Hands On Education Consultants

รีวิว MSc Robotics ที่ Cranfield University โดย Vin

แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ

Vin: ครับผม ชื่อวิน นะครับ เป็นนักเรียนทุน ก.พ. จากกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเรียน MSc Robotics ที่ Cranfield University ครับ

ทำไมถึงเลือกเรียนต่อคอร์สนี้?

Vin: แรกสุดเลยคือเป็นความชอบส่วนตัวหลังจากเรียนจบวิศวกรรมเครื่องกลที่มหาวิทยาลัยที่ไทย ผมรู้สึกว่าเราชอบใน field นี้ แล้วก็อยากศึกษาต่อให้มีความรู้เพิ่มเติมแล้วก็เชี่ยวชาญด้านนี้มากขึ้นครับ และส่วนตัวก็คิดว่าสาขาวิชานี้เป็นอนาคตของอุตสาหกรรมแล้วก็ทางด้านการวิจัยครับ หลังจากเลือกว่าเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็สำรวจแหล่งทุนว่าเราจะไปเรียนด้วยเงินตัวเอง หรือว่าหาทุนจากที่ไหน และมีส่วนลดอะไรของทางมหาวิทยาลัยบ้าง แล้วก็ไปเลือกมหาวิทยาลัยนี่แหละครับ

 

การเตรียมตัวเรียนต่อ

ทำไมถึงมาลงตัวที่ Cranfield University เป็นเพราะทุนไหม หรือเป็นเพราะความสนใจส่วนตัวของเราเอง

Vin: อันนี้ตอนแรกผมเลือกหัวข้อเป็น Robotics ก่อนเลยครับ แล้วก็ได้ปรึกษากับพี่ที่ Hands On ว่า ถ้าเป็นสาขา Robotics อย่างนี้ผมจะเรียนที่ไหนได้บ้างในมหาวิทยาลัยของที่อังกฤษ เพราะว่าทางหัวข้อทุนเค้าก็เปิดมาแค่หัวข้อ Robotics ไม่ได้ระบุมหาวิทยาลัยมาครับ ผมก็เลยไปปรึกษากับทางพี่ Hands On ว่าถ้าเป็นหัวข้อนี้ผมไปที่ไหนได้บ้างครับ พอได้รายชื่อจากพี่ Hands On มาผมก็ไปศึกษาดูในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับ ranking ของแต่ละมหาวิทยาลัย แล้วก็ไป search ให้ตรงกับสาขาที่เราเรียน แล้วก็รู้สึกว่าที่ Cranfield มันจะเน้นด้าน aerospace กับ mechanical engineering คือมีชื่อเสียงด้านนี้โดยเฉพาะอยู่แล้ว พอเราคิดว่าถ้าเราอยากไปทำ robotics ที่เกี่ยวข้องกับ aerospace ก็คิดว่าน่าจะต้องเป็นที่นี่ แล้วเค้าก็มีแลป มีอุปกรณ์ให้พร้อมทุกอย่าง มีสนามบินเป็นของตัวเองอะไรอย่างนี้ครับ ก็เลยเลือกที่มหาวิทยาลัยนี้ครับ

สนใจเรียนต่อ Cranfield University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

บริการจากพี่ Hands On

Vin: พอคิดว่าจะไปเรียนต่อแล้วก็ไปต่อที่อังกฤษ ผมก็ไปหาในเว็ปไซต์ว่ามีงานอีเว้นต์อะไรบ้างที่เกี่ยวกับการศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ แล้วตอนนั้นไปที่แรกก็คือตอนที่ Hands On จัด (งาน Hands On Study Abroad Exhibition นิทรรศการเรียนต่อต่างประเทศ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีช่วงเดือน ตุลาคม/พฤศจิกายน) ผมก็เข้าไปที่งานแล้วก็ไปเดินดูที่มหาวิทยาลัย แล้วก็ไปติดต่อพี่ Hands On แล้วก็ได้นามบัตรมา ก็ติดต่อกับทางพี่ Hands On มาตลอดเลยครับ

เล่าให้ฟังหน่อยค่ะว่าพี่ Hands On ช่วยอะไรบ้าง?

Vin: ก็ตั้งแต่เริ่มต้นเลยครับ ที่เราไปก็จะมีมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เราก็ไปดูว่ามีมหาวิทยาลัยไหนที่มีสาขาที่เราเรียนต่อได้บ้าง ซึ่งก็คือ Robotics นะครับ แล้วก็ไปแจ้งกับพี่ Hands On ว่าจริง ๆ เราสนใจด้านนี้ยังมีมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่เปิดสอนสาขานี้และไม่ได้มาที่งานนี้และเราสามารถติดต่อได้ พี่เค้าก็ขอรายละเอียด contact ผมไป สักพักก็มีอีเมลเกี่ยวกับรายละเอียดคอร์สเรียนและเงื่อนไขของแต่ละมหาวิทยาลัยว่ามหาวิทยาลัยนี้ต้องใช้เกรดเท่าไหร่ แล้วคะแนนภาษาระดับไหน ก็ได้ข้อมูลมาให้เราได้ตัดสินใจ

ส่วนเรื่องเอกสารก็คือพี่ Hands On ดูแลทั้งหมดเลยครับ (หัวเราะ) ตั้งแต่เริ่มต้น ตอนเลือกมหาวิทยาลัย และหลังจากเลือกเสร็จพี่ ๆ เค้าก็จะดำเนินการสมัครเรียนต่อกับทางมหาวิยาลัยจนเราได้รับใบตอบรับ (offer) แล้วก็สมัครวีซ่า ทุกอย่างก็คือพี่ Hands On ดูแลจนได้ไปเรียนเลยครับ ก็มีทั้งด้านการอบรมเตรียมตัวเดินทาง (กิจกรรม Pre-departure Briefing) มีรายละเอียดที่เราต้องเตรียมตัว จนผมได้มาเรียนที่อังกฤษคือพี่ Hands On ดูแลทุกอย่างเลยครับ ก็ต้องขอบคุณมากเลยครับเพราะอย่างผมเองผมเคยเดินทางไปเที่ยว แต่พอไปเรียนเราก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องไปเจออะไรบ้าง ก็โดยทั่วไปผมจะหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ตมา พอมาที่อบรมของที่ Hands On คือมันจะมีข้อมูลประสบการณ์จริงหรือสิ่งที่ได้จากนักเรียนทุนปีก่อน ๆ หรือจากนักเรียนปีก่อน ๆ ที่ไปเรียนจากมหาวิทยาลัยโดยตรงว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทำให้เราได้รู้ว่าเราจะไปเจออะไรจริง ๆ หรือข้อมูลทั้งหมด ทั้งการเตรียมเสื้อผ้า อาหาร ยา หรือการซื้อตั๋วเครื่องบิน การจองที่พักที่อังกฤษพี่ ๆ ก็ช่วยดูให้ ดีมาก ๆ เลยครับ แล้วพี่ก็จัดให้ปีต่อปีด้วย มันทำให้ข้อมูลอัพเดทมาก ๆ

อย่างปีที่ผมไปมันก็เป็นปีที่ติดโควิดพอดี แล้วประเทศไทยก็เข้า red list บ้าง กระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ มันก็จะต้องเพิ่มมากกว่าสีเหลืองหรือสีอื่น พี่ ๆ ก็อัพเดทให้ตลอดเลยครับ

รีวิว MSc Robotics

Vin: ในคอร์สเรียนจะมีทั้งหมด 8 วิชาครับ ซึ่งแต่ละอันก็จะเป็นพื้นฐานที่นักเรียนที่เรียนสาขา Robotics ควรจะรู้ แล้วก็ควรจะมี คือทางมหาวิทยาลัยก็คิดไว้แล้วครับ

8 วิชานี้ก็จะมีทั้ง fundamental หรือ machine learning, AI, programming แล้วก็มี group project แล้วก็มีการทำ dissertation เพราะฉะนั้นมันก็จะเกี่ยวพันกันหมดทั้งคอร์สเลยครับ ส่วนมากทุกอย่างที่เรียน อย่างการใช้ AI machine learning แล้วก็การเขียนโปรแกรม หรือการใช้ machine vision ก็จะเรียนเฉพาะทางโดยตรง เค้าก็จะดึงมาทาง Robotics ว่าถ้าเป็นสายนี้จะเอาความรู้อะไรมาใช้ได้บ้าง ประมาณนี้ครับ พอเราเรียน taught course เสร็จ เราก็จะได้เอาความรู้ตรงนั้นมาทำ group project หรือมาทำ dissertation ของเราต่อ

แต่ก็มีบางตัวที่เราเหมือนไม่ค่อยเข้าใจกับมันมาก เพราะมันมีทั้ง 8 วิชาเราก็อาจจะได้ไม่ถนัดทั้ง 8 วิชานั้น อย่าง Artificial Intelligence and Machine Learning for Robotics อันนี้ก็ไม่ได้ลงลึกมากขนาดนั้นนะครับ แต่มันก็โอเคที่เราได้ความรู้พื้นฐานมา

เล่าเรื่อง group project ร้านอาหารให้ฟังหน่อยค่ะ?

Vin: group project ของปีที่ผมเรียนคือได้โจทย์ว่าทางร้านอาหารที่ MK Stadium เค้าต้องการหุ่นยนต์ที่จะเอามาเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารอัตโนมัติแทนคน เค้าก็อยากให้หุ่นยนต์เข้ามาเสิร์ฟแต่ละโต๊ะแทน เค้าก็เสนอ project นี้มาทาง course director และ course director ก็มี contact กับบริษัทที่ทำ UV robot นะครับ คือเป็น robot ที่เอาไว้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียตอนสมัยที่เป็นโควิด เค้าก็จะให้หุ่นยนต์ตัวนี้เข้าไปทำการฉายแสงฆ่าเชื้อโรคในห้องแทน เราก็ได้หุ่นยนต์ตัวนี้มาเป็น prototype ต้นแบบ ก็เอามา apply เพิ่มเติมเพื่อที่จะเอาไปเสิร์ฟที่ร้านอาหาร

ก็มีเวลาทำอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน ตอนผมทำในกลุ่มมีกันอยู่ 6 คนครับ เราก็จะแบ่งหน้าที่กันว่าใครจะทำอะไร ใครจะทำด้าน mapping navigation หรือใครจะทำเรื่อง application อะไรแบบนี้ครับ แล้วก็ประชุมกัน เหมือนเราได้ฝึกทำงานกลุ่มกับเพื่อนไปด้วย แล้วก็ได้เลือกหัวข้อที่เราจะทำ ที่เราต้องการ และสุดท้ายก็คือเค้าจะเชิญแขกหรือคนที่มีส่วนร่วมกับ project นี้ เข้ามาวันสุดท้าย เข้ามาชมว่านักศึกษาสามารถเอาหุ่นยนต์ตัวนี้ไปเสิร์ฟอาหารได้ หรือผลเป็นยังไง ก็ได้ไปทำการทดลองจริง ๆ ได้โชว์ผลงานจริง ๆ ที่ร้านอาหารเลยครับ

คอร์สนี้มันตอบโจทย์ที่เราตั้งไว้กับตัวเองไหมคะ?

Vin: ก็ถือว่าตอบโจทย์นะครับ ที่นี่อย่างที่รู้กันว่าเนื้อหาการเรียนมันจะเข้มข้น assignment มันก็ค่อนข้างจะ advance เลยครับ เราต้องรู้จริง ๆ เราถึงจะสามารถทำ assignment นี้ส่งไปให้อาจารย์ตรวจได้ พอมี assignment มา แล้วเราทำ assignment ได้ เราก็จะรู้สึกชอบวิชานั้น ๆ เลยครับ เพราะเราสนุกไปกับมัน (ยิ้ม)

พอสุดท้ายมาทำ group project และ dissertation ของเราเอง คือมันใช้ได้จริงครับ เพราะที่นี่เค้าก็จะมี connection กับทางอุตสาหกรรมด้วยครับ ทางมหาวิทยาลัยก็จะมีหัวข้อของ project มาจากทางอุตสาหกรรม แล้วเราก็ได้สัมผัสกับ robot จริง ๆ สามารถเอาความรู้มา apply ก็ robot จริง ๆ เออมันขยับได้ มันทำตามที่เราได้กำหนดไว้ คิดไว้ ก็เลยคิดว่ามันตอบโจทย์ที่เราตั้งใจไว้ว่าอยากเรียนเลยครับ

สนใจเรียนต่อ Cranfield University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

บรรยากาศในห้องเรียน

Vin: ตอนแรกที่เรียนเป็น taught course ตอนนี้ผมไม่แน่ใจความเค้าจะเปลี่ยนหรือยัง เพราะว่าเค้าจะรับ feedback ของนักเรียนที่เรียนจบไปแต่ละปี แต่อย่างปีของผมเองก็คือจะเรียน 5 วันต่อ 1 module ครับ แล้วก็ค่อนข้างที่จะเรียนหนัก เรียนตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นเลยครับ แล้วก็เรียน 5 วันต่อเนื่องจนจบ module นี้ จะปูพื้นฐานตั้งแต่ basic ไปจนถึง advance เลยครับ แล้ว assignment ก็จะเป็นแบบ advance ไปเลย พอจบอาจารย์ก็จะให้ assignment ไปทำประมาณ 2 – 3 สัปดาห์แล้วแต่

ส่วนเพื่อน ๆ ในคอร์สนี้มีประมาณ 30 คนได้ครับ จะคละกันหลาย ๆ ชาติ เป็นเพื่อนคนอังกฤษประมาณ 2 คน คนจีน 5 คน แล้วก็คนฝรั่งเศส 2 คน มีตุรกี แล้วก็ส่วนมากที่เหลือจะเป็นเพื่อนจากอินเดีย แล้วก็ผมเป็นคนไทยคนเดียวครับ ก็ในคลาสก็โอเคเลยครับ ทำทุกอย่างจะมี presentation มีการทำงานกลุ่มร่วมกัน แล้วก็ออกมา present เนื้อหาแต่ละขั้นตอน ก็จะมีงาน มี quiz ให้ทำ เป็นกลุ่มบ้าง เดี่ยวบ้าง อะไรแบบนี้ครับ

ในมุมผมคืออาจารย์ทุกคนดีมาก แล้วก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จริง ๆ คือเราอยู่ในห้องคือเค้าจะเปิดโอกาสให้เราแสดงความคิดเห็น หรือว่าถ้าเรามีคำถามก็สามารถถามได้เลย อาจารย์จะเน้นให้เรามีปฎิสัมพันธ์ในชั้นเรียน คอยถามเราว่าตรงนี้เป็นยังไง แล้วหลังจากที่อาจารย์สอนเรา ในช่วงบ่ายก็จะมีแลป เพื่อทบทวนดูว่าเนื้อหาหรือทฤษฎีที่สอนไปเมื่อเช้าเราเข้าใจไหม ก็ประทับใจตรงนี้ครับ คือในแลปถ้ามีปัญหาอะไรก็สามารถถามอาจารย์ได้โดยตรงเลย แล้วก็ถ้ามีปัญหาหรือคำถามหลังจากนั้นก็สามารถอีเมลไปถามได้ตลอดเลยครับ หรือในระหว่างที่เราได้รับ assignment ถ้าเรายังไม่เข้าใจ เจอปัญหาระหว่างที่ทำงานก็สามารถอีเมลไปถามอาจารย์ได้ตลอดครับ หรือจะทักไปคุยกับเค้า เค้าก็สามารถเรียกเราไปคุยเพิ่มเติมได้เลยครับ

Cranfield University

Facility ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้ เป็นอย่างไรบ้างคะ?

Vin: จริง ๆ ตั้งแต่ไปถึงทางมหาวิทยาลัยเค้าก็มีบริการรับส่งที่สนามบินมาถึงที่มหาวิทยาลัยเลยครับ พอมาถึงที่มหาวิทยาลัยก็จะมีทั้งทีมบริการดูแลนักศึกษา ผมเรียกเค้าว่าทีม SAS นะครับ ถ้ามีปัญหาอะไร อย่างตอนที่ผมป่วย หรือว่าใกล้ชิดคนที่ติดโควิดสมัยนั้นตอนที่มาตรการมันยังเข้มงวดอยู่ เราก็สามารถปรึกษาเค้าได้ เค้าสามารถช่วยเหลือหรือให้ข้อมูลเราได้ทุกเรื่องเลย หรือถ้าเราป่วยเราก็สามารถยื่นขอการยืดระยะเวลาการส่ง assignment เราก็สามารถปรึกษาเค้าได้ตลอดเลยครับ คือทุกเรื่องตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสามารถอีเมลหรือโทรศัพท์ไปหาเค้าได้เลย ทางทีมเค้าก็จะรีบตอบแล้วก็ดูแลเราครับ

ส่วนเรื่องอุปกรณ์ของสาขาวิชาที่ผมเรียน ก็คือในทุกวิชาที่เค้าสอนเค้าจะมีอุปกรณ์ให้หมดเลย อย่างสมมุติเรียน machine vision เค้าก็จะมีอุปกรณ์ให้นักศึกษาคนละตัวเลย ให้เราเอาไปใช้ต่อกับคอม ทำการทดลอง หรือเอาไปใช้ test อะไรที่เราต้องการ

หรืออย่างถ้าต้องการใช้อุปกรณ์อะไรในแลปเค้าก็พร้อมมากครับ เราสามารถไปเบิกได้เลย อย่างตอนที่ผมทำ group project เค้าก็ให้ robot มากลุ่มละตัวเลย หรือถ้าเราทำ dissertation ส่วนตัวของเราเองเราก็จะได้ robot มาใช้เองเลย หรืออยากได้อุปกรณ์อะไรในนั้นก็สามารถแจ้งอาจารย์แล้วก็เข้าไปใช้งานได้เลยครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมเลยครับ มหาวิทยาลัยออกให้หมด

อย่างตอนที่ผมทำ group project ผมก็จะได้รับ project มาจากร้านอาหารใน Milton Keynes Stadium ทุกครั้งที่เราเดินทางมหาวิทยาลัยเค้าก็จะช่วย support เรื่องค่าเดินทาง ค่าใช้จ่าย เค้าก็ support ให้เราทุกอย่างเลยครับ ทุกอย่างที่เราอยากได้ อย่างอุปกรณ์เพิ่มเติม อยากซื้อ sensor ก็ไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาหรือ course director ก่อน ว่าเราจำเป็นที่จะต้องใช้ตัวนี้นะ เค้าก็จะทำเรื่องไปขอหรือเบิกอุปกรณ์ หรือไปหามาให้เรา เพราะว่าถ้ามันจำเป็นอะไรแบบนี้ครับ แต่ส่วนมากแลปของมหาวิทยาลัยจะมีอุปกรณ์จำเป็นในแลปแล้วทั้งหมดครับ เพราะก่อนที่อาจารย์จะให้ project หรือ assignment ต่าง ๆ มาเค้าก็จะดูโดยรวมว่าอุปกรณ์ที่มันจำเป็น มันมีอยู่ในแลปไหม และพร้อมที่จะให้เราทำงานหรือใช้งานได้รึป่าว

เรื่องหอพักก็จะมีการดูแลเรื่องระบบไฟฟ้า อัคคีภัย จะมีเข้ามาดูแลเรื่อย ๆ และจะมีอีเมลมาแจ้งเราก่อนว่าจะมีการเข้ามาดูแลนะ หรือจะมาล้างฝักบัวให้นะ ถ้ามีอะไรเสียหายในห้องเค้าก็จะส่งช่างมาซ่อม เช่นผมเคยท่อน้ำรั่ว ก็ส่งเมลไปบอกเค้า เค้าก็ให้ช่างวิ่งมาซ่อมให้

สนามกีฬาก็มีให้ครับ สนามเทนนิส สนามแบดมินตัน สนามฟุตบอล ฟิตเนส ก็มีให้หมดครับ แต่อย่างฟิตเนสจะมีค่าใช้จ่ายรายเดือน แต่สนามอื่นถ้าเราเล่นตาม club time ก็คือฟรีครับ ให้เราเข้าไปใช้กับเพื่อน ๆ จะเป็น whatsapp group เค้าจะมีการตั้งกลุ่มไว้ วันไหนเค้านัดไปเล่นสนามไหนก็จะมีแจ้ง ถ้าเราไปตามเวลานัดก็สามารถเข้าไปเล่นได้ฟรีเลยครับ หรือถ้าเราอยากเช่าสนามเองก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ ก็ไม่ได้แพงมากนะครับ ประมาณ 3 – 5 ปอนด์ แล้วแต่ว่าเราจะเลือกสนามอะไร คือมีทุกอย่างครับ

สนใจเรียนต่อ Cranfield University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก

 

เมือง Cranfield ประเทศอังกฤษ

Vin: ผมว่าแล้วแต่ทัศนคติของแต่ละคนนะครับ อันนี้อาจจะเป็นข้อเสียของ Cranfield ที่ว่ามันค่อนข้างไกลเพราะมหาวิทยาลัยมีสนามบินเป็นของตัวเอง ค่อนข้างเป็นชนบท มีสนามบิน ทุ่งหญ้า ทุ่งนาที่ล้อมรอบ ถ้าคนที่คาดหวังว่าไปแล้วจะได้ใช้ชีวิตในเมือง ออกมาจากหอพักแล้วหาอะไรกินได้เลย ก็อาจจะไม่ใช่ฟีลนั้น เพราะการเดินทางก็ค่อนข้างจะใช้เวลาเพื่อเข้าไปในเมือง ต้องนั่งรถบัสประมาณ 35 – 40 นาทีเพื่อที่จะออกไปจากมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าเมืองอะไรแบบนี้ครับ ตัวมหาวิทยาลัยเองก็จะมี Co-op ที่เป็น union store ที่เหลือถ้าเราอยากไปกินอาหารข้างนอก อยากไปเดินเที่ยว ช้อปปิ้งก็ต้องนั่งรถบัส หรือจะเรียกแทกซี่มารับอันนี้ก็อาจจะแพงหน่อย อันนี้ก็อาจจะเป็นข้อเสียเดียวของ Cranfield

แต่ข้อดีก็คือมันไม่วุ่นวายครับ โฟกัสกับการเรียนได้เต็มที่ ไม่วุ่นวายอะไรเยอะ มีข้อดีข้อเสียครับ

ถ้าจะเข้าลอนดอนทำยังไงคะ?

Vin: ผมเข้าลอนดอนหลายรอบนะครับ ตอนแรกคิดว่ามันไกล แต่ว่าก็ไม่ลำบากครับ นั่งรถบัสจากมหาวิทยาลัยไป Milton Keynes Station ได้เลย คือพอไปถึงที่สถานีแล้วเราก็นั่งรถไฟต่อไปประมาณ 40 นาทีก็ถึงลอนดอนแล้วครับ

พอถึงลอนดอนก็เดินทางสะดวกครับ โดยรวมประมาณไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็ถึงลอนดอนครับ นั่งบัสออกจากมหาวิทยาลัยแล้วก็นั่งรถไฟต่อ คือมันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น

การใช้ชีวิตอื่น ๆ ละคะ ไปเที่ยวที่อื่นบ้างไหม

Vin: ส่วนมากผมจะนั่งรถไฟไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ที่เมืองอื่นครับ มีไป Brighton ก็ค่อนข้างสะดวกครับ เวลาไปเที่ยวเราสามารถซื้อตั๋ว หรือจองตั๋วได้ผ่าน application แล้วมันก็จะมีการประมาณราคาไว้ให้ว่าเที่ยวนี้รอบกี่โมงราคาเท่าไหร่ แล้วเราก็สามารถเลือกเที่ยวที่ถูกหน่อยไปให้ตรงเวลา ก็เลือกแล้วก็ซื้อออนไลน์ได้เลย พอไปถึงที่สถานีก็สามารถใช้ QR Code แสกนแล้วก็ขึ้นรถไฟได้เลย

จริง ๆ การเดินทาง พอออกไปจากตัวมหาวิทยาลัยแล้วก็ค่อนข้างที่จะสะดวกนะครับ เพราะอยู่ที่มหาวิทยาลัยต้องรอรถบัส ประมาณ 35 – 40 นาทีก็มีคันนึงครับ มันจะมีไปได้ทั้งเมือง Bedford หรือจะไป Milton Keynes ก็จะเป็นเมืองสองฝั่งของ Cranfield เลยครับ อยู่ที่ว่าเราอยากไปเมืองไหน อย่าง Bedford ก็จะเป็นเมืองที่เป็นเมืองเล็ก ๆ มีร้านอาหารมีของขาย แต่ถ้าเป็นที่ Milton Keynes ก็จะมี community mall แล้วก็สถานีรถไฟที่เชื่อมไปที่อื่นได้

คุยเรื่องนักเรียนไทยกันบ้าง

Vin: ก็มีครับ เราก็มีกลุ่มนักเรียนไทย มีกลุ่มไลน์ มีนัดไปทานข้าวกัน อย่างปีผมไปก็มีประมาณ 10 – 12 คนครับ ก็จะเรียนสาขาที่ต่างกันไป มี management หรือ logistics บ้าง หรือทาง engineering ก็จะมีทาง mechanical บ้างอะไรแบบนี้ครับ ทุกคนก็จะเรียนกัน แล้วก็นัดมากินข้าว หรือไปคลับที่มหาวิทยาลัยหรือร้านอาหาร ก็มีการนัดกันบ้างครับ

 

เคล็ดลับการสมัครขอทุนการศึกษา

กลับมาถึงหัวข้อทุนการศึกษาบ้าง น้อง ๆ หลายคนน่าจะรออ่านอยู่ เคล็ดลับการหาทุนของเรา

Vin: อย่างแรกเลย พอเราเลือกเป็นประเทศอังกฤษแล้วใช่ไหมครับ เราก็ไปดูว่าถ้าเราจะไปที่อังกฤษมันมีทุนอะไรบ้าง แล้วก็อย่างผมเองก็หาจากหลายทุนนะครับ มีทั้งทุน ก.พ. ทุนมหาวิทยาลัย หรือทุนของรัฐบาลอังกฤษ เราก็มาดูว่าทางทุนเค้าต้องการอะไรบ้างที่เราจะไปเรียน และเค้าเน้นทางสาขาไหน ตรงกับสาขาที่เราสนใจรึป่าว

ซึ่งตอนที่ผมจะไปมันเป็นช่วงเวลาที่ทุน ก.พ.เปิดรับสมัครพอดี ก็เลยลองเปิดเข้าไปดู ว่ามันมีหัวข้อที่เราอยากเรียนไหม พอเจอหัวข้อแล้วก็ดูว่าหัวข้อนี้มันไปสังกัดกับหน่วยงานไหนของหน่วยงานรัฐบาลไทย คือเราก็พิจารณาจากหลายส่วนเลยว่าถ้าเราเรียนจบกลับมาเราจะต้องกลับมาสังกัดที่นี่นะ เราจะได้ทำงานใกล้ที่บ้านเราไหม ไม่ใช่แค่เรื่องทุนอย่างเดียว แต่ว่าพอเรียนจบกลับมาแล้วเราจะต้องมาทำงานอะไร ใช้ทุนที่ไหน แล้วเราสามารถเดินทางสะดวกไหม จะเป็นที่ทำงานที่เราโอเคไหม ประมาณนี้ครับ

แล้วผมก็มีความตั้งใจอยู่แล้วว่าอยากศึกษาต่อถึงระดับปริญญาเอกเลย เราก็มาดูว่าหัวข้อนี้มันสามารถทำให้เราเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอกได้เลยไหม แล้วเราสามารถสมัครไปและกลับมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยได้เลย ก็เป็นอาชีพที่อยากเป็นอยู่แล้วนะครับ ก็ได้ทุนนี้มา ได้หัวข้อที่เราอยากทำ ก็เลยคิดว่าทุนนี้เป็นทุนที่เหมาะกับเราครับ

ทุน ก.พ. กระทรวงวิทย์

Vin: ที่ผมได้รับมาจะเป็นทุนทั้งปริญญาโทและปริญญาเอกตั้งแต่แรกเลยครับ ในตอนที่เค้าเปิดรับสมัครเค้าจะบอกเลยว่าทุนนี้ให้ไปเรียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร ในระดับไหน สังกัดที่ไหน ก็จะมีรายละเอียดบอกเลย เราก็ลองเข้าไปอ่านและศึกษารายละเอียดดูว่าที่เค้าให้มามันตรงกับที่เราต้องการไหม

ข้อสอบยากไหมคะ?

Vin: ก็ถือว่ายากนะครับ เพราะว่าจะมีวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งภาษาอังกฤษ ผมคิดว่าถ้าเราคุ้นกับการทำข้อสอบพวก TOEIC ก็น่าจะทำได้ ถ้าได้ TOEIC ประมาณ 700 – 800 ก็ไม่น่าจะมีปัญหา น่าจะสอบได้ครับ

อีกอันหนึ่งก็จะเป็นเชาว์ปัญญา พวกคณิตศาสตร์ ภาษาไทย ก็ต้องฝึกทำเยอะ ๆ ครับ ลองซื้อหนังสือหรือลองฝึกทำในเว็ปไซต์ดู ตอนที่ผมไปสอบก็ไปดูในเว็ปไซต์ว่ามันจะมีข้อสอบแนวไหน หรือออกเนื้อหาอะไรบ้าง ดูแนวข้อสอบก่อน ในเว็ปของ ก.พ. ก็จะมีแบบทดสอบให้ลองฝึกทำก่อน เราจะได้รู้ว่าข้อสอบมันจะเป็นแนวไหน คือเน้นทำข้อสอบแล้วก็หาตัวเองให้เจอครับว่าเราอยากทำอะไรชอบหัวข้อไหน ประมาณนี้ครับ

มีอะไรอยากฝากเพิ่มเติมไหมคะ?

Vin: ก็เราเป็นนักเรียนไทยนะครับ อย่างผมก็ได้รับวัฒนธรรมการเรียนมา มันก็จะมีข้อนึงที่ผมคิดว่าเราต้องปรับตัวคือเรื่องการแสดงความคิดเห็นหรือการถาม เพราะบางทีเราก็กลัวหรือเราอายที่จะถาม หรือเกรงใจ แต่วัฒนธรรมการเรียนที่อังกฤษเราสามารถแสดงออก เมื่อเราไม่รู้เราสามารถถามได้เลย หรือสงสัยอะไรก็ถามได้เลย เราจะได้รู้ตรงนั้น มันไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาอะไรเลย ให้เรามีความมั่นใจในตัวเองถามคำถามที่เราสงสัยหรืออยากรู้ออกไปครับ ถ้าเราอยากรู้ เราอยากแสดงความคิดเห็นอะไรออกไป เราสามารถทำได้เต็มที่ มันจะได้รับ feedback หรือได้รับคำตอบกลับมา ทำให้เราไปถึงคำตอบได้และจะทำให้การเรียนของเราสนุกมากขึ้นครับ (ยิ้ม)

ส่วนการใช้ชีวิต ผมว่าก็เหมือนที่ประเทศไทยนะครับ ผมว่าโดยรวมคนอังกฤษก็ค่อนข้างเป็นคนที่มีมารยาทแล้วก็เป็นคนเกรงใจคน เราทำอะไรเราก็ต้องคิดถึงส่วนรวม คือโดยส่วนรวมถ้าเรารู้มารยาทที่ดีที่เราทำอยู่ที่ประเทศไทยเราสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นได้อย่างไม่มีปัญหา คือผมว่าวัฒนธรรมคนไทยเป็นคนรักสงบแล้วก็เป็นคนสุภาพอยู่แล้วด้วย ไปที่อังกฤษก็ไม่ต้องปรับตัวอะไรมากครับ

ปิดท้ายที่ว่าการเดินทางการท่องเที่ยว ไม่ได้ลำบากขนาดนั้นนะครับ (ยิ้ม)

คือออกไปจากมหาวิทยาลัย นั่งรถบัสออกไปแล้ว หรือแม้แต่ว่าเราจะเช่ารถขับ ก็สามารถทำได้ครับ อย่างผมเองก็มีโอกาสเช่ารถขับเหมือนกันเพราะเค้าขับข้างเดียวกับประเทศไทย เราก็สามารถทำใบขับขี่สากลไปได้ อย่างผมเลือกทำไว้แบบ 3 ปี เราก็สามารถเอาใบขับขี่สากลไปยื่นเวลาที่เราจะเช่ารถขับได้ครับ ก็ไม่ได้ขับยากมากครับ เหมือนเราขับที่ไทยแต่ต้องทำตามกฎของเค้า ก็อาจจะมีวงเวียนเยอะหน่อย การท่องเที่ยวหลายอย่างก็สนุกครับ มีไป road trip บ้างกับเพื่อน ก็ช่วยกันดูแผนที่ หาเส้นทาง ช่วย ๆ กันหาที่เที่ยว เราก็แพลนไปก่อนว่าเราจะไปไหนบ้าง พักที่ไหน จองที่พักไปก่อน ก็สนุกดี แล้วก็เป็นความท้าทายใหม่ ๆ เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ของเรา สนุกครับ

คือผมว่าทั้งการเรียน การใช้ชีวิต การท่องเที่ยว เราสามารถทำได้ คนที่ได้มาเรียนก็น่าจะมีความสุข ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่อังกฤษครับ

 

สนใจเรียนต่อ Cranfield University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง