รีวิว MSc International Human Resource Management ที่ The University of Edinburgh

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

Plearn: สวัสดีค่ะ ชื่อเพลินค่ะ เรียน International Human Resource Management ที่ The University of Edinburgh ค่ะ

ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้

Plearn: คือเพลินทำงานด้าน HR มาค่ะ แล้วก็อยากจะต่อด้านนี้ให้ลึกไปกว่าเดิม คือตอนปริญญาตรีเพลินจบ Political Science มา เราอยากได้ความรู้เกี่ยวกับ HR มากกว่านี้ ก็เลยมาเรียนที่นี่ เพราะว่าที่นี่จะมี 2 คอร์สคือ Human Resource Management แล้วก็ International Human Resource Management ให้เลือกเรียนค่ะ

คือถ้าคิดถึง International Human Resource Management ที่นี่มีชื่อเสียงถ้าเทียบกับที่อื่น ๆ ใน UK คือที่อื่นก็จะเป็น Human Resource เฉย ๆ อย่างนี้ค่ะ

เพลินอยากเรียน International Human Resource Management ขอใช้คำว่า IHR แล้วกัน มันยาว (หัวเราะ) เพราะว่าในไทยสาขานี้มันยังไม่ค่อยมีคนเรียนมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คนก็จะเรียนแค่ HR กัน แต่อันนี้คือมันเรียนเกี่ยวกับการบริหารคนในบริษัทที่มีหลาย ๆ สัญชาติแล้วก็หลาย ๆ identity ใน หลาย ๆ ประเทศ มันก็จะ challenge กว่านิดนึง แล้วก็คิดว่าคนยังเรียนไม่ค่อยเยอะด้วย

รู้จักคอร์สนี้ได้ยังไงคะ?

Plearn: เพื่อนที่เป็น HR เรียนมาก่อนแนะนำค่ะ เค้าก็บอกว่าที่นี่ก็โอเคนะ ก็เลยลองหาข้อมูลเพิ่มเติม แบบไปนั่งดู course syllabus ดู module ต่าง ๆ ว่าเป็นยังไง ก็เห็นว่ามีวิชาน่าสนใจเยอะเลย แล้วสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานที่จะทำด้วย ก็เลยสมัครมาที่นี่

สนใจเรียนต่อ The University of Edinburgh ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

การเตรียมตัวเรียนต่อ

เอาช่วงการเตรียมตัวเรียนต่อก่อนเนอะ รู้จักพี่ Hands On ได้ยังไง

Plearn: ก็เพื่อนคนนี้แหล่ะค่ะ แนะนำว่าใช้เอเจนซีนี้ดีกว่าทำเอง เพราะว่าตอนนั้นเพลินก็ทำงานอยู่ด้วยแล้วก็รู้สึกว่าถ้าทำงานไปด้วยแล้วก็ต้องเตรียมทุกอย่างเอง มันน่าจะหลุดเยอะ เพราะเอกสารเยอะมากกก ขั้นตอนเยอะมากกก ก็เลยใช้เอเจนซีดีกว่าค่ะ แล้วก็เคยได้ยินชื่อ Hands On มาเหมือนกัน เพื่อนส่วนมากที่เรียน UK เค้าก็จะพูดถึง Hands On กัน แล้วก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ก็โอเค ฟรี (หัวเราะ) ลองดู

พอมาใช้บริการของพี่ Hands On เองแล้วเป็นยังไงบ้าง?

Plearn: ดีมากกก ช่วยทุกอย่างเลยเกี่ยวกับการศึกษา เพราะว่าด้วยความที่ทำงานยุ่งตลอด ก็รู้ว่าต้องสมัครแต่ไม่ได้รู้ว่าต้องเตรียมอะไร เราไม่ได้ว่างที่จะไปนั่งหาข้อมูลว่าต้องทำอะไรบ้าง พี่ Hands On เค้าก็จะคอยเตือนว่าต้องมีอันนี้นะ ต้องเตรียมอันนี้ ขอภายในวันนี้นะ เค้าก็คอยมาเตือนเรา มา follow up ตลอดว่ามีอะไรที่เราต้องทำบ้าง แล้วเค้าก็จะช่วยหลาย ๆ อย่าง เช่น ช่วยแนะนำโน่นนั่นนี่ มีแนะนำมหาวิทยาลัยอื่นมาด้วยว่าอันนี้เค้ามีสปอนเซอร์ให้นะสนใจมั้ย แต่เพลินยังไงคือตั้งใจจะมาที่นี่แล้ว ก็ไม่ได้เปลี่ยนใจค่ะ

อย่างตอนที่เพลินปรึกษาก็มีการเปลี่ยนพี่ counsellor ที่ดูแลด้วยนะคะ เหมือนตอนนั้นพี่คนแรกที่ดูแลลาคลอดไป พอพี่อีกคนมาดูแลต่อก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย เราไม่ต้องมานั่งอัพเดทหรือเริ่มคุยใหม่ตั้งแต่ต้น ก็คือคุยข้อมูลเราต่อได้เลย ส่วนช่วงที่เราสมัครวีซ่าก็จะมีพี่จูคอยดูแลเรื่องวีซ่าโดยเฉพาะให้ด้วยค่ะ

MSc International Human Resource Management

พอมาถึงที่นี่แล้วเป็นยังไงคะ IHRM เรียนอะไรบ้าง?

Plearn: ถ้าพูดถึงเรื่องวิชา วิชาก็โอเค สนุกเลยค่ะ เทอมแรกก็จะเรียนเกี่ยวกับพื้นฐานของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR) คือเป้าหมายส่วนใหญ่ของทุกวิชาคือการที่เราจะไปเป็น HR Manager มันก็จะปูพื้นฐานของการเป็น HR Manager ว่าเราต้องรู้อะไรบ้าง แล้วก็จะมีพิเศษเพิ่มขึ้นมาตรงที่ว่าเราจะต้องเรียนรู้การที่เราจะต้องบริหารจัดการคนในองค์กรที่มีหลาย ๆ สัญชาติ หลาย ๆ ประเทศ ส่วนมากก็จะเรียนพวก MNE (Multinational Enterprise) มันก็จะ specific ไปมากกว่า HR ที่เรียนทั่ว ๆ ไป มันก็สนุกตรงนี้ ตรงที่เราต้องเรียนเรื่องความหลากหลายของวัฒนธรรม ปัญหาต่าง ๆ ที่มันน่าจะเกิดขึ้นได้ diversity inclusion มันก็ค่อนข้างที่จะเรียนลึกไปตรงนั้นนิดนึง

เทอมแรกก็สนุกนะคะ แต่เราจะต้อง research เองซะส่วนใหญ่ ค่อนข้างจะเป็นทฤษฎีนิดนึง

เทอมสองเรียนอะไรบ้างคะ?

Plearn: เทอมสองมันจะเรียนอะไรที่เหมือนเอาของเทอมแรกมาประยุกต์ใช้ให้มันมีความ practical มากขึ้นค่ะ มันจะเริ่มเป็นวิชาพวก diversity อย่างวิชา Global Diversity and Equality Management คือเราจะสามารถ manage diversity ในองค์กรได้ยังไง แล้วมีความหลากหลายอะไรที่เกิดขึ้นในองค์กรบ้าง แล้วเราจะจัดการมันยังไง แก้ปัญหายังไง เราต้องเข้าใจอะไรบ้างอย่างนี้ค่ะ

มันมีวิชานึงที่เพลินชอบมากเลยคือเป็นวิชา Multinational Enterprises and Comparative Employment Relations อันนี้จะชอบเป็นพิเศษ ส่วนมากจะเป็นการเรียนจาก case study ว่ามันมีเคสนี้เกิดขึ้น แล้วเราในฐานะ HR จะสามารถแก้ปัญหาเคสนี้ได้ยังไงบ้าง เพลินว่า 70% ของคอร์สคือการเรียนจาก case study แล้วก็ไปหา research เพิ่มเติมเอาค่ะ

สนใจเรียนต่อ The University of Edinburgh ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

Assignment ต่าง ๆ และบรรยากาศในการเรียนเป็นยังไงบ้าง?

Plearn: เพลินรู้สึกว่าตั้งแต่มาเรียนเหมือนเพลินไม่ค่อยได้นอนจริง ๆ นะ ตารางนาฬิกาชีวิตเรามันปรับไปหมดเลย คือนอนตี 3-4 แล้วก็ตื่น 9 โมง แล้วอันนี้เพลินไม่รู้ว่ามันเป็นเหมือนกันทุกมหาวิทยาลัยมั้ย ในความรู้สึกที่ว่าเราหยุดอ่านไม่ได้เลย เราหยุด research ไม่ได้เลย มันเหมือนพออันนี้เสร็จก็จะมีอันนี้ต่อ assignment ก็จะ deadline ใกล้ ๆ กัน อันนึงส่งจันทร์ อีกอันส่งศุกร์ แล้วทุก ๆ สัปดาห์ก็จะมีให้ส่งงานตลอด แล้วมันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่สามารถหยุดอ่านหนังสือได้เลย แล้วเพื่อนในแก๊งก็จะเป็นสายอ่านกันโหดมาก มันทำให้เรารู้สึกกดดันนิดนึง อย่างในแก๊งเพลินคนนึงเรียนปริญญาตรี 2 ใบ เรียนปริญญาโท 2 ใบ อันนี้คือใบที่ 3 ของนางแล้ว แล้วเพื่อนในคลาสเพลินจะไม่มีคนไทยเลย เพลินเป็นคนไทยคนเดียว ทุกคนก็จะเป็นอินเดีย จีน แล้วก็จะเป็นฝั่งยุโรป ฝั่งอเมริกาเยอะ มันก็กดดันตรงที่เค้าขยันกันมาก อย่างมีกรุ๊ปแชท เพื่อนก็จะคุยกันว่างานเสร็จแล้วนะ แล้วเราคือเพิ่งเริ่มแต่เพื่อนเสร็จแล้ว ก็จะค่อนข้างกดดันแต่ชอบตรงที่มันทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องกระตือรือร้นมากกว่าเดิม แต่มันก็เครียดไปในเวลาเดียวกันนะ

แล้วเพื่อน ๆ ช่วยเหลือกันมั้ยคะ

Plearn: ดีค่ะ รู้สึกโชคดีเหมือนกัน รู้สึกว่าเจอเพื่อนดีด้วยแหล่ะ เพราะทุกคน support กัน ไม่เข้าใจอะไรก็ถามเพื่อนได้ คุยกันได้ ทุกคนจะมีจุดที่ mental breakdown แล้วทุกคนก็จะมาบอกกันว่ามีปัญหาอะไร เราก็จะมีนัดกินข้าวหรือเจอกันอาทิตย์ละครั้ง เพื่อที่จะมานั่งคุยกัน ปรับทุกข์กันค่ะ รู้สึกว่าก็ดีเหมือนกัน ตอนแรกกลัวเหมือนกันว่าจะมีเพื่อนมั้ยเพราะไม่มีคนไทยเลย แต่สุดท้ายก็มีเพื่อนเป็นแก๊ง ช่วยกันเรียน

แต่มีอย่างนึง ด้วยความที่เราเรียน International Human Resource ก็มีความคาดหวังว่าทุกคนจะสามารถปรับตัวได้กับทุก culture มันก็ไม่น่าจะมีการแบ่งแยกอะไรกัน แต่ก็ปรากฏว่าแก๊งยุโรปก็จะเป็นยุโรป จีนก็จีน แล้วก็จะมีแก๊งที่เรียกว่า minority ก็คือพวกเพลินเนี่ยแหล่ะ จะมีเป็นญี่ปุ่น 2 คน ไทยคนนึง เนปาลคนนึง แล้วก็มีอินเดียอยู่คนนึง ก็จะมาอยู่ด้วยกัน ก็เลยกลายเป็นแก๊งที่เพลินอยู่เป็นแก๊ง minority group คือเป็นแก๊งที่ไม่สามารถเข้าไปได้กับแก๊งไหน ๆ (หัวเราะ) แต่มันก็สนิทกันนะคะ คุยกันได้ แต่สุดท้ายแล้วมันรู้สึก barrier บางอย่าง บางทีเราก็พยายามจะไปคุยกับเพื่อนยุโรป เพื่อนอเมริกา แต่มันก็เหมือนไม่สนิท ติดอะไรสักอย่างอยู่ค่ะ ตรงนี้ก็รู้สึกว่าแปลกดีเหมือนกันที่เราคาดหวังว่ามันน่าจะ blend กันได้มากกว่านี้ เพราะเพลินเห็นว่าอย่าง MBA เค้าก็ดูมีหลายชาติอยู่ด้วยกัน ไปด้วยกันได้ แต่อันนี้คือในคลาสแบ่งกันเป็นกรุ๊ปชัดเจนมาก ว่าแบบฝั่งนี้ยุโรป ฝั่งนี้จีน ฝั่งนี้อินเดีย แล้วก็จะเป็นแก๊งเพลินที่อยู่ตรงกลาง

เวลาทำงานกลุ่ม มีงานกลุ่มบ้างมั้ยคะ อาจารย์เค้าไม่จับแยกหรอ?

Plearn: มีเยอะค่ะ ก็คือมันจะคุยกันแค่ในกลุ่ม พอจบ assignment จบ project ทุกคนก็แยกกลับไปกลุ่มตัวเอง ก็ไม่ได้จะมีเพื่อนที่สนิทกันใหม่ อย่างมีคนนึงเป็นคนอเมริกัน เพลินได้อยู่กลุ่มกับเค้าประมาณ 2-3 รอบเลยนะ ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเลย สุดท้ายทุกคนก็กลับไปกลุ่มตัวเองหลังจากนั้น แล้วพอเทอมสอง อาจารย์เค้าก็เริ่มให้จับกลุ่มกันเอง ก็จะเป็นแก๊งเพื่อนทั้งนั้นเลย แต่บางคนก็จะมีที่ค่อนข้าง isolate ตัวเองตั้งแต่เทอมแรกแล้ว เค้าก็จะค่อนข้างประสบปัญหาในการทำงานกลุ่มรอบเทอมสองเพราะว่าเค้าไม่รู้จะไปอยู่กลุ่มไหนอะไรอย่างนี้ บางทีเพลินก็ต้องเอาเค้ามาอยู่ด้วย ต้องถามเค้าว่าได้กลุ่มยัง พอรู้ว่ายังไม่ได้ก็โอเคมาอยู่ด้วยกันค่ะ

อาจารย์ละคะ ดูแลเราอย่างไรบ้าง?

Plearn: อาจารย์ดีมากค่ะ support ดีมาก ถามอะไร นัดคุยได้หมดเลย แต่มันก็แล้วแต่อาจารย์ด้วย มันจะมีสิ่งที่เรียกว่า Town Hall ที่เราต้อง feedback อาจารย์ ว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ก็จะมีอาจารย์คนนึงที่โดน feedback จากนักเรียนเยอะมาก แล้วพอในคลาสก็มาพูดว่า “I got all your feedback but I won’t bite all of that” แล้วทุกคนก็อึ้งว่า เอ้า! แล้วทำอะไรได้บ้างอย่างนี้ แต่ในมุมที่เค้าสอน เค้าก็สอนดี ถ้าในมุมการสอนคืออาจารย์ทุกคนสอนดีหมดเลย แต่พออีกมุมนึง มันก็แล้วแต่ personality ของคนเหมือนกัน บางคนคุยยาก บางคนคุยง่าย บางคนเราอาจจะถามแค่นี้แต่เค้าตอบเยอะมาก บางคนก็ตอบเท่าที่ถาม แต่บางคนไม่ตอบเลยก็มี เพลินเคยอีเมลหาอาจารย์คนนึง ตอนนี้เค้ายังไม่ตอบเพลินเลยอ่ะ (หัวเราะ)

อาจารย์จะไม่ค่อยมีที่เป็น native ส่วนมากจะเป็นเอเชียแล้วก็เป็นชาติอื่นไปเลย แล้วก็จะมีติดเรื่องสำเนียงกันนิดนึง มีปัญหาไม่ค่อยเข้าใจที่เค้าสอนเลยเพราะว่าสำเนียงเค้าฟังยากจัด จริง ๆ ทางมหาวิทยาลัยก็มีอัดวิดีโอไว้ให้เราสามารถกลับไปย้อนกลับไปดูได้ แต่ว่าเพลินไม่ได้เปิดดูซ้ำเพราะว่าอ่านเองก็ได้ สุดท้ายเราก็ research เองแล้วเราก็ได้คำตอบของเราจากการที่เราเรียนเอง ที่ผ่านมาก็คืออ่านเองใหม่หมดเลย ก็อาจจะเสียเวลานิดนึง

The University of Edinburgh

มหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง มาเรียนท็อปของโลกขนาดนี้

Plearn: ถ้าเรื่องบรรยากาศน่าจะเป็นเรื่องเพื่อนในคลาสมากกว่า ถ้าตัวมหาวิทยาลัย เพลินว่าตัว building เค้าก็โอเค facilities ก็โอเค สิ่งที่ชอบอย่างนึงที่นี่คือมีผ้าอนามัยฟรี เพราะเหมือนเป็นสิ่งที่เรา call out มาจากที่ไทย พอมาเจอที่นี่ก็รู้สึกว่ามันก็ทำได้นะ รู้สึก feel good นิดนึงที่มหาวิทยาลัยเค้าก็ support เรื่องตรงนี้ค่ะ

ส่วนเรื่องชื่อเสียงมหาวิทยาลัยมันก็อยู่แล้ว มหาวิทยาลัยเค้าก็ดัง*

*The University of Edinburgh – Top 15 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก จาก QS World University Ranking ประจำปี 2022

แล้วเพลินชอบตรงที่เค้าชอบหาอีเวนต์อะไรมาให้เราเข้าร่วมเพื่อสร้างคอนเนคชั่น มีความรู้สึกว่าปริญญาโท ข้อดีก็คือมันเป็นโอกาสให้เราสร้างคอนเนคชั่นกับคนอื่น ๆ ทั่วโลกได้ ตั้งแต่มาเรียนก็คือรู้จักคนเยอะมากกกก บางทีก็ได้รู้จักกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้รู้จัก หรือมีโอกาสได้คุยกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้คุย อย่างมันมีโปรเจคที่เค้าชอบเอา CEO หรือ HR ของบริษัทดัง ๆ ทั่วโลกมาที่มหาวิทยาลัย เราก็มีโอกาสได้เข้าร่วมแล้วไปคุยกับเค้าโดยตรง ซึ่งถ้าโดยปกติแล้วเราก็คงไม่มีโอกาสได้คุยกับเค้าขนาดนี้ มันก็เลยรู้สึกว่าเป็นโอกาสให้เราได้สร้างคอนเนคชั่นกับคนอื่น ๆ ได้เยอะมาก

แล้วเค้าก็จะมีโปรแกรม support เรื่อง career แล้วก็เรื่อง leadership skill คืออีเวนต์เยอะมาก จนรู้สึกว่าอยากเข้าร่วมทั้งหมดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะงานก็เยอะมากเหมือนกัน (หัวเราะ) คือมหาวิทยาลัยจัดหาทุกอย่างให้เยอะมาก แต่ก็มีงานให้เราทำเยอะมากเหมือนกัน คือเลือกอะไรได้บ้าง แต่ก็ดีค่ะ รู้สึกว่ามหาวิทยาลัย support ทุกอย่างให้ดีมากจริง ๆ ยกเว้นเรื่องเรียนเนี่ยแหล่ะว่าทำไมมันหนักขนาดนี้ (ยิ้ม)

เคล็ดลับการเรียนที่ The University of Edinburgh

Plearn: สำหรับเพลินรู้สึกว่าทริคของการเรียนที่นี่ก็คืออ่านทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่จะเรียน แล้วพอไปเรียนปุ๊ปอาจารย์ก็จะสรุปทุกอย่าง แบบย่อยทุกอย่างให้ เราก็จะเข้าใจมากขึ้น แต่ถ้าเรียนก่อนแล้วอ่านทีหลังเพลินรู้สึกว่าเราเสียเวลาเพราะเราจะเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่แน่ใจว่ามันเป็นทุกคอร์สมั้ยแต่ว่าเพลินแค่รู้สึกว่าทุก ๆ วิชาที่เพลินเรียน ถ้าเพลินเรียนก่อนแล้วค่อยอ่าน จะรู้สึกว่าได้อะไรช้ากว่า ไม่ค่อย effective เท่ากับการอ่านก่อนแล้วค่อยไปเรียน

คอร์สเรียนมันโหดมาก แล้วมันตอบโจทย์เพลินตั้งแต่แรกที่อยากเรียนหรือเปล่าคะ?

Plearn: ความรู้ตอบโจทย์ค่ะ ตอบโจทย์หมดเลย คือนี่แหล่ะที่อยากเรียน เพียงแค่ว่าจริง ๆ อยากให้เค้าเพิ่ม lecture ให้เราหน่อย เพราะรู้สึกว่าตั้งแต่มาเรียนคืออ่านหนังสือเยอะมาก เป็นร้อยได้แล้วมั้งเพราะว่า assignment มันมีเยอะ อย่างเทอมนึงมีงานกลุ่มประมาณ 4-5 งาน แล้วก็งานเดี่ยวอีก 4-5 งาน แล้วแต่ละงานคือต้องอ่าน 20 กว่าหมดเลย เลยรู้สึกว่าอ่านเองก็อ่านได้แหล่ะ แต่อยากจะให้มันเป็นระบบที่รู้สึกว่าไปเรียน แล้วเราได้อะไรสักอย่างมาจากตรงนั้นไม่ต้องไปอ่านอีกแล้ว แต่จริง ๆ คือไม่ เราไม่สามารถได้ทุกอย่างจากที่เราเรียนในคลาสได้เลย แต่ว่ามันก็มีข้อดีตรงที่ว่ามันจะมีพาร์ทที่เราสามารถ discuss กับเพื่อน ซึ่งจะมีทุก ๆ วิชาเลย มันก็เป็นการแลกเปลี่ยนไอเดียกัน

อย่างเนื้อหาที่เรียนเค้าบอกว่าแต่ละปีมันจะมี theme ของคอร์สที่ไม่เหมือนกัน อย่าง theme ของปีนี้จะเป็นเรื่อง Gender ค่ะ ทุกวิชาที่เรียนมันจะต้องเอาไป relate กับ Gender ซึ่งตอนนี้รู้สึก sick of gender equality มาก เพราะทุกวิชา ทุก assignment มันจะต้องลิงก์ไปเรื่องนี้หมดเลย พอมีการบ้านที่เราเลือกหัวข้อได้ เพลินก็จะเลือกหัวข้ออื่น อย่างเลือกทำเรื่องศาสนาที่มันไม่ได้เรียน หาทำ อ่านเองใหม่หมดเลย (หัวเราะ)

ด้วยความที่คลาสเนื้อหามันแน่นมาก หลายวิชาเค้าสอนไม่ทัน อาจารย์ก็จะทำสรุปให้ไปอ่านเพิ่มเอง อันนี้เป็นจุดนึงที่รู้สึกไม่ชอบ ด้วยความที่มันเรียน 1 ปีแล้วเนื้อหามันเยอะ พอสอนไม่ทันปุ๊ปเค้าก็จะให้เราไปอ่านเอง ซึ่งอ่านเองเราก็อ่านไม่ทันแล้ว (หัวเราะ)