Hands On Education Consultants

รีวิว MSc Marketing Management ที่ De Montfort University โดย Kaowpod

แนะนำตัวหน่อยค่ะ

ข้าวโพด: ชื่อเล่นข้าวโพดนะคะ เรียน MSc Marketing Management ที่ De Montfort University (DMU) ค่ะ

 

รีวิว MSc Marketing Management ที่ De Montfort University

ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้

ข้าวโพด: ถ้าพูดถึงตัวคอร์สก่อน คืออยากเรียน Marketing ค่ะ เพราะว่าตอนเรียนปริญญาตรีเรียนคอร์ส Economics และเรียนวิชาโทเป็น Marketing แล้วรู้สึกว่าชอบวิชานี้มากกว่าด้านเศรษฐศาสตร์ เลยเลือกที่จะหาคอร์สที่เป็น Marketing ซึ่งพอดูคอร์ส MSc Marketing Management นี้แล้วเหมือนว่าเราจะได้เรียนหลาย ๆ อย่าง ไม่ได้เฉพาะทาง เราจะได้รู้ overall ทั้งหมดของ Marketing ก่อน ก็เลยคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดี และเขามีเนื้อหาด้าน Digital Marketing เข้าไปด้วย ก็เลยคิดว่ามันเป็นคอร์สที่จำเป็นต้องใช้ในอนาคต เลยเลือกเป็นคอร์สนี้ค่ะ

รีวิวเนื้อหาคอร์สเรียนบ้าง คอร์สนี้เรียนอะไรบ้างไหนเล่าให้ฟังหน่อย

ข้าวโพด: เนื้อหาเป็นภาพรวมหมดเลย ดังนั้นเราจะได้เรียนทุกเนื้อหาสาระที่สำคัญ ๆ ของ Marketing อย่างวิชาแรก Contemporary Marketing Practice ก็จะเป็นเหมือน Overall เหมือน Analyze Market ก่อน ก็จะเป็นพวก Macro, Micro และ Situation ในตลาดตอนนี้เป็นยังไงบ้าง หลังจากนั้นไปก็จะเป็นคนละส่วน ก็จะมีทั้ง Strategic Brand Management, Integrated Marketing Communication (IMC) และตอนนี้เป็น Digital Marketing Strategy ส่วนตัวสุดท้ายก็จะเป็น Project Base ที่เหมือน Dissertation คือต่างกันแค่ว่า Dissertation เราคิดหัวข้อทำวิทยานิพนธ์เหมือนที่เราทำที่ไทย แต่ว่าถ้าเป็นตัว Project Base อาจารย์จะ Assign โจทย์มาให้และให้เราเขียนแผนการตลาดเพื่อที่จะแก้ไขปัญหานั้น ๆ ก็แล้วแต่เลยว่าเราจะชอบแบบไหนมากกว่าค่ะ

วิชาที่ชอบ

ข้าวโพด: จริง ๆ รู้สึกว่าชอบเนื้อหาทุกวิชา แต่ว่าการบ้านไม่ได้ชอบทุกวิชา (หัวเราะ) อย่างวิชาแรก Contemporary Marketing Practice รู้สึกว่าดีมาก ด้วยความที่เนื้อหามันไปทิศทางเดียวกันกับการบ้าน จะเน้นเรื่องการวิเคราะห์ เพราะฉะนั้นการบ้านที่เป็นการเขียนรายงาน เค้าก็จะให้เรา Research เพื่อเขียนรายงานเป็นการวิเคราะห์ตลาด

ส่วนวิชาที่ 2 เป็น Strategic Brand Management การบ้านจะเป็นแนว Research  เขาก็ติดต่อบริษัทจริง ๆ ใน Leicester ที่เป็น B2B (Business-to-Business) ที่ทำ Omnichannel Merchandise แต่หนูรู้สึกว่าอันนี้ออกแนวเชิงวิชาการมาก ๆ เลย เป็นแนว Research กว่าที่เราคิดค่ะ

แล้ววิชาที่ 3 เป็น Integrated Marketing Communications อันนี้ก็รู้สึกว่าเข้ากัน เพราะการบ้านคือการเขียนแผนโปรโมต IMC ให้กับบริษัทหนึ่งเลย ซึ่งเป็น Cooperative กับ Creative Agency ที่นี่ แล้วก็ให้เลือกหนึ่งในลูกค้าของเขา แล้วเราก็เขียนแผน IMC ให้เขาค่ะ โดยงานที่ได้จะเป็นงานเดี่ยวหมดเลย แต่ก็มีงานกลุ่มบ้างค่ะ เป็นงานที่วิเคราะห์โฆษณาดัง ๆ ในสมัยก่อน ซึ่งอาจารย์จะ Assign งานให้ เป็นงานกลุ่ม Presentation ค่ะ

อีกวิชาหนึ่ง จะเป็น Digital Marketing Strategy อาจารย์ Assign 2 บริษัทจริง ๆ แล้วก็มีโอกาสที่เขาจะเลือก 1 คนที่ดีที่สุดของแต่ละฝั่งของ 2 บริษัทไป Present งานกับลูกค้าจริง ๆ แต่ส่วนตัวหนูไม่ได้มองเป้าหมายว่าจะได้ถูก Pitch แค่อยากได้คะแนนดี ๆ (หัวเราะ) ไม่อย่างนั้นจะกดดันตัวเองเกินไป งานในวิชานี้เหมือนให้วาง Digital Marketing Overall ทั้งหมดเลย โดยไม่ได้จำกัดว่าต้องใช้เทคนิคใดเทคนิคหนึ่ง เช่น จะเป็น Influencer ก็ได้ หรือดูเรื่อง social media เลยก็ได้ โดยให้เราเขียนแผนการตลาดไปให้เค้าค่ะ

*สนใจเรียนต่อ De Montfort University ปรึกษาพี่ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

รีวิวบรรยากาศในห้องเรียนบ้าง เพื่อน ๆ คอร์สนี้เยอะมั้ย

ข้าวโพด: ในคลาส Lecture จะเรียนรวมหมดเลย คนเยอะประมาณ 100 คนขึ้นไปเลยค่ะ แต่ Seminar นี้ก็จะถูกแยกกันไป โดยเป็น Lecture 2 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วน Seminar 3 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2 ครั้งค่ะ ซึ่ง Lecture ก็จะเป็น Lecture ทั่ว ๆ ไปเหมือนที่ไทยเลย แต่ว่าที่นี่อาจารย์ค่อนข้างจะถามคำถามแล้วมีคนตอบมากกว่าที่ไทย ในแง่นี้มันทำให้บรรยากาศการเรียนดูแบบ ว้าว! เราได้ข้อมูลจากเพื่อนคนอื่น ส่วนที่ไทยอาจารย์จะถามแหละแต่ทุกคนก็เงียบ (หัวเราะ) ส่วนใน Seminar ส่วนใหญ่จะเป็นแบบมีงานมาให้ทำและทำงานกลุ่มร่วมกัน อาจจะไม่ใช่กลุ่มที่เราทำงานด้วยตอน Assignment แต่ว่าเป็นเพื่อนที่อยู่ในคลาสเดียวกัน ก็สนุกดีเพราะว่าได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน แต่บางคนก็เจอเพื่อนในกลุ่มไม่ดีก็มีนะคะ แต่เพื่อนของกลุ่มหนูดีมากค่ะ ช่วยกันทำงาน

ส่วนตัวแล้วเพื่อนในห้องหนูค่อนข้างจะเป็นเด็กเรียนกันหมดเลย ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่เข้าเรียนกัน 100% ค่ะ ก็ได้ข้อมูลเยอะ อย่างเพื่อนมาจากประเทศอื่นก็จะมีวิธีคิดคนละแบบกับเรา หรือเขามีประสบกาณ์ด้าน Marketing ที่ประเทศเขามาก็จะมีไอเดียที่แปลกจากเรา ทำให้สนุกดีค่ะ แล้วก็ตอน Present ก็ชอบตรงที่อาจารย์ไม่กดดันถึงเราจะเงอะ ๆ งะ ๆ เขามี Mindset ที่ว่าอันนี้เป็นแค่ Seminar ไม่ใช่ Assignment มันคือห้องสำหรับให้นักเรียนฝึก เขาก็จะไม่กดดันเรา แล้วก็มีการให้ Feedback เลยทำให้ชอบตรงนี้ค่ะ (ยิ้ม)

ในคลาสเรียนของเราอาจารย์เป็นยังไงบ้างคะ

ข้าวโพด: แล้วแต่ว่าจะเจอใครค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าก็จะมีอาจารย์บางคนที่เป็นแนว Supportive แบบว่า Nice กับเด็ก ๆ มาก ใจดี แต่มีบางคนที่ Strict ก็มี แล้วพอ Seminar ก็จะเป็นอาจารย์คนละคนกับ Lecture ด้วย ก็จะเจออาจารย์เยอะพอสมควรค่ะ แต่ส่วนใหญ่เขาก็ Nice นะคะ อย่างถ้านักเรียนถามเขาจะตั้งใจฟังแล้วก็ตอบ คืออาจารย์ที่นี่ตั้งใจตอบจริง ๆ ไม่ว่าเป็นอะไร ไม่ว่าจะไม่เข้าใจแค่ไหนเขาก็เต็มใจที่จะตอบค่ะ เป็นเหมือนกันทุกคน Standard เดียวกัน ก็จะมีแค่เรื่องความ Strict ที่ต่างไปกันไป แต่ส่วนใหญ่ก็ Nice หมด

ทุกคนดูเชี่ยวชาญในสิ่งที่สอน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีอาจารย์บางคนที่จะเป็นสไตล์ที่ชอบเล่าประสบการณ์ที่เขาทำงานมา อย่างคนล่าสุดที่เรียนด้วยตอนนี้ เขาค่อนข้างที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเคยทำงานมาจริง ๆ แล้วมันทำให้เราเห็นภาพว่าเราจะนำวิชาที่เราเรียนไปใช้ตอนทำงานแบบไหน อันนี้คือจุดที่ชอบค่ะ

มีเรื่องไหนที่อยากเสริมสำหรับการรีวิวคอร์สเรียนของเรามั้ยคะ

ข้าวโพด: หนูไปเข้าร่วม Marketing Team ของที่นี่ เขามาทำ Research เพื่อจะเก็บ Feedback ไปปรับปรุง ว่าเขาอยากพัฒนา Service ของเขา มีอะไรจะ Feedback มั้ย ประมาณนั้นค่ะ เราก็เลยบอกเขาไปว่าด้วยความที่งาน Marketing เป็นงานที่ต้องทำงานเป็น Teamwork เสียส่วนใหญ่ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะได้รับงาน เป็นงานกลุ่มมากกว่าเพื่อฝึกเรา และอยากให้เป็นงานที่เป็น Assessment ที่ทำงานกับบริษัทจริง ๆ แบบที่ในห้องเรียนเราทำ เพราะว่าถ้าเป็นงานที่ทำกับบริษัทจริง ก็จะได้รู้สึกว่าเราอยากทำการบ้านมาขึ้นอะไรแบบนี้ค่ะ

*สนใจเรียนต่อ De Montfort University ปรึกษาพี่ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

 

รีวิว De Montfort University

ข้าวโพด: ถ้าภาพรวม ก็ดีตรงที่ว่ามันใกล้กับ Shopping Centre เดินไป City Centre ไม่ไกล แล้วก็ใกล้กับ Super Store ทั้งหลาย ทั้ง Tesco ข้างหลัง ทั้ง Express และ Tesco ใหญ่เดินไปง่ายดีค่ะ แถว ๆ นี้ก็มีพวกร้านคาเฟ่ มี Domino ของกินอะไรแบบนี้ มี Food Village มีร้านอาหารในมหาวิทยาลัย ซึ่งราคาถูกกว่าข้างนอกครึ่งหนึ่ง เพราะข้างนอก 10 ปอนด์ ที่นี่น่าจะ 5 ปอนด์อะไรแบบนี้ค่ะ แต่ถ้าให้พูดตรง ๆ อาหารที่นี่ไม่ค่อยอร่อย (หัวเราะ)

Facility ในมหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง

ข้าวโพด: หนูว่าโอเค ห้องสมุดหนูก็ไปใช้บ่อยเหมือนกัน ชอบที่เขาให้จองห้องประชุมได้ เวลาทำงานกลุ่มหรือว่าอยากอ่านหนังสือเงียบ ๆ ก็ไปจองห้องกันได้ ข้างในก็มีคาเฟ่ในตัว ส่วนหนังสือหนูรู้สึกว่าไม่ค่อยต่างกับระบบที่ไทยมาก แต่ชอบที่มีโน้ตบุ๊คให้ยืมได้ มหาวิทยาลัยก็ดูเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ครบดีค่ะ

แล้วที่ชอบเลยก็มี GP (General Practitioner) ใกล้ ๆ ที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นของ De Montfort Century ตรงนี้ คือหอหนูอยู่แถวนี้ก็มาง่าย เคยไป GP นี้ แล้วก็ไป GP อีกที่หนึ่ง เพราะว่าตอนนั้นคิวเต็มก็เลยถูกส่งไป เปรียบเทียบแล้วรู้สึกว่าที่มหาวิทยาลัยค่อนข้างดีกว่า แล้วก็ดูได้คิวง่ายกว่า ถ้ามาเช้านะคะ

แล้วได้ใช้ Support อื่น ๆ ของมหาวิทยาลัยอีกมั้ยคะ

ข้าวโพด: Career Support อันนี้หนูรู้สึกว่าเหมาะสำหรับคนที่อยากทำงานที่ UK มีแผนที่จะทำงานต่อ หนูว่าค่อนข้างดี เพราะมีทั้ง Career สำหรับคนที่อยากทำงานบริษัทกับอีกอันหนึ่งคือสำหรับ Entrepreneur คนที่อยากเปิดบริษัทเอง เขาก็มีบริการตรงนี้

ส่วน Student Union ก็ได้ใช้ตอนเขาส่งกิจกรรมมาว่าเขามีกิจกรรมอันนี้นะ สนใจอันไหนก็ไปร่วม ซึ่งเขาจะมีกิจกรรมทุกสัปดาห์ค่ะ  วาดรูปจิบกาแฟ วาดรูปกินขนม เปลี่ยนไปแต่ละอาทิตย์ จริง ๆ มันมีเยอะเลย Game Night ก็มี Movie Night ก็มี แล้วก็จะมีชมรม K-pop ก็มีเพื่อนไปเข้าร่วม บางคนก็ไปชมรมดูหนัง แต่ส่วนตัวหนูไม่สนใจอะไรเลยก็เลยไม่ได้ไปสักชมรม (หัวเราะ) แต่ว่าถ้าเราไม่ได้เป็นสมาชิก สมมติมีเพื่อน ๆ มาบอกว่าเต้นเพลงนี้นะ ถ้าสนใจเราก็ไปเข้าร่วมได้ เหมือนจะต้องจ่ายเงินนิดหน่อย แต่ก็ไม่แพงน่าจะประมาณ 5 ปอนด์ค่ะ ทำแบบนั้นก็ได้เหมือนกัน

แล้วก็มีอีกอันที่ชอบก็คือ DMU Sport ซึ่งจะมีคลาสฟรีให้นักเรียนที่นี่ ก็จะมีซุมบ้า แบดมินตัน บาสเกตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ มีหมดเลย สามารถเข้าไปจองใน Application ได้ถ้าเราสนใจ คือเค้าก็จะมีตารางมาให้ว่าซุมบ้าจะเวลานี้นะ เราก็สามารถจองที่ได้ หรืออย่างถ้าเรามีเพื่อนเยอะก็สามารถจองเป็นห้องตีแบดได้เลย ส่วนใหญ่ก็รู้สึก Happy อยู่นะ เรียนที่นี่ไม่ค่อยมีเรื่องต้องกังวลมากค่ะ

*สนใจเรียนต่อ De Montfort University ปรึกษาพี่ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

 

รีวิวเมือง Leicester

ข้าวโพด: ตอนแรกที่มาก็รู้สึกสวยงาม พออยู่ไปนาน ๆ ก็รู้สึกว่าเอ๊ะ! เห็นบ่อยแล้ว แต่ว่าค่อนข้างโอเคเพราะว่าไม่ใช่เมืองใหญ่แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่มีอะไรเลย มีโรงหนัง มีห้างสรรพสินค้าให้เดิน มีร้านอาหาร ถ้ายอมไปไกลหน่อยก็จะมี Activity ให้ทำเพิ่มอย่างโรยตัวกับ BB Gun อะไรแบบนี้

การเดินทางในเมือง

ข้าวโพด: ถ้าไปรถ Bus มันจะไปรถบัสฟรีของ Leicester ชื่อว่า Hop! ที่มีรูปกบ อันนั้นก็จะวนเยอะอยู่ รอบเมืองเลย แล้วก็มาจบที่ City Centre และก็ยังมีรถ Bus ทั่วเมือง หรือ Uber ก็เรียกง่าย ไม่ค่อยยาก แล้วก็ไม่ค่อยเจอ Uber ที่ Cancel หน้างาน ก็โอเคค่ะ

คนค่อนข้าง Nice ลุง ๆ ป้า ๆ สูงอายุจะค่อนข้าง Nice มาก บางทีเดินสวนสาธารณะเขาก็จะทักกันว่าไปไหน แต่ถ้าเป็นรุ่น ๆ เราหน่อยก็จะไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้า แต่คนค่อนข้าง Nice และประชากรส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน ชุมชนค่อนข้างแข็งแกร่งมาก แล้วก็ที่นี่อาหารเอเชียเยอะมาก หนูคิดว่าถ้าคนที่รู้สึกว่าจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่อง Homesick เพราะว่าอาหารเอเชียเยอะมากจริง ๆ อาหารญี่ปุ่นฉ่ำ เกาหลีฉ่ำ จีนฉ่ำ ลง Story จนเพื่อนงงว่าอยู่อังกฤษจริงหรือเปล่า เพราะกินแต่อาหารญี่ปุ่น (หัวเราะ)

มีอะไรอีกในเมือง Leicester

ข้าวโพด: มี Park เยอะ อันนี้ก็ชอบ เพราะว่าหนูก็ไปเดินบ่อย ๆ เหมือนกัน แล้วแถวนี้ก็มี Museum ให้เข้าได้ ที่นี่ดังเรื่อง King Richard ก็มี Museum เป็นบัตรรายปีซึ่งปีหนึ่งจะเข้ากี่ครั้งก็ได้ หนูก็ไปเดินเล่น ๆ 4-5 ครั้งให้คุ้มค่าตั๋ว (หัวเราะ)

ค่าครองชีพเป็นยังไงบ้าง

ข้าวโพด: ค่าครองชีพถ้าเทียบกับที่อื่นแล้วที่นี่ถูกมาก ซึ่งหนูคิดว่าดีแล้ว สำหรับคนที่มี Budget จำกัด อย่างหนูอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน Part-time ส่วน Part-time คือสำหรับคนที่อยากได้เงินพิเศษเพิ่ม อันนี้คือถามเพื่อนที่ไปทำ Part-time ส่วนใหญ่คือเขาอยากได้เงินเพื่อไปเที่ยวเพิ่ม ไม่ใช่เพราะว่าเขาจำเป็นต้องทำ สำหรับที่นี่ค่าครองชีพค่อนข้างถูกมากเมื่อเทียบกับ London ถูกสุด ๆ ค่าใช้จ่าย London น่ากลัวมาก (หัวเราะ)

เพื่อนนักเรียนไทยเป็นยังไงบ้างคะ อยู่ที่นี่เหงามั้ย

ข้าวโพด: ไม่เหงาเลย พอดีว่าที่นี่เขาจะมีวันหนึ่งที่เขาจะจัดไปรับนักเรียนที่สนามบิน วันนั้นก็เลยได้เจอเพื่อนคนไทย ณ ตรงนั้นเลย แล้วก็กลายเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้ แต่ว่าเรียนกันคนละคณะหมดเลย เราก็เลยจะมีเพื่อนที่เป็นต่างชาติด้วยที่เป็นเพื่อนในคลาส แล้วก็มีเพื่อนคนไทยด้วย ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหาเพื่อนยากขนาดนั้น ทุกคนก็ดู Nice ที่จะทำความรู้กคนใหม่ ๆ ถ้าเรากล้าที่จะคุยก่อน เขาก็จะคุยกับเรา

หนูคิดว่าที่นี่ค่อนข้างเอื้อให้หาเพื่อนนะคะ เพราะว่าอันนี้ที่ชอบที่สุดแล้วคือที่มหาวิทยาลัยจะมีจัด Trip ทุก ๆ เดือน ชวนกันไปเที่ยวสำรวจ UK ไปหลาย ๆ เมือง เช่น York, Oxford, Cambridge แล้วราคาตั๋วค่อนข้างถูกกว่าเราไปเอง เพราะเป็นมหาวิทยาลัยจัด ก็จะมี 2 แบบ เหมือนเขาจะให้จอง Guide Tour ด้วยก็ได้ แบบ Guide เดินในเมืองอะไรแบบนี้ค่ะ หรือว่าเราจะเที่ยวเองก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเที่ยวเองค่ะ ก็ดีเหมือนกัน ถือว่าได้ประหยัดค่าเดินทาง อันนี้ก็ชอบเพราะเขาจัดตลอดเลย (ยิ้ม)

ชอบเมืองไหนที่สุดจากที่เคยไปมา

ข้าวโพด: ส่วนตัวชอบ York ที่สุด เพราะสวย แบบว่าสวยมาก แต่ว่าถ้าพูดถึงความสะดวกอะไรหลาย ๆ อย่างคิดว่า London สะดวก เพราะว่ามี Tube มันไปเที่ยวง่าย แล้วมันใหญ่มากหนูยังไปไม่ครบเลย

*สนใจเรียนต่อ De Montfort University ปรึกษาพี่ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก

 

การเตรียมตัวเรียนต่อกับ Hands On

เตรียมตัวยังไงบ้าง เริ่มวางแผนตั้งแต่เมื่อไหร่คะ

ข้าวโพด: จริง ๆ น่าจะวางแผนเกือบหนึ่งปีเลยค่ะ แต่ตอนแรกไม่ได้คุยกับพี่ Hands On ตอนแรกคุยกับอีก Agency เพราะว่าเพื่อนใช้เยอะและเพื่อนก็บอกต่อกันมาก็เลยลองคุยดู แต่พอไปคุยแล้วก็รู้สึกไม่ Click กับพี่ที่ติดต่อกับเรา ก็เลยลองถามคนอื่น อย่างพี่ที่บริษัทเขาก็เรียนต่อกัน พี่เขาก็เลยบอกว่าลอง Hands On มั้ย หนูก็เลยไปดูเว็บก่อน ก็ดูโอเค น่าเชื่อถือดี มีรีวิวใน YouTube มีคลิป มีวิดีโอ ก็เลยโอเคติดต่อพี่ Hands On ไป แล้วตอนนั้นก็ได้คุยทางโทรศัพท์ พี่ ๆ เขาโทรกลับมาจากที่ไปฝากข้อมูลไว้ว่าสนใจคอร์สไหน ก็บอกไปว่า Marketing เขาก็ดูคอร์สให้ มีการติดต่อผ่านอีเมล ตอนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นค่ะ โดยตอนแรกว่าจะไป September ปีนั้นเลย แต่รู้สึกว่าเร็วเกิน เพราะว่าต้องไปสอบ IELTS อีก เลยชะลอไว้ดีกว่า สักหนึ่งปีก็ไม่นานเกินไปค่ะ

พี่ Hands On ดูแลอะไรเราบ้าง

ข้าวโพด: จริง ๆ ก็มีแนะนำข้อมูล หนูถามไป แล้วพี่เขาก็จะตอบมา แต่บางทีหนูก็ไม่รู้จะถามอะไร เพราะว่าไม่เคยไปเรียนต่อต่างประเทศมาก่อน ไม่รู้ว่าควรถามอะไรบ้างอะไร ก็เลยอยากได้ Overview ค่ะ จำได้ว่าตอนแรกพี่ Hands On ก็จะมีให้ข้อมูลเรื่องการหาคอร์ส หามหาวิทยาลัย แล้วก็ลิสต์ตาม Budget ที่เราบอกพี่เขาไปว่าประมาณเท่าไหร่

แล้วพอเตรียมตัวสมัครก็มีได้รับคำแนะนำเรื่องการเขียน SoP แต่หนูว่าของหนูไม่ค่อยมีแก้อะไร แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เราเขียนมันโอเคมั้ย เพราะว่าเราไม่เคยยื่น เป็นการยื่นครั้งแรกค่ะ

การที่เราดูและอ่านคอนเทนต์รีวิวมหาวิทยาลัยในอังกฤษ แล้วช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นมั้ย

ข้าวโพด: หนูว่าก็มีประโยชน์นะคะ แต่ส่วนตัวหนูจะเลือกหัวข้อที่สนใจ เช่นค่าใช้จ่ายอังกฤษเท่าไหร่ วิธีสมัครยังไง หนูก็เลือกดูคลิปหรืออ่านรีวิวแค่อันที่หนูสนใจค่ะ

แล้วทำไมถึงเลือก De Montfort University คะ?

ข้าวโพด: ตอนแรกเลือกจากเมือง Leicester ก่อน เพราะว่าค่าครองชีพค่อนข้างถูกจากที่ไป Search ดูมาค่ะ แล้วคิดว่าไม่น่าหนักมาก แล้ว Leicester ก็มีชื่อจาก King Power ด้วย ทำให้ดู Friendly กับคนไทยเป็น Perception นั้นค่ะ ก็เลยเลือกที่ Leicester ก่อน แล้วที่นี่จะมี 2 มหาวิทยาลัย คือ DMU กับ University of Leicester แล้วหนูเลือกจากภาพรวม อาคารเรียนอะไรแบบนี้ค่ะ เพราะว่า University of Leicester ให้ภาพไว้แบบเก่าแก่ (หัวเราะ) แต่ว่า DMU จะดู Modern กว่าก็เลยเลือก DMU แล้วก็มาดูคอร์สอีกทีหนึ่ง รู้สึกว่า DMU ดูโอเคแล้วก็มีสิ่งที่เราอยากเรียนด้วย ก็เลยเลือก DMU ค่ะ

มีอะไรอยากฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังวางแผนเรียนต่อบ้าง

ข้าวโพด: ให้เตรียมตัวเยอะ ๆ หมายถึงถ้ามากระทันหัน มันอาจจะฉุกละหุกและมีหลายเรื่องที่ไม่ค่อยพร้อม เพราะต้องปรับตัวพอสมควร หนูว่าคิดถูกที่ตอนนั้นตัดสินใจรอหนึ่งปี เพราะตอนนั้นรู้สึกว่ายังไม่พร้อมก็อย่าดันทุรัง เพราะว่ามาอยู่ที่นี่มันต้องอยู่คนเดียว เป็นพื้นฐานเลยว่ายังไงก็ต้องอยู่คนเดียวให้ได้ สภาพจิตใจอาจจะไม่ค่อยโอเค เพราะสภาพอากาศก็มีผล มันฝนตกตลอดเวลา ค่อนข้าง Gloomy ทำให้เราเหงาง่าย ถ้าไม่พร้อมก็อย่ามาเลย ให้เตรียมตัวเยอะ ๆ แต่อย่ากลัวมาก มาถึงแล้วมันไม่ได้แย่อย่างที่คิด จุดเด่นของที่นี่เลยคือไม่ว่าจะไปไหนเขาก็พยายามที่จะเข้าใจเรา เขาไม่ได้ฟังไม่รู้เรื่องแล้วไม่อะไรเลย แต่เขาจะพยายามเข้าใจว่าเราพูดว่าอะไร ค่อนข้างโอเคค่ะ (ยิ้ม)

สนใจเรียนต่อ De Montfort University หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี ทุกขั้นตอน เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง