับเป้าหมายของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไปด้วยครับ ส่วนของผม ผมเลือกเรียน Track A เพราะว่าอาจจะเป้าหมายหลาย ๆ อย่างรวมถึงเนื้อหาคร่าว ๆ แล้ว A น่าจะตอบโจทย์และเป็นสิ่งที่ผมชอบมากกว่าครับ ในทางกลับกันบางคนที่สนใจ Finance Model ของนโยบายการเงินการคลัง หรือชอบคำนวณ พิสูจน์ที่มาของ Model ต่างๆ ส่วนมากก็จะเลือกเรียนใน Track B กันครับ ทั้งนี้ก็อาจจะต้องดูเป้าหมายหรือความชอบของแต่ละคนด้วยครับ

นอกจากนั้นจะมี Econometrics คือเศรษฐมิติ ก็จะเป็นคณิตศาสตร์สำหรับเศรษฐศาสตร์ ซึ่งตอนแรกผมเข้าใจว่ามันจะเป็นเนื้อหาที่คณิตจ๋า ๆ เลย แบบต้องคำนวนยังไง ใช้สูตรอะไร แต่กลายเป็นว่าในช่วงเทอมแรก เค้าให้ความสำคัญกับการอ่านเครื่องมือในวิชาเศรษฐศาสตร์ที่ต้องใช้เป็นหลัก อย่างเช่น การทำ RCT การทำ different/indifferent พวกนี้ครับ เค้าก็จะสอนตรงนี้ให้ค่อนข้างละเอียด ซึ่งตรงนี้จะมีประโยชน์เวลาเราอ่าน paper พวกวิชาเศรษฐศาสตร์ มันจะค่อนข้างช่วยได้เยอะเลย อันนี้ผมเลยแปลกใจว่ามหาวิทยาลัยเค้าไม่ได้สอนเชิงทฤษฎีจ๋า ๆ นะ เค้ามีมาสอน how to practice, how to use it นะครับ มันก็เลยเป็นข้อดีที่สำคัญที่ผมมองนะครับ เทอมแรกก็มีสามวิชานี้แหละครับ แต่เป็น 3 วิชาที่ academic จ๋า เนื้อหาแน่น ๆ เลยครับ

ในเทอม 2 ทุกคนจะได้เรียนวิชาเลือก 3 วิชาครับ ทางมหาวิทยาลัยจะมีวิชามาให้เลือกประมาณ 10 – 15 วิชาครับ ยกตัวอย่างวิชาเลือก เช่น เศรษฐศาสตร์การพัฒนา, เศรษฐศาสตร์การเงิน, เศรษฐศาสตร์การคลัง แล้วก็เรื่อง behavioural economic เรื่องของ experimental design

ในส่วนของตัวผม ผมเลือก development economics ซึ่งจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับการประเมินโครงการ การออกแบบโครงการนโยบายรัฐ ว่ามันควรจะมีการออกแบบยังไง มีอะไรที่เป็น concern บ้าง

อีกสองวิชาคือ experimental design ก็คือว่าเราจะออกแบบการทดลองยังไง เพื่อให้คนที่มาตอบแบบสอบถามของเราหรือคนที่มาร่วมการทดลองทางเศรษฐศาสตร์ของเรา เค้าตอบอย่างซื่อสัตย์ที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุด อันนี้ก็เป็นเทคนิคหรือวิธีการที่ผมคิดว่าน่าจะเอาไว้ใช้ต่อไปในการทำงานในอนาคต

อีกวิชาหนึ่งคือ Health Economics ด้วยความที่ผมมีความสนใจด้านนี้อยู่แล้ว ก็เลยเลือกคอร์สนี้ครับ เค้าก็จะสอนว่าการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขในมุมของเศรษฐศาสตร์มันมีอะไรที่ต้องนึกถึงบ้าง อันนี้ก็จะเป็นสามส่วนหลัก

นอกจากนี้จะมีเศรษฐมิติ ซึ่งเป็นตัวที่ 2 นอกจากตัวแรกที่เราเรียนมาในเทอมแรกนะครับ เทอมที่ 2 ที่เรียนก็จะเกี่ยวกับ time series การจัดการ panel data ตรงนี้ก็จะเป็นเนื้อหาเน้น ๆ ของสองเรื่องนี้เลยครับ ถ้าสำหรับผมเองส่วนมาทุกวิชาผมสามารถนำกลับไปใช้ในงานที่ผมทำอยู่ได้เลยครับ มันจะสามารถเอาไปประยุกต์ หรือต่อยอดสิ่งที่กำลังทำอยู่ หรือสิ่งที่กำลังจะได้มีโอกาสทำในอนาคตครับ

บรรยากาศในห้องเรียนเป็นอย่างไรบ้าง

Boat: บรรยากาศในห้องเรียนอาจจะต้องบอกว่าปีนี้ (2021/2022) ยังเป็นปีที่คาบเกี่ยวกับช่วงโควิดอยู่ คณะเพิ่งจะปรับรูปแบบจากการเรียนออนไลน์ 100% กลับมาเป็นรูปแบบ hybrid ครับ hybrid ก็คือว่าในหนึ่งวิชาเราจะมีเรียน lecture ที่เป็นเนื้อหาของวิชาแบบออนไลน์อยู่ที่ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง อันนี้เราสามารถเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ครับแล้วแต่เรา คือเนื้อหาจะอยู่ในระบบอยู่แล้ว เค้าก็จะแบ่งเป็นรายสัปดาห์ไว้ให้ว่าอาทิตย์ที่หนึ่งหัวข้อที่ 1.1 – 1.2 เป็นวิดีโอละ 1 ชั่วโมง แล้วหลังจากที่เราเรียน 2 อันนี้เสร็จ ในสัปดาห์นั้นจะมีคลาสสัมมนา คลาสนี้เราก็จะเข้าห้องเรียนครับ เค้าก็จะเฉลยโจทย์หรือเอาโจทย์ที่พูดใน lecture class มานั่งคุยกันอีกรอบ เพราะบางครั้งเราฟังโจทย์เลขอย่างเดียวเราคิดไม่ออกใช่ไหมครับ แต่พอได้มานั่งคุยกันมันก็จะมีความชัดเจนมายิ่งขึ้น

นอกจากนั้นอาจจะมี lecture class ใหญ่ ที่เป็น 1 คลาสเลย คือทุกคนจะมาเรียนรวมกัน อันนี้ทางมหาวิทยาลัยเพิ่งจะเอากลับมาจัดให้เรียนที่มหาวิทยาลัยช่วงเทอม 2 ครับ ก็เลยยังพอได้เจอเพื่อน ๆ บ้างครับ ส่วนถ้าเป็นห้องสัมมนา ห้องหนึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 12 – 13 คนครับ แล้วก็จะมี TA 1 คนที่ช่วยนำเสนอ หรือชวนคุยกับ

การบ้านต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้างคะ?

Boat: task assessment ก็จะมีงานเดี่ยว แต่ส่วนใหญ่สัดส่วนคะแนนตรงนี้จะค่อนข้างน้อยนะครับ มันจะอยู่ที่ประมาณ 20 คะแนน แล้วก็จะมีงานกลุ่มประมาณ 2 – 3 งาน อยู่ที่ประมาณ 20% แต่ส่วนมากคะแนนจะอยู่ที่คะแนนสอบครับ คือถ้าใครมั่นใจในฝีมือการทำข้อสอบแล้วเนี่ย ผมว่าค่อนข้างสบายอาจจะต้องบอกว่ามันไม่มีคะแนนเข้าห้องเรียน มันไม่มีคะแนนที่เราต้องมาเรียนอะไรเป็นพิเศษ แต่เน้นว่าเราต้องทำงานส่ง กับทำคะแนนตอนสอบปลายภาคครับ

การเตรียมตัวสอบปลายภาค

Boat: ก็จะค่อนข้างเครียดนิดนึงครับ (ยิ้ม) แต่ทางมหาวิทยาลัยเค้าจะมีเว้นระยะไว้ให้นะครับ อย่างสมมุติผมเรียนเทอมที่ 1 เสร็จเค้าจะเว้นระยะไว้ให้ประมาณ 1 เดือน – 1 เดือนครึ่ง ก่อนที่จะเปิดเทอมที่สองที่เค้าจะให้สอบ เพราะฉะนั้นเท่ากับว่าเราจะมีเวลาประมาณ 1 เดือน– 1 เดือนครึ่ง ในการเตรียมตัวสอบ ตารางตรงนี้จะแล้วแต่เทอมนะครับ ซึ่งตรงนี้โดยส่วนใหญ่ก็แล้วแต่คนนะครับ บางคนอ่านคนเดียวเลย หรือบางคนก็มีรวมกลุ่มกับเพื่อนแล้วติวกันครับ

แต่ต้องบอกก่อนว่า วิธีการสอบที่นี่ตอนนี้ยังเป็นกาสอบออนไลน์ ก็คือว่าทางคณะก็จะส่งข้อสอบมา เราก็จะมีช่วงเวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงในการทำข้อสอบให้เสร็จและส่งตัวข้อสอบกลับไปที่คณะภายในเวลาที่กำหนด จะเป็นลักษณะนี้ครับ

หลายคนคิดว่าสอบออนไลน์ง่าย มันง่ายจริงไหมคะ?

Boat: (ถอนหายใจ) คือต้องบอกว่าถอนหายใจครับ แต่มันค่อนข้างยากอยู่แล้วครับ เพราะว่าต่อให้เราเปิดหนังสือได้ โจทย์มันก็ไม่ได้ตามหนังสือ 100% อยู่แล้ว มันก็จะยังมีความยากอยู่ อีกอย่างมันมีความกดดันด้วยครับ คือจริง ๆ เวลาเราไปสอบในห้องเรียนมันก็เป็นความกดดันอย่างหนึ่ง แต่เวลาอยู่ไทยเราไม่เคยสอบออนไลน์ที่บ้าน มันก็จะเป็นรูปแบบความกดดันอีกแบบหนึ่งครับ แต่เทอมหลัง ๆ ก็รู้สึกโอเคขึ้นครับ คือเราจะจัดการเวลาได้ดีขึ้น ว่าชั่วโมงแรกเราควรทำอะไร เพราะบางครั้งเราต้องเผื่อเวลาเราเขียนเสร็จเราจะต้องเอาที่เราเขียนถ่ายรูปหรือ scan เข้าไปว่าเป็น file final และส่งกลับไป ตรงนี้มันก็ใช้เวลา มีบางคนที่เค้าส่งไม่ทันเหมือนกันก็จะมีปัญหาว่าอาจจะไม่ได้คะแนนเลยหรือโดนหักคะแนน ก็ต้องเผื่อเวลาไว้หน่อยครับ

สนใจเรียนต่อ The University of Warwick ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

The University of Warwick

Facilities ของคณะเศรษฐศาตร์เป็นอย่างไรบ้าง?

Boat: facility ในตึก economics เนี่ย ค่อนข้างเล็กเพราะคนเรียนน้อยด้วยครับ มีไม่เยอะ แต่ตัวตึกเรียนก็จะมีอุปกรณ์พื้นฐานต่าง ๆ ที่ตึกหรือมหาวิทยาลัยควรจะมีก็จะมีให้ค่อนข้างครบครับ เช่น ห้อง study room, ห้องประชุม, lounge ที่ใช้นั่งเล่นกัน, รวมถึง pantry สำหรับเตรียมน้ำเตรียมอาหารก็มีเตรียมไว้ให้ ตรงนี้ผมก็ว่าค่อนข้างพร้อมนะครับ แล้วก็มีห้องอาจารย์อยู่ในตึกด้วย ถ้าสมมุติว่าเราจะคุยกับอาจารย์เราก็สามารถนัด drop in section จองออนไลน์แล้วเราก็สามารถเข้ามาพบอาจารย์ตามเวลาที่เราแจ้งไว้ได้ครับ ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวก

แล้วจะยิ่งสะดวกมากขึ้นถ้าอยู่พวกคณะ WBS ตึกคณะเค้าค่อนข้างดีครับ อันนี้ชมเลย เพราะหลายครั้งผมก็มีไปนั่งกินกาแฟที่นั่น หรือว่าเพื่อนที่อยู่คณะนั้นก็จะบอกว่า facilities ต่าง ๆ คือค่อนข้างครบ

Facilities ของตัวมหาวิทยาลัยละคะเป็นอย่างไรบ้าง?

Boat: สำหรับสิ่งที่ผมต้องการหลัก ๆ อย่างตอนผมมาผมก็ตั้งโจทย์ว่านอกจากเรื่องเรียนแล้ว บรรยากาศโดยรวมมันเป็นยังไง เรื่องว่ามหาวิทยาลัยจะต้องมีอะไรบ้าง โจทย์ของผมเลยคือผมอยากได้ที่ออกกำลังกาย ซึ่งจริง ๆ แล้วผมก็ค่อนข้างชอบนะครับ เพราะว่ายิมที่นี่เพิ่งจะทำใหม่เมื่อ 2- 3 ปีที่ผ่านมา ใหม่และครบครับ มีพวก barbell น่าจะ 20-30 ชุด ซึ่งตรงนี้ก็ตอบโจทย์เพราะว่าเวลาที่คนเยอะ ๆ แล้วเราไปเราก็ยังได้ใช้ พวกลู่วิ่งอะไรก็น่าจะถึง 100 ลู่อยู่นะครับ มีสนามแบตที่ปกติผมเล่น มีสระว่ายน้ำ stream หรือซาวน่าก็มีครับ หรือบางคนถ้าชอบเล่นปิงปอง หรือ squad ก็มีครับ ก็สามารถไปเล่นได้ ถ้าไม่มีอุปกรณ์ก็สามารถยืมได้ครับ มีลู่วิ่งเผื่อบางคนไม่ชอบวิ่งในยิม ก็มีลู่วิ่งพื้นยางให้เลยครับ ก็เลยรู้สึกว่าเป็นของที่ตอบโจทย์มากครับ

ห้องสมุด ก็ค่อนข้างครบนะครับ อาจจะต้องบอกว่าสมัยนี้เราไม่ได้ไปค้นหนังสือที่ห้องสมุดขนาดนั้นแล้ว หนังสือหลาย ๆ เล่มเราสามารถหาออนไลน์ได้ ซึ่งที่ Warwick เอง หนังสือหลาย ๆ เล่มเค้าก็มีจัดเตรียมไว้ให้เราเป็นแบบออนไลน์ e-book สามารถเข้าไปใช้งานโดยใช้เลขนักศึกษาของเราเข้าไป download มาใช้อ่านได้ ก็ค่อนข้างสะดวกครับ เป็นห้องสมุดที่เราไม่ต้องเดินไปห้องสมุดก็ได้ (ยิ้ม) แต่ถ้าเราไปทำงานที่ห้องสมุด ผมมองว่าพื้นที่ต่าง ๆ ก็จัดแบ่งได้ค่อนข้างชัด ใครสนใจหรืออยากอยู่เงียบ ๆ มันก็จะมีโซนเงียบ ๆ ไว้ให้นั่ง แต่ถ้าใครอยากจะประชุม นั่งคุยงานมันก็จะมีพื้นที่แยกออกมา รวมถึงมีคอมพิวเตอร์ถ้าบางครั้งเราต้องการเข้าไปใช้งานก็มีเตรียมไว้ให้ เราสามารถ log-in ผ่าน account ของเรา เราก็ดึงข้อมูลใน drive ได้เลย อย่างเราทำงานที่ห้องเสร็จ ไปคุยงานกับเพื่อนที่ห้องสมุดเราก็สะดวกครับเพราะงานเราอยู่ใน cloud หมดแล้ว

บรรยากาศในมหาวิทยาลัย

Boat: มหาวิทยาลัยก็ร่มรื่นครับ มีเป็ด ห่าน ได้ยินเสียงตอนเช้า ๆ ครับ เพราะผมอยู่หอมหาวิทยาลัย

รีวิวหอพักมหาวิทยาลัย

Boat: ตัวหอมหาวิทยาลัยที่ผมอยู่คือเค้าเพิ่งปรับปรุงเสร็จครับ ก็ค่อนข้างใหญ่นะครับ ปกติหอมหาวิทยาลัยจะแบ่งเป็นหน่วยย่อย ๆ อย่างมี 10 ห้อง แชร์ห้องครัว  1 ห้อง แต่ของผมในตึกมีประมาณ 80 ห้อง แต่มีครัวเดียวครับ เป็นครัวที่ใหญ่เลย คือมีประมาณ 10-15 station ด้วยกัน ให้นึกถึงเวลาแข่ง master chef ครับ มันก็จะมีเตา 10 อันเรียงกัน แล้วก็ของแต่ละ station ก็จะมีเตา, ตู้เย็น, เตาอบ, ที่เก็บของ, เครื่องล้างจาน ของใครของมัน มันก็เลยเพียงพอครับ แล้วก็เงียบนะ ใครชอบทำอาหารก็สามารถชวนเพื่อน ๆ มาทำอาหารด้วยกันได้สบายมากครับ

เมือง Coventry ประเทศอังกฤษ

Boat: จริง ๆ Coventry เป็นเมืองที่สงบมาก ๆ แต่ว่ามีของพื้นฐานอย่างที่ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร หรือของพื้นฐานต่าง ๆ ครบ ผมคิดว่าถ้าเราไม่ได้ต้องการอยู่ในเมืองที่วุ่นวาย มีคนพลุกพล่านมาก Coventry ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเลยที่ค่อนข้างสะดวก

จากมหาวิทยาลัยไปที่เมือง Coventry ก็จะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีครับ แต่ถ้านั่งรถเมล์บางสายอาจจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีครับ อันนี้ก็แล้วแต่สายรถเมล์ แต่รถเมล์มีตลอดครับรอประมาณ 5 นาทีก็ได้ไป ก็เลยรู้สึกว่าค่อนข้างสะดวกไม่ว่าคุณจะพักที่ Coventry แล้วเข้ามาเรียน หรือพักที่มหาวิทยาลัยแล้วออกไปเดินเล่นหาเพื่อน ก็ได้ทั้งคู่ ไม่ยากครับ

เพื่อนนักเรียนไทย

Boat: จริง ๆ ก็มีทั้งเพื่อนนักเรียนไทยและเพื่อนต่างชาตินะครับ แต่ส่วนมากก็จะเป็นเพื่อนนักเรียนไทยที่อยู่คณะเศรษฐศาสตร์ด้วยกันครับ ปีนี้ มีแค่ 3 คน มีที่เรียนเหมือนกันกับผมเลยคนนึงก็จะเจอกันตลอดครับ เวลามีงานกลุ่มก็สามารถคุยกันได้

แต่ว่านอกจากนี้ก็จะมีเพื่อนที่อยู่ต่างคณะกัน อย่างเพื่อนที่อยู่ WBS ที่มาคุยกันตลอด คือมากินข้าว ไปเที่ยวกัน ก็จะมีเพื่อนต่างชาติเข้ามา join กับเราด้วย เพราะเค้าชอบอาหารไทยกัน ก็เป็นอีกสีสันหนึ่งครับ คือมันไม่ได้หมายความว่าเพื่อนในกลุ่มจะต้องมีแค่คนไทย แต่เพื่อนในกลุ่มอาจจะมีเพื่อนจากอีก 3-4 ประเทศเข้ามาอยู่ด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็ enjoy สามารถพูดคุยกันได้ครับ

การใช้ชีวิตที่นี่ก็ค่อนข้างแฮปปี้เลยครับ แล้วก็ได้มาเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วย คือมันไม่ใช่แค่เรื่องของการเรียนอย่างเดียว คือแน่นอนว่าเรื่องการเรียนมันตอบโจทย์อยู่แล้วอย่างที่ผมได้เล่าไป ทั้งเรื่องวิชา, เนื้อหา, หรือเทคนิคบางอย่างที่เราสามารถนำไปใช้ได้ แต่ว่าเรื่องการใช้ชีวิต การได้เจอเพื่อน ๆ ที่หลาย ๆ คนทำงานมาก่อน มีประสบการณ์ที่บ้างครั้งเรามาคุยกัน ในอนาคตเราอาจจะได้ร่วมงานกันหรือรู้จักกันมากยิ่งขึ้นครับ มันก็คือว่าเป็นประโยชน์ที่ได้เพิ่มนอกเหนือจากการเรียนแน่ ๆ คือได้ connection ด้วย

นอกจากนั้นหลาย ๆ คนอาจจะบอกว่าได้เที่ยวด้วย ของผมอาจจะยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวมาเยอะเท่าไหร่ มีไปที่ Leicester ไปเดินเล่นในเมืองครับ หรือไปเมือง Birmingham อันนี้ก็จะสะดวกหน่อยครับ ใช้เวลาเดินทางนั่งรถไฟประมาณ 20 นาทีก็ถึงแล้ว แล้วก็จะมีเพื่อนบางคนที่เข้าลอนดอนกันบ่อย ๆ บางคนก็เดือนละครั้งอะไรงี้ครับ เพราะว่ามันค่อนข้างสะดวกครับนั่งรถไฟไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ

นอกจากนั้น ในช่วงปิดเทอม ผมยังมีโอกาสได้ไปที่ York มาครับ ต้องบอกว่าบรรยากาศแล้วก็ธรรมชาติดีมาก ลมดี ริมทะเล ยิ่งไปช่วงที่กำลังจะเข้าฤดูหนาวอากาศจะดีมากเลยครับ ทริปนั้นก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากครับ คือเราไม่ได้ไปกับเพื่อนคนไทย เราไปกับเพื่อนคนจีนที่นี่ มันก็ได้เรียนรู้ แล้วเพื่อนเค้าก็เปิดรับ คือทุกคนก็มีโอกาสที่จะได้เรียนรู้หรือว่าได้อยู่กับคนอื่น ๆ เราจะได้หัดเรียนรู้แล้วก็ปรับตัวร่วมกับการอยู่กับคนอื่น ๆ

ฝากถึงน้อง ๆ ที่สนใจอยากเรียนต่ออังกฤษ

Boat: จริง ๆ ถ้าอยากมาเรียนอังกฤษ ผมว่าหลาย ๆ อย่างต้องถามตัวเองก่อนว่าเราอยากเรียนอะไรจริง ๆ เราชอบอะไรจริง ๆ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งคือที่เรามาเรียน เรามาเพื่ออะไร คือแต่ละคนอาจจะมีเป้าหมายที่ต่างกัน แต่ถ้าเรารู้เป้าหมายเราแล้ว ผมรู้สึกว่าในระหว่างการเรียนเราจะไม่เบื่อและเราจะไม่ lost purpose ของเราไป เราจะรู้ว่าเรากำลังทำเพื่ออะไรอยู่และเรากำลังทำอะไรอยู่ มีหลายคนที่พอเรียนไปแล้วเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เรียนจะเรียนไปทำไมหรือมองภาพไม่เห็น ผมเลยคิดว่าตรงนี้สำคัญครับ ถ้าเราตัดสินใจตรงนี้ได้ ระยะหลังมันจะทำให้เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่และทำเพื่ออะไรครับผม

สนใจเรียนต่อ The University of Warwick ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง