แนะนำตัว: สวัสดีค่ะ ชื่อเจนนะคะ มาเรียน MSc Finance ที่ The University of Warwick ปี 2022/2023 ค่ะ
MSc Finance เขาสอนอะไรเราบ้าง?
เขาจะมี Pre-Arrival Material สอนพื้นฐานที่ต้องรู้ตั้งแต่ก่อนมาอังกฤษเลยค่ะ ดังนั้นใครที่ไม่มีพื้นฐาน Finance มาก่อนก็ไม่ต้องห่วงเลย มีเพื่อนหลายคนที่ไม่ได้เรียน Finance มาก่อนเหมือนกัน หลังจากมาถึงอังกฤษและเริ่มเรียนแล้ว ก็จะมี Math-Pre-sessional ให้คุ้นเคยกับวิชา Math เชิง Finance, Excel-Pre-sessional ให้คนที่ไม่คุ้นชินกับ Excel ซึ่งจะสอนทำโมเดลเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับ Finance ใน session นี้เลย พอเริ่มเรียนของจริงก็จะเรียนหนักเน้นให้เรารู้ลึกและเข้าใจที่มาใน แต่ละ finance theory (เช่น CAPM, APT, investor decision making ฯลฯ) ด้วยการพรูฟแมท สอนการตีความและความเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนตลาด/หุ้นด้วยวิธีทางสถิติและ econometrics ต่าง ๆ และก็สอนการจัดการการลงทุนค่ะ วิชาเลือกก็หลากหลายเลยค่ะ เขียนไม่หมด 555
1. วิชาที่เรียนทั้งหมด
Term 1: 6 ตัว (Sep-Jan)
บังคับ เลือกไม่ได้ (1) Asset Pricing (2) Corporate Finance (3) Investment Management (4) Quantitative Method for Finance (5) Ethics and Corporate Governance (6) Research Methodology
Term 2: 6 ตัว (Feb-May)
(ซ้ำกับเทอมแรก 2 ตัว คือ Ethics และ Research Methodology เป็นการสอนต่อเนื่องค่ะ) วิชาบังคับใหม่หนึ่งตัว Empirical Finance และวิชาเลือกเลือกได้ 3 ตัว มีวิชาเลือกน่าสนใจเยอะมาก (ไปดูได้ในเว็บ Structure | MSc Finance | Warwick Business School (wbs.ac.uk))
Term 3: Dissertation (June-Sep)
คอร์สนี้งานจบจะมีแค่ Dissertation ค่ะ ก็คืองานเขียน 6,000 คำ one man project เลย ที่ดีมาก ๆ ก็คือคณะจะมี list หัวข้อมาให้อยู่แล้วและให้เด็กเลือกที่สนใจได้เป็นลำดับ คล้าย ๆ admission เลยค่ะ และก็จะไม่เปิดเผยชื่อ Supervisor ที่ดูแลหัวข้อนั้นเพื่อป้องกัน bias ของเด็กที่อยากเลือกอาจารย์ที่ตัวเองชอบ ข้อเสียคือ program team จะสุ่มหัวข้อให้เราค่ะ แบบว่าหัวข้อหนึ่งหัวข้อก็อาจมีเด็กเลือกหลายคนเกินไป เขาจะมีการใช้ระบบที่ทำให้มันเป็น best scenario ต่อเด็กทุกคนที่สุด ทุกคนก็จะได้หัวข้อที่ตัวเองเลือกอันดับ 1 ไม่ก็ 2 ค่ะ
แต่หากใครอยากจะเลี่ยงระบบนี้ก็สามารถติดต่ออาจารย์ที่เราสนใจไปนอกรอบการ admission นี้ได้นะคะ ก็ทำ dissertation proposal ไปเสนออาจารย์นอกรอบ หากอาจารย์รับเราก็สามารถทำหัวข้อที่เราสนใจได้โดยไม่ต้องมาเสี่ยงกับอะไรแบบนี้ได้เลย
2. เนื้อหาวิชาโดยส่วนตัวชอบวิชาไหน
(1) Quantitative Method for Finance วิชานี้ชอบมากเพราะตอน ป.ตรี ไม่เคยเข้าใจการ Regression แบบถ่องแท้เลย แต่พอมาเรียนตัวนี้คือเข้าใจทุกเทส เข้าใจทุกสมการและสาเหตุที่มีการใช้เครื่องมือนี้อย่างกว้างขวางในแวดวงการเงินเพราะมันเป็นเครื่องมือที่จำเป็นจริง ๆ คนที่ไม่เคยเรียน financial econometrics มาก่อนอาจจะหนักนิดนึง ตอนแรกเพื่อนเจนที่ไม่เคยเรียนมาก่อนก็ suffer เล็กน้อย แต่พออ่าน textbook และเจนไปช่วยอธิบาย เขาก็โอเคขึ้นค่ะ วิชานี้ใช้ coding ทำ project แบบจริงจังมาก เป็นวิชาแรกที่ทำให้เจนได้ลองจับการ coding และรู้สึกชอบมาก ๆ ค่ะ
(2) Big Data Analytics เป็นวิชาเลือกที่ตอนแรกเข้ามาด้วยความคาดหวังว่าเราจะได้จัดการกับข้อมูลจำนวนมาก ทำความเข้าใจ วิเคราะห์ และ นำเสนอมันออกมาเป็นภาพ figure ที่สามารถอธิบายให้คนเข้าใจได้โดยง่าย พอเข้ามาเรียนก็ตรงตามที่คาดค่ะ เรียนด้วยโปรแกรม R ได้มีการคิดหาหัวข้อที่เราอยากทำและดึงข้อมูลจากเว็บต่าง ๆ ด้วยการเขียนโค้ด มันสนุกมากและได้เรียนการ visualization ที่ทันสมัยมาก ๆ ด้วย งานหลักคะแนน 80% เป็นเปเปอร์ 3,000 คำ เจนก็ทำด้วยความเอ็นจอยมาก ๆ เลย และออกมาดีทั้งรูปเล่มและคะแนนเลยค่ะ อาจารย์ก็ดีมาก
(3) Practice of Investment Management วิชาเลือกตัวนี้ 30% เป็นงาน case study 1, 30% เป็นงาน case study 2, 40% เป็นงาน group project สองเคสแรกเป็นงานเดี่ยวได้วิเคราะห์สถานการณ์ของกองทุนในเคสตัวอย่าง เช่น วิเคราะห์ strategy ของเขาและข้อดีข้อเสีย ให้เราแนะนำว่าควรปรับปรุงอย่างไร สนุกมากค่ะ ส่วนงานกลุ่มก็จะให้เด็กสร้างกองทุนและทำ fund factsheet ขึ้นมา (ไม่ต้องลงเงินจริง) ว่าเราจะลงทุนในหุ้นตัวไหน 10 หุ้นด้วยเงิน 5 ล้านปอนด์ จะลงด้วย strategy ไหน, criteria หรือ screening หุ้นอย่างไรบ้าง และมีการ weight แต่ละหุ้นด้วยทฤษฎีทางการเงินอะไร จะ equally weight หรือ mean-variance optimization อย่างไรบ้าง (ไม่ต้องกลัวนะคะถ้าไม่รู้จักเพราะเขามีสอนค่ะ) งานสุดท้ายที่ออกมาก็ดูดีและน่าภูมิใจมากค่ะเพราะเป็น factsheet ที่ดูจริงจังมาก
(4) Research Methodology วิชานี้ coding จ๋าเลยค่ะ เป็นพื้นฐานที่ดีมาก ๆ และเรียนวิธีการที่ได้ใช้จริง ๆ ค่ะ เช่น Fama-Macbeth Regression, Event Study, Difference-in-Difference, Panel data method แต่ใครไม่ชอบ coding ไม่ต้องกลัวนะคะ มันเหมือนเป็นวิชาที่สอนเพื่อให้เรา coding เป็น เพื่อนำไปใช้ในวิชาบังคับต่าง ๆ เขาสอนดีมากเลยค่ะ ไม่มีสอบและเน้นเป็นงานเดี่ยวส่งค่ะ โปรแกรมที่ใช้คือ MATLAB
3. บรรยากาศในห้องเรียน
บรรยากาศการเรียนและการสอน ตึกเรียน All On-site เลยค่ะไม่มีเรียนออนไลน์แล้ว เรียนในห้อง Lecture Theater เลย คอร์สเรามีประมาณ 70 คน บางวิชาก็เรียนรวมกับคอร์สอื่นเช่น ชาว Finance & Economics ก็จะคึกคักอีกแบบ มีหลายเชื้อชาติเลยค่ะ เยอะสุดเป็นจีนและอินเดีย ที่ตลกคือมีคนจาก UK จริง ๆ แค่ 1 คน 55555
รูปแบบการเรียนจะไม่เหมือน ป.ตรี ที่ไทยที่จะเรียนทีละ 3 ชม. แล้วก็จบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ “คลิป Pre-Material 1 ชม. + Lecture 1-2 ชม. + Seminar 1 ชม.” เรียนวิชาละ 1 เซตแบบนี้ต่อ 1 สัปดาห์ เรามองว่ามันดีและก็ยากในเวลาเดียวกัน เพราะเราต้องมีความรับผิดชอบดูคลิปล่วงหน้ามาก่อน หาข้อมูลมาก่อนบ้าง จากนั้นพอมา Lecture ใน theater ก็จะได้ฟังอาจารย์รู้เรื่องและจะ flow มาก ถาม-ตอบในคลาสได้ พอจบ Lecture อาจารย์จะแจก Problem set ทุกครั้ง ซึ่ง MSc Finance เรียน 6 ตัวก็จะมีงานเยอะมากต่อ 1 อาทิตย์ เรามีหน้าที่ต้องพยายามทำ Problem set ให้เสร็จเพื่อมา discuss ใน seminar (ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยเสร็จค่ะเพราะยาก 5555 แต่อาจารย์บอกว่าอย่างน้อยขอแค่พยายามลองทำ จะได้มา discuss ได้)
ตึกข้างนอกดูทันสมัยสวยมาก ในตึกก็สวยและดูเรียบร้อยทันสมัย ที่ชอบที่สุดคือมีห้องสำหรับให้เด็กมานั่งเรียน นั่งทบทวนความรู้ด้วย อารมณ์คล้าย ๆ Co-working space ให้เด็กภายในตึก WBS ซึ่งก็จะแยกของ ป.ตรี (UG) ป.โท (PG) เรียบร้อย
อย่างของ PG Study room ห้องแรกก็จะอยู่ชั้น Ground จะเป็นห้องที่อนุญาตให้คุยได้ มีจอให้นั่งประชุมคุยงาน ส่วนห้อง PG Study room ห้องที่สองจะอยู่ชั้นสอง เป็นห้องเน้นให้เงียบ เน้นนั่งอ่านคนเดียวแต่ก็ยังคุยได้อยู่ แต่ถ้าช่วงสอบคนเต็มเราก็สามารถไปเดินหาห้อง Lecture Room ในตึก WBS ดูได้ว่าห้องไหนว่าง สามารถดูจากจอได้เลยว่าว่างกี่โมงถึงกี่โมง ถ้าไม่มีคนใช้เราก็ไปอ่านหนังสือได้ คือชอบ Facilities ของตึกมาก เพราะซัพพอร์ตเด็กดีสุด ๆ
WBS café ก็คล้ายโรงอาหารค่ะ มาซื้อกาแฟสะสมแต้มครบ 10 แก้ว ฟรี 1 แก้วได้ ส่วนใหญ่เจนเดินมาจากหอ ก็จะมาซื้อกาแฟตอนเช้าก่อนจะไปเข้าเรียนค่ะ ตอนเที่ยงมาซื้อข้าวทานราคาไม่ถูกเลยค่ะ 555 ข้าวที่น่าอร่อยจะราคาประมาณ 13 ปอนด์ขึ้นไป เจนเลยซื้อแต่ข้าวผัดไก่ราคา 3 ปอนด์ทาน ไม่ก็ทำข้าวมาจากหอค่ะ แล้วก็หลังบ่ายสองอาหารจะลดราคาค่ะ
รีวิว Assignments, Class Test (Midterm), Exam (Final)
Assignments เทอมแรกส่วนใหญ่จะเป็นงานกลุ่มค่ะ ตัวเนื้องานก็มีทั้งให้หา dataset มา coding และเขียนรายงาน เป็นต้น ใครไม่ถนัด coding ก็อาสาทำพาร์ทบรรยายก็ได้นะคะ ก็ยากเหมือนกันเพราะต้องไปอ่านเปเปอร์และมาอภิปรายในรายงาน ส่วนงานเดี่ยวที่เราเจอส่วนใหญ่จะอยู่ในวิชาเลือกที่เราเลือกค่ะ จะเป็น essays
ส่วนการสอบก็จะมีข้อสอบเก่าให้ดูทางเว็บหลักของมหาลัยเลย ส่วนใหญ่ Class test จะเก็บแค่ 10-15% ค่ะเพื่อให้เด็กคุ้นชินกับการสอบก่อน แต่ตัวไฟนอลก็จะแบบ weight เยอะหน่อย และเนื้อหาจะหนักมาก การสอบทั้งหมดเป็น On-site ค่ะ แล้วก็จะแจกโจทย์เป็นกระดาษและก็ให้เราเขียนตอบในสมุดเปล่าเล่มนึงเลยค่ะ กดดันหน่อยเพราะต้องเขียนเยอะ ไม่มีปรนัย แต่ที่ชอบคือเขาจะให้เราเลือกได้ว่าจะทำข้อไหน เช่นสมมติว่ามี 3 ข้อใหญ่ เขาก็จะให้เราเลือกทำแค่ 2 ข้อใหญ่ (ที่มี 10 ข้อย่อย 5555) เนื้อหาข้อสอบก็ถ้าทำ seminar problem set จนเข้าใจเกิน 80% คือยังไงก็ทำข้อสอบได้แน่ ๆ ค่ะ ถ้าตกก็ต้องไป Resist สอบใหม่ช่วง July ซึ่งเห็นเพื่อนทรมานมาก แนะนำอย่าตกเลยค่ะเพราะมันจะต้องทำตัวจบ dissertation ไป อ่านสอบไป ไปเที่ยวไม่ได้ด้วย
รีวิวอาจารย์
อาจารย์ทุกคนน่ารักมาก ตอนสอนอาจารย์จะตั้งใจแต่พอพักหรือจบคาบเขาก็ยินดีตอบคำถามนักเรียนมาก ๆ ไม่มีการตัดสินเราเลย เจนเองรู้สึกกล้าที่จะถาม เพราะเพื่อนชาวอินเดียก็ถามอาจารย์เยอะมาก เลยรู้สึกสบายใจกว่าที่ไทยเพราะที่ไทยส่วนใหญ่เพื่อนเงียบ 5555 ช่วงแรกฟังยากนิดนึงค่ะเพราะสำเนียง British มันจับยากมากแต่สักพักจะชินค่ะ ความเก่งของอาจารย์คือสุดยอดมากค่ะ บางคนเคยทำเปเปอร์กับนักวิชาการดัง ๆ ก็มี บางคนก็สอนไม่ค่อยรู้เรื่องก็มีนะคะ ก็คอมเพลนได้ค่ะแต่ส่วนใหญ่สอนดี
รีวิวเพื่อน ๆ MSF
เพื่อน ๆ น่ารักมาก ปีเราคนไทยมีแค่ 3 คนเองค่ะใน MSF ก็สนิทกันมาก ๆ เลยด้วย และเราได้เพื่อนหลายเชื้อชาติมากเลยค่ะ มีทั้งบริติช กาน่า ฮ่องกง จีน อินเดีย ในคอร์สเป็นเด็กจบตรีแล้วมาต่อโทเลยกับทำงานก่อนแล้วค่อยมาต่อโทกันครึ่งต่อครึ่งเลยค่ะ เวลาเราทำโจทย์ seminar problem set, ติวสอบ, อ่านหนังสือ, ทำงาน ก็จะมากับกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้แหละค่ะ นั่งด้วยกันใน PG study room ชอบมาก เป็นบรรยากาศที่ช่วยกันเรียนสุด ๆ อ๋อแล้วก็ Alex ที่เป็นอาจารย์คนหนึ่งเคยพูดเอาไว้ค่ะว่าการเรียนที่นี่จะไม่มีการตัดเกรดอิงกลุ่มเลย เพราะเขาเคยไปเรียนที่อเมริกามาแล้วพบว่าการตัดอิงกลุ่มทำให้เด็กแข่งกันเรียน แล้วบรรยากาศมันจะไม่ส่งเสริมการเรียนรู้เท่าไหร่ ดังนั้นที่ WBS คือจะตัดอิงเกณฑ์หมดเลยค่ะซึ่งดีมาก ๆ ทำให้เพื่อน ๆ เราช่วยกันเรียนสุด ๆ ว่างก็มานั่งอ่านหนังสือ ช่วยแก้โจทย์แก้ code ด้วยกัน เพื่อนที่เราสนิทที่สุดมาจากกาน่าค่ะ เพราะพักที่เดียวกันเลย เจอกันวันแรกสุดด้วยความบังเอิญมาก ๆ เลยด้วย เลยตัวติดกันอยู่ช่วงหนึ่งเลย วิชาเลือกก็เลือกวิชาเดียวกัน ช่วยกันเรียน น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ
รีวิวการให้คะแนน
เจนมองว่าให้คะแนนไม่ยาก แต่ก็คนตกเยอะนะคะ 5555 แต่ถ้าเราเขียนรู้เรื่องและถูกมันก็ไม่ตกอ่ะค่ะ อ่าน+ทำโจทย์ problem set จนเข้าใจยังไงก็ผ่านแน่นอน
รีวิวกิจกรรม และ Facilities ของ WBS
(1) คณะจะมีเว็บของตัวเองชื่อ My.Wbs ซึ่งเราสามารถดูตารางเรียนและห้องเรียน ตึกเรียน ได้เลยค่ะสะดวกมาก ๆ เวลาอาจารย์อัปโหลดไฟล์หรือสไลด์ เราก็เข้าไปดาวน์โหลดไว้ก่อนเริ่มเรียนได้ด้วย ส่งงานทางนี้ได้ด้วย คะแนนก็แจ้งทางนี้ ส่วนตัวชอบมากเลยค่ะ แล้วก็จะมีทีมที่คอยอัปเดตข่าว market news ให้เรา มี career support คอยแจ้งว่ามีงานอะไรเปิดให้เราคอยไปสมัครและมี data sources licenses เยอะมาก ทำให้หา dataset สะดวกสำหรับทำงาน มี Bloomberg และ Refinitiv ที่คณะประมาณอย่างละ 6 เครื่องด้วยค่ะ โควต้าปริ้นกระดาษไม่จำกัดด้วยค่ะ ตอนแรกให้มา 1,000 แผ่นแต่ขอเพิ่มได้
(3) Oversea Trip: คณะจะมีพาไปเรียนที่โปรตุเกส Nova Business School ด้วยค่ะ มันจะเป็นทริปที่เราต้องไปเรียน ทำงาน และพรีเซนต์ค่ะ เครียดแต่ก็สนุกเหมือนกันเพราะเป็นเนื้อหาเชิง Ethics คือจะให้ไปอ่าน Proxy Statement ของบริษัทต่าง ๆ กลุ่มเจนได้เป็น Goldman Sachs ค่ะ เป็นการให้ไปอ่านคำร้องขอของผู้ถือหุ้นที่ต้องการให้ Board ดำเนินงานให้รักโลกขึ้น (เช่น ลดการปล่อยกู้ให้บริษัทที่เป็น fossil fuel) และเราก็ต้องวิเคราะห์แรงจูงใจของทั้งสองฝั่ง เพราะฝั่ง Board ก็จะมองว่าลดไม่ได้ มันจะเสียลูกค้า เสียรายได้ดอกเบี้ยรับไปเยอะกว่าผลดีที่จะได้มา ก็ทำสไลด์เสนอวิเคราะห์จริงจังเลยค่ะ และก็เที่ยว Lisbon สนุกมากเหมือนกัน 5555 ค่า Visa และตั๋วเครื่องบินเขาออกให้หมดเลยค่ะ ดังนั้นเราก็เลยใช้เชงเก้นตัวนี้แหละไปเที่ยวต่อจากนั้นเลย
(4) Christmas Lunch: คณะมีเลี้ยงฉลองให้ที่ร้าน Dirty Duck ที่ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัย Warwick นี่แหละค่ะ น่ารักมาก เพราะเจนเพิ่งรู้ว่าเขามีวัฒนธรรมให้ชักเย่อสิ่งที่เรียกว่า Christmas cracker และถ้าใครดึงขาดแปลว่าคนนั้นแพ้ เพื่อนเห็นว่าเจนไม่เคยเล่นเลยให้ตัวแทนโต๊ะเราเป็นเจนแข่งค่ะ 5555 ซึ่งเจนชนะ ก็จะต้องอ่านมุกตลกที่จะอยู่ในซองให้เพื่อน ๆ ฟัง
(5) Christmas Market Trip: มีให้ลงทะเบียนไปเที่ยวตลาดคริสต์มาสที่เมือง Bristol และ Manchester ด้วยค่ะ จะมีรถทัวร์พาไปถึงที่ให้ฟรีเลย ซึ่งดีมากเพราะถ้าไปเอง ไป-กลับ Bristol ประมาณ 20 ปอนด์ Manchester ประมาณ 30 ปอนด์ ค่ะ แต่เจนไม่ได้ลงเพราะชนตารางเที่ยวอื่น
(6) Harry Potter Warner Brother Studio Tour: มีให้ลงทะเบียนไปเที่ยวฟรีกับคณะค่ะ คุ้มมากเพราะแค่ตั๋วไป-กลับลอนดอนก็ประมาณ 26 ปอนด์แล้ว ไหนจะค่าเข้าอีก 51.5 ปอนด์ แต่อันนี้เจนไม่ได้ลงอีกแล้วเหมือนกันเพราะตอนนั้นก็ชนตารางเที่ยวอื่น
(7) Main campus market: ทุกวันพุธจะมีตลาดที่มีร้านหลากหลายสัญชาติมาตั้งค่ะ เช่น อินโดนีเซีย จีน ฯลฯ
(8) Finance Balls: เป็นงานปาร์ตี้กลางเทอม 2 ที่จัดให้นักเรียนภาค Finance ค่ะก็จะมี 5 คอร์สที่มาเข้าร่วม เลี้ยงอาหารและก็เต้นค่ะ
(9) Pet Therapy: เด็กเครียดเยอะค่ะ 5555 มหาลัยก็จะมีอัลปาก้ามาเยี่ยมนักเรียน น้องหมามาเยี่ยมเพื่อให้เราไปเล่นผ่อนคลายด้วยค่ะ ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเดี๋ยวคนเยอะเกิน
(10) อื่น ๆ: จริง ๆ มีอีกเยอะเลยค่ะ ทั้ง Financial Modeling Workshop 2 วัน, พาไปสวนสนุก, Employer engagement Fair, 1-1 career consult ที่จะช่วยเราแก้ CV, ช่วยเตรียม interview ฯลฯ
มีอะไรอยากบอกน้อง ๆ ที่อยากมาเรียนต่อที่ The University of Warwick
The University of Warwick เป็นมหาลัยที่ดีมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ ทั้งความพร้อมด้านการเรียนการสอนและ campus ก็น่าอยู่ ปั่นจักรยานได้ทั่วมหาวิทยาลัยเลย น้อง ๆ จะต้องรักที่นี่มากแน่นอนค่ะ ก่อนมาคืออยากให้ตัดสินใจและรู้ตัวเองว่าอยากมาเรียนจริง ๆ จะได้เอ็นจอยกับทั้งการเรียนและการใช้ชีวิตนะคะ แล้วก็จริง ๆ ถ้ายังตัดสินใจเรื่องคอร์สยังไม่ได้ ทาง WBS เขามีตัวเลือกให้เราสามารถเปลี่ยนคอร์สได้ภายใน 5 สัปดาห์แรกหลังจากเริ่มเรียนด้วยนะคะ flexible มาก ๆ (อันนี้ปี 22/23 นะคะถ้ายังไงเช็กอีกรอบเพื่อความชัวร์นะคะเผื่อปีถัดไปเขาเปลี่ยนกฎเกณฑ์) สุดท้ายเรามาอยู่ปีเดียวก็ขอให้ใช้ชีวิตให้เต็มที่และตั้งใจเรียนค่า