Hands On Education Consultants

รีวิว MSc Finance ที่ University of Reading โดย Jam

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

Jam: ชื่อเล่นชื่อแจมค่ะ เรียน MSc Finance ที่ University of Reading ค่ะ

ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้

Jam: จริง ๆ ตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะเรียนคอร์สอะไร แต่ว่าสนใจ Finance เพราะว่าชอบตัวเลขอะไรแบบนี้ค่ะ เพราะเมื่อก่อนเรียน econ มา ก็เลยอยากจะมุ่งไปทางสายการเงิน เลยมองว่า finance น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในการทำงานในอนาคต มีการดู career path มาก่อนว่าเราโอเคไหมอะไรแบบนี้ค่ะ คืออย่าง econ ที่เราเคยเรียนมามันดูไม่ได้เจาะจงไปทางไหนทางหนึ่งเหมือนกับฝั่งการเงิน ก็เลยมองว่าอยากเรียนต่อยอดทางสายนี้ค่ะ

คอร์ส finance มีทุกมหาวิทยาลัยในอังกฤษเลย ทำไมถึงเป็นที่ University of Reading คะ?

Jam: หนึ่งคือ ranking ของมหาวิทยาลัย สองคือสถานที่ค่ะ

Rank ของ University of Reading มันไม่ได้อยู่สูงปี๊ดเลย มันอยู่ประมาณกลาง ๆ ไปทางค่อนข้างดี ก็รู้สึกว่าคอร์สเค้าดูโอเค มีโปรแกรม มีอะไรแบบนี้ให้เราเรียน และอีกอย่างคือสถานที่ เพราะว่ามันใกล้ลอนดอน แล้วเหมือนจริง ๆ ยื่นไปหลายที่มาก ๆ อย่าง University of Exeter, University of Surrey, University of Leeds แต่รู้สึกว่าอยากอยู่ใกล้ ๆ ลอนดอน เพราะกลัวเหงา แล้วรู้สึกว่า Reading เป็นเมืองที่เป็นเมืองจริง ๆ ไม่เหมือนกับ Exeter หรือ Leeds ที่อยู่ไกล ๆ คือก็กลัวเหงา กลัวจะไม่มีเพื่อน อะไรประมาณนั้นค่ะ ก็เลยเลือกที่นี่

ตัว ICMA Centre หรือ Henley Business School มีผลต่อการตัดสินใจของเราไหมคะ?

Jam: มีมาก ๆ ๆ ๆ เลยค่ะ เพราะว่าคือตอนแรกมองว่า โอเคมี Henley Business School แต่ส่วนมากมหาวิทยาลัยก็จะมี business school อยู่แล้ว แต่ที่ Reading เค้ามีตึกของเค้าเอง เป็น ICMA ที่เป็นของ finance โดยตรง ก็รู้สึกว่าแบบ เรามีตึกเป็นของตัวเอง facility ก็น่าจะมากกว่า เราน่าจะได้ใช้อะไรในนั้นมากกว่า หรือเวลาเราจบไปแล้วหางาน เวลาเรายื่น resume ไป เค้าก็น่าจะดูว่า เฮ้ย อันนี้เราจบมาโดยตรง จริง ๆ เลยอะไรแบบนี้ค่ะ

สนใจเรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

การเตรียมตัวเรียนต่อ

Jam: ก็ช่วงเตรียมตัวเรียนต่อก็ไม่ได้ทำอะไรมาก มีสอบภาษาอังกฤษ สอบ IELTS แล้วก็รอมาเรียนต่อ

ส่วนเรื่องการสมัครเรียนหรือขั้นตอนต่าง ๆ ก็ให้พี่ Hands On ช่วยดูแลค่ะ เพราะเพื่อนของพี่สาวเคยใช้บริการของ Hands On และไปเรียนที่ University of Southampton แล้วเค้าก็บอกว่าบริการโอเค พี่สาวเราก็เลยว่างั้นให้พี่ Hands On ดูแลเราไหม เพราะว่าไว้ใจได้ เราก็เลยโอเคที่นี่ ก็เลยให้พี่ Hands On ดูแลในส่วนนี้ค่ะ

รีวิวบริการจากพี่ Hands On

Jam: ก็โอเคน้า พี่เค้าก็ดูแลดี แต่คือหนูเป็นแบบ require เยอะ เป็นพวกขี้สงสัย ก็คือจะถามเยอะ แต่พี่ Hands On ก็ตอบตลอด

คือหนูมีคุยกับหลายเอเจนซี่เหมือนกันนะคะ บางที่ก็ตอบคำถามเราเร็วมาก แต่คือหนูรู้สึกว่า หนึ่งคือพี่ Hands On ดูแลเด็กในมือเยอะเหมือนกัน คือมันได้มาตรฐาน เค้าดูน่าเชื่อถือได้ เค้าจะไม่ทิ้งเราแน่นอน คือหนูเคยได้ยินเพื่อนเล่ามาว่าที่อื่นบางทีก็ทิ้งเรากลางทาง คุย ๆ อยู่แล้วหายไปไม่ดูแลเราต่อ แต่กับ Hands On คือเรามั่นใจได้ว่าพี่เค้าไม่ทิ้งเรากลางทางแน่นอน ซึ่งพอใช้บริการแล้วก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ คือมีอะไรพี่ Hands On ก็ดูแล

อย่างเรื่องการเตรียมเอกสารและวีซ่าก็ flow นะคะ เพราะพี่เค้าก็เตรียมให้หมดเลย แล้วมันจะมีพี่ที่เค้าดูแลเรื่องเอกสารวีซ่าโดยเฉพาะ โดยตรง หนูรู้สึกว่ามันดีมาก ๆ เพราะพี่เค้าก็จะรู้เลยว่ามันต้องทำแบบนี้ ๆ นะ แล้วเดี๋ยวขั้นตอนต่อไปพี่จะทำแบบนี้ต่อให้แล้วน้องมากดอันนี้นะ คือมันแบบหนูไม่ต้องทำอะไรเองขนาดนั้น ก็เลยรู้สึกดีมาก ๆ เลย

พอก่อนมาเรียนพี่ Hands On เค้าก็จะมีสัมมนา เหมือนเราก็ได้รู้ก่อนว่าอันนี้ต้องเตรียมตัวอย่างไร เราต้องไปประมาณนี้นะ มันมีซุปเปอร์มาร์เก็ตประมาณนี้นะ มันมี M&S นะ ที่ Reading มี Oracal นะ อะไรประมาณนี้ แล้วเราก็รู้สึกว่ามันดีมากที่พี่เค้าจัดอะไรแบบนี้ให้ เหมือนเรามีข้อมูลก่อนว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้างแล้วก็ได้รู้จักเพื่อน ๆ ที่จะมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวก่อนก่อนเดินทางด้วยค่ะ

สนใจเรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

รีวิว MSc Finance

Jam: คือหนูเรียน finance โดยตรงใช่ไหมคะ แต่ที่นี่มันจะมีคอร์สอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกันอย่างพวก FinTech หรือ Finance and Investment ซึ่งส่วนมากเทอมหนึ่งก็จะเรียนเหมือนกันหมดเลย เป็นพื้นฐาน ซึ่งหนูก็ว่าดี เพราะว่าบางคนที่ไม่ได้จบ finance โดยตรงมาก็สามารถเรียนได้ อย่างในคลาสเค้าจะพูดตลอดเลยว่า “เรารู้นะว่าบางคนไม่ได้จบ finance มา คุณก็ต้องเพิ่มความตั้งใจไปอีก แต่ว่าเราก็จะพยายามเหมือนกัน” อาจารย์เค้าก็จะพูดประมาณนี้ คืออาจารย์เค้าก็จะบอกว่าทางมหาวิทยาลัยเองก็จะพยายามช่วยเหลือและดูแลทุกอย่างให้คุณนะ อะไรแบบนี้ค่ะ

ในส่วนเนื้อหาหนูว่าที่นี่เทอมหนึ่งมันก็ไม่ได้รู้สึกว่ายากมากขนาดนั้น เพราะว่าเทอมแรกมันเหมือนปูพื้นฐานว่ามันจะต้องประมาณนี้ จะมายากจริง ๆ ตอนเทอมสองค่ะ แต่พอเทอมสองมันเหมือนแบบต่างคนต่างเลือกแล้วว่าเราจะเลือกที่เราสนใจแบบไหน

รีวิววิชาเลือก สำหรับคอร์ส MSc Finance

Jam: หนูเลือก Derivatives Securities: Pricing, Hedging and Trading ก็เหมือนพวก trading ในตลาดหุ้นอะไรแบบนี้ ซึ่งเราก็ได้ใช้โปรแกรมในการ trade จริง ๆ อย่างการ trade ที่ให้เราลองทำ ก็มีติดลบจริงอะไรจริง เค้าก็จะมี rank ให้ด้วยว่าเราอยู่ rank เท่าไหร่ เราก็แอบกดดันหน่อย ๆ  เพราะเพื่อนในห้องเค้าเก่งมากเป็นแบบ expert เลย เราก็ต้องหาวิธี แล้วก็จะมีเพื่อน ๆ คนไทยคอยช่วย ๆ กันค่ะ เค้าจะให้เราสอบด้วย ซึ่งมัน practical ในการให้เราไปใช้ในชีวิตจริงมาก ๆ

อีกวิชาหนึ่งจะเป็น Investment Portfolio Management อันนี้ก็เหมือนให้เราจัด port ลองจัดดูว่าถ้าเราจะจัด port จริง ๆ เราควรใช้ strategy ไหนที่จะเลือกกองทุนเข้ามาอะไรแบบนี้ค่ะ

แล้วก็จะมี Corporate Finance and Investment Banking ก็คืออันนี้ค่อนข้างสำคัญสำหรับตัวหนู เหมือนเวลาเราไปทำงานจริง ๆ เราจะได้รู้ว่า บริษัทใช้หลักการเงินประมาณไหน ใช้ balance sheet รึป่าว หรือใช้อะไร หรือมีขั้นตอนต่าง ๆ ในระบบการเงินในการทำอย่างไร

บรรยากาศในห้องเรียนเป็นอย่างไรบ้าง?

Jam: เทอมแรกเค้าก็จะแยกเป็น seminar ย่อย ๆ เลยเพราะมีกลัวเรื่องโควิดด้วยช่วงแรก ๆ แล้วส่วนมากจะเรียนออนไลน์ เราสามารถถามอะไรกับอาจารย์ได้ แต่ว่าพอเทอมสองก็จะมาให้เจอหน้ากันมากขึ้น เจอหน้าอาจารย์ในคลาส seminar มีถามกันได้ ก็คลาสไม่ได้ใหญ่มากค่ะ ถามตอบได้ตลอด อาจารย์ก็ใจดีนะ เหมือนอาจารย์เค้าอยากให้เราถามคำถามเยอะ ๆ เพราะเค้าอยากตอบมาก ๆ แต่มันอยู่ที่ว่าเด็กเอเชียจะไม่ค่อยอยากถามมากกว่า จะมีแต่เด็กฝรั่งที่ชอบถาม แต่เด็กเอเชียจะแบบเดี๋ยวกลับไปก่อน เดี๋ยวไปคุยกันเองก่อน อะไรแบบนี้ แล้วค่อยถามอาจารย์ทีหลัง

Assignment ต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?

Jam: ส่วนมากจะเป็นงานกลุ่มกับสอบค่ะ finance คือสอบค่อนข้างเยอะเลย แต่พอเทอมสองเค้าจะมีงานกลุ่มให้เพิ่มมากขึ้น แล้วก็มีงานเดี่ยวนิดหน่อย ถ้างานกลุ่มก็สามารถจับกลุ่มเองได้ค่ะ เราจะได้สบายใจ กลุ่มเราก็โอเค คนไทยเยอะอยู่

เพราะจริง ๆ คอร์ส Finance คนไทยค่อนข้างเยอะเลยค่ะ เจอกันตลอด ปีนี้มีมาเรียนประมาณ 20-30 คนค่ะ

สนใจเรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

ถ้าสำหรับน้อง ๆ ที่ไม่มีไอเดียเรื่องการเลือกคอร์สเรียนฝั่งการเงินเลย ลองเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะว่าแต่ละสายต่างกันอย่างไร ทั้ง Finance เพียว ๆ , FinTech หรือ Finance and Investment

Jam: อย่าง Finance ทั้งหมดคือเทอมแรกเรียนรวมกันใช่ไหมคะ แต่พอในเทอมสองก็จะเลือกได้ว่าเราอยากเรียนอะไร อย่าง finance ทั่วไปเราก็จะเลือกวิชาเลือกได้เยอะกว่าหน่อย คือเราจะไปสาย FinTech หรือสาย Investment ก็ได้ ก็สามารถเลือกได้ คือถ้าลงเรียน Finance เพียว ๆ มันจะกว้างกว่า แต่ถ้าอย่าง Investment หรือ FinTech เค้าก็จะเจาะจงไปเลย

อย่าง Investment มันจะดีตรงที่ว่า จ่ายค่าเทอมตามที่เราเรียนปกติเพิ่มขึ้นมา 1,000 ปอนด์ แต่ว่าสิ่งที่จะได้ หนึ่งคือติว CFA ให้ในคอร์ส บวกกับมีการจ่ายค่าสอบ CFA ให้ในคอร์สเลย ซึ่งดีตรงนี้

อย่าง FinTech เค้าก็จะมีโปรแกรมของเค้า จะมีเขียนโปรแกรม มีเขียน Crypto ซึ่งถ้าคนชอบก็น่าสนใจมากค่ะ

ส่วนคนที่ยังไม่รู้ว่าชอบอะไรก็สามารถเรียนสาย Finance ปกติได้ คอร์สนี้เหมือนมีเวลาให้เราลองมาเรียนก่อน แล้วค่อยตัดสินใจเลือกว่าเราชอบอะไร

รีวิว University of Reading

Jam: อย่างแรกก็รู้ว่าตึก ICMA ที่หนูเรียน คือเวลาทำงานมันได้ใช้ตลอด ต้องใช้พวกโปรแกรม Bloomberg, Thomson Reuters อะไรแบบนี้ ก็รู้สึกว่ามันดีมาก เพราะหนึ่งถ้าเราไม่เคยใช้เลย ถ้าไปทำงานจริง ๆ แล้วมันต้องใช้เราจะลำบากละ แต่อันนี้ก็เหมือนกับว่าเราได้ฝึกใช้ไปก่อน แล้วโปรแกรมพวกนี้มันก็ค่อนข้างแพง แต่ทางมหาวิทยาลัยก็มีจัดไว้ให้เราหมดเลย แล้วก็ได้ใช้ facility นี้ตลอดเลย ก็เลยรู้สึกว่ามันดีมาก

Facility อื่น ๆ ละคะ เป็นอย่างไรบ้าง?

Jam: Library ก็โอเคนะคะ กว้างดี มีห้องส่วนตัวให้เราใช้ประชุมได้ มีคาเฟ่ มี Starbucks มีอาหาร มีทุกอย่างครบ เหมือนเราอยู่ที่นี่ได้ชิว ๆ เลย

ส่วนของ Henley เค้าก็จะมีส่งเมลมาตลอดว่า ให้เราส่ง CV ไปนะ เค้าจะช่วยตรวจให้ หรือว่าลองไปคุยหรือนัดซ้อมสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับเค้าไหม เค้าจะบอกว่าเราควรทำอะไรบ้าง ควรสมัครงานยังไง ควรเพิ่มเติมตรงไหนในสิ่งที่เราควรจะทำในการหางานที่นี่ หรือว่าอยากไปหางานที่ไทยก็ได้

นักเรียนไทยที่นี่เป็นอย่างไรบ้างคะ?

Jam: ก็รักกันดีมาก ๆ เลยค่ะ บางทีก็จะมี meeting ชวน ๆ กันไป ก็กลายเป็นรวมตัวคนเยอะก็มี หรือย่างตอน Christmas ก็มีการแลกของขวัญ กินข้าวอะไรแบบนี้เป็นประจำ ก็เลยรู้สึกว่ามันน่ารักอะ แล้วมันอุ่นใจที่มันมีเพื่อน กลับไทยไปก็เป็นเพื่อนกันอีก (ยิ้ม)

เมือง Reading ประเทศอังกฤษ

Jam: ก็มันไม่ได้เหงาอย่างที่ตอนแรกคิดนะคะ เพราะอย่างตอนแรกถ้าเราเลือกไป Exeter ก็อาจจะเหงา แต่ที่นี่มันค่อนข้างครบ มีห้างสรรพสินค้า มีร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านเกาหลีเยอะ ร้านอาหารไทย เดินไปนิดนึงก็มีทุกอย่างเลย มี JD, H&M, Zara มันก็แก้เบื่อได้ เดินไปได้ ไม่ได้ไกล อยู่ในเมือง แล้วจริง ๆ จากมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ไกลมาก

แล้วก็เดินทางไปลอนดอนง่ายมาก ๆ ค่ะ ลอนดอนคือดีมาก (หัวเราะ) คือมันใกล้มาก เราไปได้ตลอดเลย เราไปกินข้าว อยากกินราเมนเราก็ไป เราอยากไปช็อปปิ้งเราก็ไป ซึ่งมันแก้เบื่อได้ ตั๋วรถไฟก็ไม่แพงแล้วมันก็ใกล้ดี ไป Oxford ก็ได้ อย่างเมื่อวานหนูไป Brighton มาก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้น โอเคเลย คือรู้สึกว่าอยู่ที่นี่มันตอบโจทย์เราเลย แบบภูมิใจที่เลือกได้ถูกอย่างที่เราชอบ (ยิ้ม)

มีอะไรฝากถึงน้อง ๆ ที่สนใจเรียนต่ออังกฤษบ้างคะ?

Jam: ก็รู้สึกว่า University of Reading น่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่ตอบโจทย์ของเด็กที่จะมาเรียนต่อ เพราะรู้สึกว่ามี facility ครบ ranking ค่อนข้างดี มีชื่อเสียง แล้วโลเคชั่นก็ค่อนข้างดี ค่าใช้จ่ายก็โอเคอยู่ในสิ่งที่รับได้ ก็รู้สึกว่าหลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ ด้านมันดีมากเลย (ยิ้ม)

สนใจเรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง