แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ
Nana : ชื่อนาน่า เรียนคอร์ส Biomedical Science สาขา Molecular and Cellular Basis of Human Disease ค่ะ
ทำไมถึงเลือกเรียนสาขานี้เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
Nana : เราชอบเกี่ยวกับการทำ Lab ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สุขภาพตั้งแต่สมัยปริญญาตรีแล้วค่ะ แล้วก็อยากศึกษาทางด้านนี้ต่อ เลยมาเรียนคอร์สนี้เพราะว่าจะหลักสูตรนี้จะเรียนเชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยทางด้านการเกิดโรค สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดโรค แล้วก็ปัจจัยที่ยับยั้งให้เกิดโรคได้ด้วยค่ะ คืออยากรู้เรื่องกลไกแล้วก็ทำ Lab เกี่ยวกับทางด้านนี้ค่ะ (ยิ้ม)
รีวิว MSc Molecular and Cellular Basis of Human Disease ที่ University of Sheffield
Nana: ก็อย่างที่บอกไปตอนแรกนะคะว่าจะเรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่เป็นเชิงสุขภาพ มีปัจจัยการเกิดโรค ซึ่งที่นี่เขาจะไม่ได้สอนแค่นั้น แต่จะสอนเกี่ยวกับทักษะของนักวิทยาศาสตร์โดยทั่วไปด้วยค่ะ เช่น การวิเคราะห์งานวิจัย การเขียน และการอ่าน Paper ค่ะ แล้วก็จะมีการเรียน Lab ซึ่งการเรียน Lab ของที่นี่จะต่างกับที่ไทยค่อนข้างเยอะ เพราะว่าอาจารย์จะเดินเข้าถึงทุกคนมาก ๆ เขาจะเดินถามเด็กแต่ละคนเลยว่าเป็นยังไง เข้าใจมั้ย และอธิบายให้เป็นรายคนเลยค่ะ
ส่วนเนื้อหาวิชาเรียน ถ้าอย่างพวกทักษะทางวิทยาศาสตร์ เขาจะเน้นให้เราเขียน ก็คือจะมีการเขียน Essay เยอะมาก ๆ ค่ะ และจะมี Feedback ของแต่ละวิชามาให้เลย ว่าเราต้องปรับปรุงตรงไหน แล้วก็จะมีวิชาที่เป็น Critical Analysis ซึ่งจะให้เราอ่าน Paper แล้วไป Present และก็จะมี Discuss กันหน้าห้องทุกคาบ
แล้วก็จะมีวิชา Critical Analysis of Current Science ที่ต้องฝึกพูดนำเสนอ Poster อะไรแบบนี้ด้วยค่ะ และอาจารย์ก็จะมี Feedback ให้เราทุกวิชา
ส่วนวิชาที่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับทางสุขภาพก็จะแล้วแต่ว่าเราอยากเลือกเรียนวิชาแนวไหน ซึ่งจะแบ่งได้เป็นทั้งโรคติดเชื้อแบบที่มีเชื้อโรค และโรคติดเชื้อแบบที่อาจจะเกิดจากร่างกายเราเอง อย่างพวกเนื้อเยื่อ เราสามารถเลือกเรียนได้เลย แต่ของหนูจะเลือกเรียนเป็นโรคที่เกี่ยวกับเนื้อเยื่อของเราค่ะ ก็จะได้รู้ว่าเนื้อเยื่อสามารถพัฒนาไปเป็นอะไรได้ค่ะ
สนใจเรียนต่อ University of Sheffield ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
เล่าให้ฟังเพิ่มเติมได้ไหมคะ เผื่อน้อง ๆ สายวิทยาศาสตร์อยากรู้ว่าเรียนอะไรเกี่ยวกับสายวิทยาศาสตร์เพียว ๆ แบบนี้บ้าง
Nana : จริง ๆ อาจจะฟังดูยากแล้วก็ลึกใช่มั้ยคะ ถ้าเป็นพวกเกี่ยวกับร่างกายของคน แต่ว่าจริง ๆ มันก็ไม่ได้ยาก ถ้าเกิดว่าเราสามารถทำความเข้าใจพวกกลไกต่าง ๆ ได้ ซึ่งที่นี่เขาจะสอนให้หมดเลยค่ะ สอนวิธีวิเคราะห์ ให้เวลาที่เราอ่านวิจัยแล้วจะได้เข้าใจมากขึ้น เวลาทำ Lab ก็จะสนุกมาก ๆ เพราะว่าทุกคนจะได้มีส่วนร่วมกันหมดเลย และถ้าเราไม่เข้าใจตรงไหน เพื่อน ๆ จะช่วยกันตลอดเลยค่ะ ทั้ง Lecture แล้วก็ Lab ถ้าเราเจอเนื้อหาที่ยากหรือไม่เข้าใจกลไก เพื่อนและอาจารย์จะเข้ามาช่วยอธิบายทุก ๆ คนเลยค่ะ
แล้วเรียนมาชอบวิชาไหนที่สุดคะ?
Nana : เลือกยากมากค่ะ เพราะว่าชอบทุกวิชา
อย่าง Advanced Scientific Skills ที่ช่วยสอนทักษะทางวิทยาศาสตร์วิชานี้ก็ชอบค่ะ เพราะว่าที่ไทยไม่มีอะไรแบบนี้ ไม่มีสอนการเขียนหรือวิเคราะห์ หรือวิธีการนำเสนออะไรแบบนี้ค่ะ แต่ว่าที่นี่จะเน้นให้แต่ละทักษะเราทำเป็นจริง ๆ ค่ะ จริง ๆ ชอบทุกวิชาเลยค่ะ เพราะว่าสนุกทุกวิชา (หัวเราะ) แต่ละวิชาจะมีเอกลักษร์ของแต่ละวิชา ทำให้เรารู้หลาย ๆ ด้านเลยค่ะ เช่น Modeling Disease แล้วก็จะมีวิชา Small Molecule ที่จะได้ใช้เครื่องมืออัตโนมัติในการ screen ยา คือที่ไทยไม่มีเครื่องนี้นะคะ และที่ UK เองก็มีไม่กี่เครื่องด้วยค่ะ ก็คือจะได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ เยอะเลยค่ะ
อย่างการ screen ยา ส่วนใหญ่ก็จะดูว่ายาสามารถยับยั้งโรคนี้ได้มั้ย โดยจะมีหลาย ๆ โมเลกุลมา แล้วก็ดูว่าแต่ละโมเลกุลว่ามันสามารถยังยั้งโรคนี้ได้หรือเปล่า แล้วก็นำโมเลกุลที่ยับยั้งได้มาพัฒนาไปเป็นยาต่อไปค่ะ
นอกจากนี้เนื้อหาหลัก ๆ ที่เรียนก็จะเน้นไปที่การดูโรคของคน เลยจะเน้นพวกการทดลอง อาจจะมีทดลองในปลา Zebrafish (ปลาม้าลาย) ดูพวกการฉีดโมเลกุลเข้าไปใน embryo เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงอะไรแบบนี้ค่ะ
ส่วนถ้าเป็น Project ของตัวเองก็จะดูใน Spinal Cord ของหนูค่ะ เช่น การดูพวกกระดูกสันหลังที่เป็นโรคข้อเสื่อม จะเน้นไปที่ Model ซึ่งเป็นสัตว์ทดลองมากกว่า
บรรยากาศในห้องเรียนเป็นยังไงบ้าง คนเรียนเยอะมั้ย?
Nana : ถ้าเป็นวิชารวม พวกทักษะทางวิทยาศาสตร์จะมีคนค่อนข้างเยอะค่ะ ประมาณร้อยกว่าคน เพราะจะรวมทุกสายค่ะ แต่ถ้าเป็นวิชาเลือกเกี่ยวกับโรคแบบนี้ก็จะมีประมาณ 10 กว่าคน ส่วน Lab ก็จะมีคนน้อยมาก ๆ ประมาณ 9-10 คนเองค่ะ เหมือนอาจารย์เขาก็จะได้ดูแลครบทุกคนด้วยค่ะ
ส่วนเพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกันส่วนใหญ่จะมาจากอังกฤษหมดเลยค่ะ เพราะว่าสาขานี้เหมือนว่าจะฮิตกันในประเทศอังกฤษ ไม่ค่อยมีคนเอเชียเท่าไหร่ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็น Native Speaker แล้วเพื่อนก็เก่ง ๆ กันทั้งนั้นเลย (หัวเราะ)
แล้วคอร์สนี้ก็ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเรียนอะไรมาก่อน ขอแค่เรียนเกี่ยวกับสายวิทยาศาสตร์มาก็สามารถสมัครเรียนได้ เพื่อน ๆ ในห้องก็จะมี background ที่หลากหลายมากค่ะ
เวลาเรียนอาจารย์จะคอยถามตลอดค่ะ ไม่ว่าเป็น Lecture หรือ Lab ก็จะคอยถามตลอดว่าใครไม่เข้าใจตรงไหน หรือเข้าใจมั้ย เนื้อหาที่เพิ่งพูดไปเป็นยังไง มีความคิดเห็นยังไง ถ้าเกิดว่าไม่เข้าใจตรงไหน ทุกคนก็จะถามกันเลย อาจารย์ก็พร้อมที่จะอธิบายมาก ๆ ค่ะ ทำให้รู้สึกว่ากล้ามีส่วนร่วมในห้องมากขึ้น เพราะอาจารย์ไม่ได้ว่าอะไรถ้าเราไม่เข้าใจ เพื่อน ๆ ในห้องก็ถามกันหลายคนค่ะ
แล้วพวก Assignment ต่าง ๆ เป็นยังไงบ้าง เป็นงานเขียน Paper อย่างเดียวเลยมั้ยคะ
Nana : ส่วนมากจะเป็นเขียน Essay ที่มาจากการวิเคราะห์งานวิจัยค่ะ หรือไม่ก็เป็นการที่เราอ่านงานวิจัยแล้วนำมาเรียบเรียงในแบบของตัวเองค่ะ มีสอบบ้างบางวิชาค่ะ แต่ว่าค่อนข้างน้อย ส่วนมากจะเป็น Assignment มากกว่าค่ะ
Present ก็จะมีเหมือนกัน จะมี Present เป็น Poster ตอนจบภาคเรียน อย่างภาคเรียนที่ 1 ก็จะมีสอบ Present Poster แล้วก็จะมี Seminar ให้เราอ่าน Paper แล้วไป Present ค่ะ
คอร์สเราเรียน Lab เยอะ ทางมหาวิทยาลัยมี Facility เฉพาะทางอะไรให้เราบ้าง?
Nana : เฉพาะทางด้าน Lab ใช่มั้ยคะ ก็จะมีห้อง Lab หลายห้องมาก และแต่ละห้องก็จะมีอุปกรณ์แตกต่างกันไปค่ะ เขาจะแบ่งเป็นโซน ๆ ให้เลยว่าเครื่องมือนี้จะอยู่ทางด้านนี้ หรืออย่าง Lab ที่หนูเรียนก็จะอยู่ที่ตึกคณะทันตะ เพราะว่าเป็นเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับทางโรงพยาบาล
ส่วนถ้าที่คณะก็จะมีที่เครื่องอัตโนมัติด้วยเหมือนกันค่ะ คืออุปกรณ์เพียงพอแน่นอนค่ะ ห้อง Lab ใหญ่มาก ๆ (ยิ้ม)
ถ้าเป็น Lab ตอนเรียนปริญญาโทที่เป็น Project ของตัวเอง มหาวิทยาลัยก็จะมี work space ให้ของตัวเองค่ะ
สนใจเรียนต่อ University of Sheffield ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
รีวิว University of Sheffield
Nana : ที่มหาวิทยาลัยจะมี Club กับ Society เยอะมากเลยค่ะ สามารถเลือกเข้าได้ตามความชอบของเราเลยค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็จะมีพวกห้องสมุด ที่นั่งอ่านหนังสือ ถ้าที่ชอบไปก็จะเป็น The Diamond กับ Western Bank Library ค่ะ เขาจะมีแยกเป็นโซน Quiet Space ให้เราเลยแล้วก็จะมี Information Common ที่สามารถไปใช้คอมพิวเตอร์แล้วก็ปรินต์งานที่นั่นได้เลยค่ะ แล้วก็มียิมกับสระว่ายน้ำด้วยค่ะ
แล้วก็จะมี Student Union ที่มีปัญหาอะไรก็เดินไปบอกเขาที่นั่นได้เลย เขาก็จะช่วยแก้ปัญหาให้เรา หรืออยากรู้อะไรก็ไปถามได้เลยค่ะ ถ้าอยากหางาน อยากทำ CV ก็เดินไปหาที่ Student Union ไปบอกเขาได้เลย เขาจะมีโซนที่เป็นเกี่ยวกับ Career ให้เรา มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาอยู่ค่ะ แล้วก็ถ้ามีปัญหาเรื่อง Mental Health ก็ไปบอกเขาได้ เขาก็จะมีส่วนที่ช่วยสำหรับตรงนั้นเหมือนกันค่ะ
University of Sheffield สมาชิก Russell Group กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งสหราชอาณาจัร
โดยรวม University of Sheffield ถือว่าเกินกว่าที่คาดไว้มากค่ะ ตั้งแต่ในคลาสแล้วหนูชอบบรรยากาศในคลาสมาก เพราะว่าทุกคนกระตือรือร้นมาก กระตุ้นให้อยากเรียนมากขึ้น ให้ตั้งใจมากขึ้นค่ะ แล้วก็รู้สึกกล้าที่จะทำอะไร กล้าถามอาจารย์มากกว่าที่ไทย เพราะว่าที่ไทยทุกคนจะนั่งเงียบกัน (หัวเราะ) ทางมหาวิทยาลัยก็ Support ดีมาก ก็จะมี Support ทางด้านภาษาด้วย อย่างช่วงที่มาแรก ๆ เขาก็จะมีให้เราเลือกเลยว่าอยากเข้าไปเรียนเพิ่มด้านไหน ทางด้านการเขียน หรือการพูด หรือการฟัง เราสามารถเลือกไปด้าน Language Support ได้ค่ะ
รีวิวเมือง Sheffield ประเทศอังกฤษ
Nana : เมืองนี้ก็จะเงียบ ๆ ไม่ค่อยมีแหล่ง Shopping เยอะ แต่ว่าจะค่อนข้างปลอดภัยค่ะ เพราะว่าไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ ส่วนมากจะเป็นนักศึกษา ไม่ค่อยพลุกพล่าน เดินทางค่อนข้างง่าย เวลาไปไหนใกล้ ๆ ก็จะเดินเอา อย่างไปมหาวิทยาลัยก็จะเดินไป แล้วก็ถ้าจะออกนอกเมืองก็จะนั่ง Tram ไป ส่วนถ้าจะไปเมืองอื่นก็จะนั่งรถไฟ ก็ค่อนข้างสะดวก เช่น ไป Manchester, York แล้วก็ Leeds มันค่อนข้างใกล้เดินทางไม่ถึงชั่วโมงค่ะ
รีวิวการเตรียมตัวเรียนต่อ และการบริการจากพี่ Hands On
Nana : ตอนนั้นพอตัดสินใจได้ว่าจะมาเรียนต่อ ก็มีไปหาข้อมูล ไปงานเรียนต่อที่พี่ Hands On จัดที่โรงแรมค่ะ ตอนนั้นเจอพี่เกรซ แล้วพี่เขาก็แนะนำตั้งแต่เลือกมหาวิทยาลัย การเลือกคอร์ส วิธีการเขียน SOP (Statement of Purpose) การเตรียมตัว การเตรียมเอกสารต่าง ๆ ด้วยค่ะ แล้วงานนั้นก็ได้เจอกับมหาวิทยาลัยเยอะเลยค่ะ ได้เห็นหลาย ๆ คอร์สของหลาย ๆ มหาวิทยาลัยค่ะ แล้วก็การช่วยให้ได้คุยกับหลาย ๆ คนทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าเราก็จะไปเมืองไหน ไปมหาวิทยาลัยไหน ประมาณนี้ค่ะ
อย่างเรื่องคอร์สเรียน ตอนแรกหนูก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียนอะไร รู้แค่ว่าจะเรียนต่อสายวิทยาศาสตร์ที่เหมือนกับตอนป. ตรีเลยค่ะ แต่ตอนได้คุยกับพี่ Hands On แล้วพี่เขาก็ช่วยหาคอร์สมาให้ แล้วก็เจอคอร์สนี้ เพราะว่ามันเป็นเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพมากกว่า ตรงกับที่เราอยากเรียนมากกว่าก็เลยเลือกคอร์สนี้ค่ะ (ยิ้ม)
แล้วก็ก่อนบินมาเรียนที่นี่ พี่ Hands On ก็มีจัดงานให้ข้อมูล (Pre-departure Briefing เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง) ก็ช่วยให้เราอุ่นใจขึ้นเยอะมาก เพราะว่าตอนนั้นไม่ค่อยรู้อะไรเลยค่ะ ก็ได้เจอเพื่อน ๆ ที่ไปเมืองเดียวกัน ได้ทำความรู้จักกันก่อน แล้วพี่แต่ละคนก็ให้คำปรึกษาในแต่ละเรื่องดีมาก ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ การไปซื้อของในแต่ละที่ รวมถึงการทำบัตร การใช้ซิมโทรศัพท์อะไรแบบนี้ด้วยค่ะ
มีอะไรจะฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังวางแผนเรียนต่อมั้ยคะ
Nana : ก็ถ้าใครอยากมาเรียนต่อแล้วยังลังเล ไม่แน่ใจว่าจะไปมหาวิทยาลัยไหน หรือเรียนคอร์สอะไรก็มาถามพี่ ๆ Hands On ได้ค่ะ เพราะว่าพี่ ๆ เขาให้คำแนะนำดีมากค่ะ แล้วก็การมาเรียนต่อต่างประเทศถึงจะดูน่ากลัว แต่ว่าจริง ๆ เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่สนุกและคุ้มค่ามาก ๆ เลยค่ะ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ หลาย ๆ อย่างเยอะมาก ๆ แล้วก็โตขึ้นเยอะค่ะ