แนะนำตัวให้เรารู้จักหน่อยค่ะ
Queen: สวัสดีค่ะชื่อควีนนะคะ ตอนนี้เรียน Pre-sessional คลาสปูพื้นฐานอังกฤษ เพื่อที่จะต่อ ป.โท คอร์ส Master of Marketing อยู่ที่ Swinburne University of Technology ค่ะ
Q: เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะว่าทำไมถึงตัดสินใจมาเรียนต่อที่ออสเตรเลีย?
Queen: คือควีนเลือกออสเตรเลียเพราะว่าแม่บอกว่าอยู่ง่าย คือแม่เคยมาแล้วก็มีญาติอยู่ที่นี่ด้วย แต่ว่าอยู่นอกเมืองซึ่งควีนไม่ได้รู้จักกับญาติคนนั้น และที่ประเทศออสเตรเลียเค้ามีความหลากหลายสูง เราก็รู้สึกว่าเราต้องมีเพื่อนแน่ ๆ แต่ถ้าเราไปประเทศอื่น ก็อาจจะมีแต่ฝรั่ง แล้วตอนแรกเราก็เลือกอยู่หลายเมืองเลยของออสเตรเลีย แต่ว่าที่เลือก Melbourne เพราะเค้าบอกว่าการเดินทางดีสุด ง่ายสุด แล้วก็จริงนะ แต่อาจจะมีเลทไปบ้าง (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้ติดอะไร ค่าใช้จ่ายก็แอบสูงอยู่นะคะแต่ว่าทุกอย่างก็ครอบคลุม
Q: แล้วทำไมถึงเลือกเรียนต่อกับ Swinburne University of Technology คะ?
Queen: เลือก Swinburne University of Technology ตอนแรก คือ fix ไปก่อน เพราะได้คุยกับพี่ Hands On นี่แหละค่ะ บอกพี่ consult ไปว่าควีนทำงาน marketing มาก่อน แล้วควีนก็ fix ไว้แล้วว่าอยากเรียน Digital Marketing มันก็เลยจำกัดตัวเลือกไม่กี่มหาวิทยาลัยอยู่แล้ว แล้วก็มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มักจะอยู่ในเมือง แต่ควีนเลือกมหาวิทยาลัย Swinburne เพราะว่าอยากหนีจากในเมือง อยากได้บรรยากาศที่มาเรียนจริง ๆ ก็เลยเลือกที่ Swinburne ค่ะ แล้วที่มหาวิทยาลัยก็มีทุนการศึกษา 30% ให้ด้วย
Q: ช่วงนี้เรียน Pre-sessional กับมหาวิทยาลัย Swinburne เรียนเป็นยังไงบ้าง?
Queen: Pre-sessional to Master of Marketing ที่ Swinburne University of Technology ของควีนเรียน 10 week มีสอบทุก 5 week ค่ะ นี่เดี๋ยวกำลังจะสอบ มีสอบ 2 ครั้ง ก็คือเหมือนสอบเลื่อนลำดับคอร์ส แต่ว่ามันไม่ได้เป็นคอร์สภาษาขนาดนั้น เหมือนเค้าจะมีให้เขียนเพื่อพรีเซนต์ และหา research ทำประกอบ assignment ค่ะ การส่งงานแต่ละรอบก็เหมือนการเขียน project ส่งแบบนั้นเลย ส่วนตอนสอบพูดก็คือ ให้เราออกมา present เลย ว่าเราทำ research อะไรมาบ้างใน 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา
หัวข้อให้ research จะเกี่ยวกับคณะที่เราเรียน เช่น ควีนเรียน Digital Marketing ใช่ไหมคะ เค้าก็จะให้เรา relate ว่าคุณคิดว่า Digital Marketing จะมีด้านไหนที่เกี่ยวข้องกับ Global Issue อย่างตอนนี้ที่ควีนทำก็คือ ควีนเลือกเป็นหัวข้อ Security แล้วควีนก็เลือกเจาะลงไปเลยว่าควีนจะทำเกี่ยวกับเรื่อง PDPA เพราะว่าถ้าเราจะทำ Digital Marketing เนี่ย มันก็ดูเป็นเรื่องเป็นราวอยู่เพราะว่าเค้าสอนให้เราทำและคิด beyond ก่อนที่เราจะไปเรียนต่อปริญญาโท ควีนว่ามันก็ดีที่ให้เราได้เรียนก่อน งานไม่หนักนะคะ คืองานมีชิ้นเดียวแหละ แต่ว่าเค้าจะให้ส่ง draft ตลอด ซึ่งทุกครั้งที่ส่ง draft ก็มีต้องแก้บ้างค่ะ
Q: รีวิวบรรยากาศในห้องเรียน Pre-sessional และอาจารย์ที่สอนให้ฟังหน่อยค่ะ
Queen: ในห้องก็คือ อันนี้อาจจะเป็นคอร์สภาษาด้วย เค้าก็จะเวียนที่นั่ง ไม่ให้นั่งแต่กับเพื่อนตัวเอง สมมติว่าเรานั่งด้วยกันกับเพื่อนอยู่ เค้าก็จะให้เรานับ 1 2 3 4 เพื่อกระจายย้ายที่อยู่ดี เพื่อให้เราได้รู้จักกันทั้งห้อง พอเราเปลี่ยนที่ยังไงเราก็ต้องได้คุยกับเพื่อนทั้งห้อง เพื่อนปริญญาโทจากคนละคอร์สที่มาเรียน Pre-sessional แล้วแยกย้ายไปก็ยังได้คุยกัน อยู่ที่ว่าจะสนิทหรือไม่สนิทกันแค่นั้นค่ะ ควีนว่าด้วยความที่เค้าก็อยากใช้ภาษากัน ทุกคนก็เลย friendly ต่อกัน แต่ของควีนน่ารักอย่างนึงคือ จะชวนกันกินข้าวตลอด 15 คน แบบเอาข้าวมาไหม ก็คือชวนกันไปกินตรงโรงอาหารจะได้นั่งคุยกัน ทุกคน friendly แล้วก็ช่วยกัน เพราะเหมือนเรามาเริ่มเรียนด้วยกันค่ะ (ยิ้ม)
อาจารย์ก็ดีมาก คือเค้าเข้าใจเราจริง ๆ อย่างของควีนคืออาจารย์เค้าก็พูดเลยว่า ยูมาเรียนภาษาเพื่อให้ได้ภาษา ส่วนชั้นเป็นเจ้าของภาษา มีอะไรก็สามารถมาถามได้เลย ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้เลย เราจ่ายเงินมาเรียนแล้ว อาจารย์เค้าก็ประมาณว่าช่วยคุยกับชั้นหน่อย เค้าพูดแบบนี้ตั้งแต่แรก ๆ ที่เรียนเลย แล้วอาจารย์ก็คือเป็นแบบนี้ทุกคน แล้วพอดีครูทั้ง 3 คน มีครูคนนึงอารมณ์ครูภาษาไทย แบบไทย ๆ เลย ที่เคร่งแบบ เค้าก็จะคอยดูตลอดว่าอันนี้เป็น plural อันนี้เป็น singular คุณรู้ใช่ไหมว่าอะไรจะต้องเติมอะไร อาจารย์จะคอยจี้ คอย take care เราตลอดเป็นอย่างดี แล้วก็คอยให้การช่วยเหลือทุกเรื่อง แล้วเค้าจะจำขื่อเด็กได้หมดเลย อย่างบางคนชื่อยาว 3 – 4 พยางค์ เค้าก็จำได้นะ เค้าน่ารักอะ แบบพยายามจำชื่อนักเรียนให้ได้ทุกคน
แต่ของน้องควีนเค้าจะเรียกชื่อน้องควีนเป็นชื่อจริง เพราะควีนในภาษาอังกฤษความหมาย Queen ด้วยค่ะ (หัวเราะ) แต่พอดีชื่อจริงควีนมันอ่านง่ายอยู่ ชื่อ ธีรษา แล้วพอมาอยู่ที่นี่ก็จะกลายเป็น Teresa ไปเลย ครูและทุกคนก็เลยถาม ว่า ยู ตั้งใจชื่อนี้เพื่อจะมาเรียนที่นี่หรอ ทำไมพ่อแม่ถึงตั้งชื่อไทยที่มันพูดเป็นภาษาอังกฤษได้ หนูก็บอกว่าน่าจะใช่นะ เค้าน่าจะคิดมาแล้ว
Q: แล้วคอร์ส pre-sessional เค้าให้การบ้านเรายังไงบ้างคะ?
Queen: ส่วนใหญ่ สัปดาห์แรกที่เข้าเรียน เค้าก็จะบอกเลยว่าให้เราทำอะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นงานชิ้นเดียว เช่น เค้าจะให้ทำโปรเจกต์ซึ่งจริง ๆ แล้วมันคือคล้าย ๆ กับตัว draft ของวิทยานิพนธ์ค่ะ คือมันจะต่อเนื่องกัน อย่างในคอร์ส เค้าจะให้เราเรียนคอร์ส 5A กับ 5B คือตอนนี้ควีนเรียนคอร์ส 5A อยู่ เราต้องทำเป็น draft ส่งให้เค้า โดยหา research article 5 ตัว ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของเรา เช่น ถ้าเราทำหัวข้อ PDPA ก็ต้องเจาะไปเลยว่าเราจะทำข้อมูล research ของประเทศไหน ช่วงปีไหน
ถ้าเกิดว่าช่วงคอร์ส 5A เราทำงานส่งได้ดี แล้วมันช่วยซัพพอร์ตและตรงกับแนวหัวข้อเรา ตอนเข้าคอร์ส 5B งานก็จะง่ายขึ้น เพราะตอน 5B เค้าจะให้เขียนเป็นชิ้นงานเลย ว่าเราทำ research จาก 5 article แล้วเราได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง แล้วเราคิดว่าอะไรมันจะ continue ต่อไป ซึ่งอันนี้จะนับเป็นคะแนนของโปรเจกต์ไปเลย แล้วตอบเวลาสอบเค้าก็จะมีแยก part มีฟัง มีพูด มีอ่าน มีเขียน เป็นทักษะภาษาอังกฤษทั่วไป เหมือนจะเรียน IELTS อะไรอย่างนั้นเลยค่ะ ตอนสอบฟัง ก็คือมีเทปให้ฟังค่ะ ฟังได้แค่สองรอบ เขียนสรุป แล้วก็ส่ง แล้วคะแนนก็จะสรุปออกมา ซึ่งคะแนนทุก part ตรงนี้จะต้องได้ไม่ต่ำกว่า 60% เราถึงจะได้เลื่อนไปคอร์สต่อไป แล้วที่นี่เค้าก็จะซีเรียสเรื่อง plagiarism มาก แบบมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) คือตอนแรกความไทย เราก็ยกมาแล้วพูดว่าคนนี้กล่าว อะไรแบบนี้จบ แต่ที่นี่คือไม่ได้เลยเราต้องเปลี่ยนทั้งหมด
Q: ระหว่างเรียน Pre-sessional แบบนี้ต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาส่วนตัวไหม? แล้วคลาสนึงมีนักเรียนกี่คนคะ?
Queen: มีค่ะ ก็คือสมมุติในคอร์สมี 3 คน เราอาจจะเรียนกับคนที่ 1 กับ 2 แต่ว่าคนที่ตรวจเราจริง ๆ จะมีแค่คนนี้คนเดียว เค้าจะคอยตบหัวข้อและงานเราให้เข้าที่ เช่น ถ้าหัวข้อเรากว้างไป หรือ อะไรแบบนี้ค่ะ
ในห้องเรียนควีนมีสิบกว่าคน ประมาณ 15 คนค่ะ มีคนอินโดนีเซีย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเอเชีย ก็ต่างชาติเยอะนะ เพราะเรียนภาษาส่วนใหญ่จะเป็นฝั่งเอเชีย เวียดนาม เขมร คนจีนไม่เยอะเท่าไรในคลาสของควีน มีแค่ 2-3 คนค่ะ และตอนนี้มีเรียนรวมกับเพื่อนปริญญาโทหลายสาขาค่ะ ก็คือทุกคนจะเริ่มเรียนปีหน้าเหมือนกัน แค่คนละคอร์ส ควีนมีเพื่อนเรียนปริญญาโท Digital Marketing ด้วยกันคนเดียว แต่ว่าอีก 15 คนเค้าก็เรียนต่างคอร์สกันออกไป
Q: คิดว่าภาษาที่เราเรียนตอนนี้ มันจะสามารถเอาไปใช้ตอนเรียนหลักสูตรปริญญาโทได้จริง ๆ ไหมคะ?
Queen: ด้วยความที่เค้าให้เราพรีเซนต์เลย ตอนแรกควีนก็นึกว่าเค้าจะให้แค่ฟัง พูด อ่าน เขียน อะไรแบบนี้ แต่ที่นี่เค้าไม่ได้เริ่มสอนตั้งแต่ grammar เหมือนพวกโรงเรียนภาษาแบบนั้น คลาสที่เรียนทั่วไปที่เรียน ฟัง พูด อ่าน เขียน ก็ไม่ได้ให้ท่องอยู่แล้ว เค้าก็จะมี article ให้อ่าน ซึ่งก็จะไม่ใช่ article สั้น ๆ แต่จะเป็นอะไรที่กว้างหน่อยเช่นเรื่อง global ก็เอาไปใช้เป็นความรู้รอบตัวได้ สอนให้เราเตรียมพูดพรีเซนต์ และวิธีการทำ research article ยังไง และหลังจากจบคอร์สนี้ไปแล้วเราจะต้องไปทำอะไรประมาณไหนยังไง
Q: ทำไมถึงเลือกเรียนต่อคอร์สปริญญาโท Marketing? หรือเพราะว่าเราเคยทำงานในสายนี้มาก่อน?
Queen: ใช่ค่ะ คือจริง ๆ ทำด้าน marketing แบบที่เป็น Marketing ทั่วไป Sale อะไรแบบนี้ คือควีนทำงานอยู่ที่ธนาคาร หน้าที่ตอนนั้นก็จะเป็นการขายกองทุนไปเลย แล้วคือควีนชอบคุยกับคน ควีนก็เลยคิดว่ายังไงควีนก็จะมาด้าน Marketing นี่แหละ แล้วก่อนตัดสินใจมาเรียน พอดีได้ทำ Application ของธนาคารนี่แหละ แล้วก็เป็นคนทำ tester พอทำแล้วเราก็อยากรู้ว่ามันทำยังไง พอได้ทำโปรเจกต์นั้น เราก็เลยอยากรู้ว่ามันมีกลไกอะไรยังไง ก็เลยรู้สึกว่าอยากเรียน Digital Marketing ค่ะ ก็ลองคิดต่อยอดไว้ว่าถ้าในอนาคตยังอยากทำ Marketing อยู่ จะมีด้านไหนที่เราโอเคบ้าง ก็เลยเลือกมาอันนี้
อาจจะเพราะทำงานด้วยแหละ มันก็เลยเป็นอีกมุมหนึ่ง คือเราลองจับโปรเจกต์นั้นแล้วเรารู้สึกว่ามันต่อยอดได้มากกว่า จริง ๆ ไม่รู้ว่าควีนชอบไหม อย่างตอนเรียนปริญญาตรี ควีนก็ไม่ได้เรียนด้าน Marketing แต่พอได้มาทำงานก็รู้สึกว่ามันก็โอเค มันก็สนุกได้ใช้ ได้คุยกับคนด้วย ได้ใช้ระบบความคิดของมันด้วย เราก็เลยอยากเรียนค่ะ
Q: ความประทับใจหลังได้มาเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย เป็นยังไงบ้างคะ?
Queen: “คน” จริง ๆ ค่ะ ควีนให้เรื่อง “คน” เลย แบบว่าไม่ได้หมายถึงแค่คนที่มหาวิทยาลัยด้วยนะ แต่หมายถึงคนทั่วไปด้วย เหมือนเค้า friendly มาก คือตอนแรกก็แบบ คิดว่าเค้าพูดกันทั่วไป แล้วพอควีนทำงานที่ร้านอาหารด้วย ควีนรู้สึกว่าคนน่ารักอะ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า หรือ Uber ที่มารับอาหารก็ตาม แบบบางทีเราทำผิด พลาดทำน้ำหกใส่เค้า เค้าไม่ว่าเราเลยสักคำจริง แต่เรารู้สึกผิดมากจริง ๆ นะ แต่เค้ากลับไม่ว่าอะไรเราเลย เลยคิดว่าทำไมเค้าใจดีจัง เค้าเข้าใจเรามากอะ อย่างอาจารย์ที่นี่ก็ด้วย เราพูดอะไรเค้าก็จะพยายามทำความเข้าใจ หรือแม้แต่คนเมาในเมือง สติเค้าไม่ได้เต็ม 100 ก็ตาม พอเค้าชนเราเค้าก็ยังขอโทษเราเลย รู้สึกว่าคนเค้ามีพื้นฐานจิตใจที่ดีกัน แบบดีมากค่ะ
ทำให้เรารู้สึกว่าที่นี่เป็นเมืองที่น่าอยู่ เราไม่กลัวที่จะพูด หรือเราอยากรู้อะไรก็สามารถถามได้เลย เพราะว่ามันค่อนข้าง comfort ถึงแม้เราจะเป็นคนที่มาจากที่อื่น เราก็รู้สึกว่าเราชอบคนที่นี่ แล้วยิ่งในมหาวิทยาลัยทุกคนก็ยิ่งแบบ ถามได้เลย คุยได้เลย friendly กว่าคนทั่วไปข้างนอกอีก ก็เลยแบบดี “คน” คือเหตุผลที่ทำให้เรารู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตที่นี่เลย (ยิ้ม)
Q: รีวิวการใช้ชีวิตในออสเตรเลียให้ฟังหน่อยค่ะ เป็นอย่างไรบ้าง สนุกไหม มีเรื่องอะไรที่อยากแชร์ให้เพื่อน ๆ บ้าง
Queen: คือควีนมาคนเดียว แบบคนเดียวเลย ไม่มีเพื่อน แล้วก็มาเริ่มใหม่ที่นี่เลย ต้องมาทำทุกอย่างใหม่ คือควีนไม่เคยอยู่ต่างประเทศด้วย มาที่ออสเตรเลียเป็นครั้งแรก แล้วก็รู้สึกว่าเราอยู่ได้จริง ๆ ไม่ต้องได้ภาษาเยอะก็อยู่ได้ เพราะตอนนี้ควีนก็ยังเรียนภาษาอังกฤษเสริมอยู่ ควีนรู้สึกว่าแค่มีบัตร Myki ก็คือเดินทางได้แล้ว คือไปถึงทุกที่ได้เลยด้วยระบบการเดินทางสาธารณะที่นี่ อาจจะโชคดีที่ควีนอยู่ในเมืองด้วย เพราะฉะนั้นมันก็เลยเดินทางง่าย ควีนก็เลยคิดว่าที่นี่อยู่ง่ายนะ ไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่รู้อะไรก็ตาม ผังเมืองก็เข้าใจง่ายมาก ควีนมาอยู่แปปเดียว คือรู้ว่าถนนมันมีแค่แนวตั้งกับแนวนอนแบบนั้นเลย แล้วคือมันเดินได้ปลอดภัย ถ้าอยู่ที่เมืองไทยตี 1 ตี 2 เราไม่กล้าเดินแล้วแน่ ๆ แต่ที่นี่ ตี 1 ตี 2 ควีนยังเดินหอบของยังเดินอยู่คนเดียวได้เลย แล้วก็ยังชอบคนที่สุด ถ้าให้ชวนมา ก็คืออยากบอกว่า แนะนำให้มาจริง ๆ คนที่นี่ดีจริง friendly จริง
Q: ฝากถึงน้อง ๆ ที่อยากมาเรียนต่อที่ Swinburne University of Technology หน่อยค่ะ
Queen: ควีนว่าบรรยากาศในมหาวิทยาลัย Swinburne เอื้อให้เราเรียนค่ะ หมายถึงว่า มันเงียบ มันสงบ มันเป็นมหาวิทยาลัยที่ควีนรู้สึกว่าอยากนั่งเล่นต่อนะ บางทีเรียนเสร็จจบคลาสแล้ว บางคนอาจอยากรีบกลับไปพัก แต่ขนาดควีนอยู่ในเมืองเรายังไม่ได้รู้สึกว่าอยากรีบกลับหอพักอะไรขนาดนั้น อยากนั่งเล่นอยู่ที่นี่ อยากเดินเล่นในสวน อยากลองไปดูกิจกรรมตึกนั้นตึกนี้ รู้สึกว่ามันไม่ได้น่าเบื่อ มันมีกิจกรรมอะไรให้ทำในมหาวิทยาลัย มีสวน มีอีเวนต์บ้าง มีอะไรที่พาให้เราเดินเล่นแล้วรู้สึกว่า เอื้อให้เราได้ลองใช้ชีวิตนักศึกษาที่นี่ แล้วก็อาจจะเป็นเรื่องที่ควีนตั้งใจอยู่แล้วด้วยมั้ง ว่าควีนไม่อยากอยู่มหาวิทยาลัยในเมือง ควีนอยากได้บรรยากาศที่เป็นมหาวิทยาลัยจริง ๆ แล้วที่นี่มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ (ยิ้ม)