รีวิวการเตรียมตัวเรียนต่อ King’s College London โดย Jaguar

  • Share this:

บทความนี้มาติดตามการเตรียมตัวเรียนต่อของจากัวร์ รุ่นพี่นักเรียนไทยจากคอร์ส MSc Global Affairs ที่ King’s College London จะเป็นอย่างไรบ้าง ตามอ่านกันได้เลยค่ะ

และสำหรับน้อง ๆ ที่สนใจอยากติดตามเรื่องราวการรีวิวคอร์สเรียนของจากัวร์แบบเต็ม ๆ สามารถติดตามได้ที่นี่ คลิก

การเตรียมตัวเรียนต่อ

พอตัดสินใจได้ว่าจะมาเรียนต่อต่างประเทศ เรามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ?

Jaguar: คืออันนี้อยาก mention ชื่อพี่ Hands On เลยครับ เพราะว่าจะเป็นคำชมล้วน ๆ

เดี๋ยวจากัวร์ให้ข้อมูลตั้งแต่ว่าใช้เวลานานแค่ไหนในการเตรียมตัวเรียนต่อเลยก็แล้วกัน คือตัวจากัวร์เองใช้เวลาในการทำ process ทุกอย่างประมาณ 5 เดือน ตั้งแต่เลือกความสนใจของตัวเองเลย แล้วก็ยื่นใบสมัครมหาวิทยาลัย แล้วก็สอบ IELTS หรือว่ารอ offer จากทางมหาวิทยาลัย ยื่นขอวีซ่า แล้วก็ที่พัก และอื่น ๆ จนมาอยู่ที่ King’s เนี่ย ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 5 เดือนครับ

โอเคครับ ในช่วงเดือนแรก จากัวร์เริ่มจากการหาความสนใจของตนเองก่อนเพื่อดูว่าตัวเองต้องการไปศึกษาต่อในสาขาวิชาอะไร และมีมหาวิทยาลัยไหนที่เปิดรับและเชี่ยวชาญทางสาขาวิชานี้บ้าง หลังจากที่หาไปหลายที่เราก็พบว่า คอร์ส MSc Global Affairs ของ King’s College London น่าสนใจและตรงความต้องการของเรามากที่สุดครับเมื่อเทียบกับคอร์สอื่น ๆ ของอีกหลาย ๆ มหาวิทยาลัยที่จากัวร์ลองเลือกมา


หลังจากนั้น เดือนที่สอง จากัวร์ก็เริ่มที่จะหาข้อมูลการสมัครศึกษาต่อซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่จากัวร์ติดต่อพี่ข้าวปุ้นที่ Hands On ไปครับ (อันที่จริงก็มีเพื่อนอีกคนแนะนำให้จากัวร์ลองมาหา Hands On ดู ดังนะเนี่ย //หัวเราะ) ในช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงที่เราพยายามศึกษาหลักเกณฑ์และเอกสารต่าง ๆ ซึ่งหลัก ๆ ก็จะมีเอกสารทั้งหมด 5 อย่างที่เราต้องใช้ประกอบการสมัครครับ ซึ่งได้แก่ หนึ่งคือ Statement of Purpose (SoP) เป็นเอกสารที่บอกว่าเราต้องการศึกษาต่อในคอร์สนี้ ทำไมและอะไรทำให้เราเลือกศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยนี้ไม่ต่อที่มหาลัยอื่น สอง คือ Transcript หรือหนังสือรับรองผลการศึกษาปริญญาตรี ของเราครับ สาม คือ Degree Certificate หรือหนังสือรับรองวุฒิว่าเราจบปริญญาตรีมาจริง ๆ นะ สี่ คือ จดหมายรับรองจากอาจารย์หรือผู้ว่าจ้างกรณีที่กำลังทำงานอยู่ครับ (references) ซึ่งส่วนใหญ่ทางมหาวิทยาลัยจะส่งลิงก์ไปให้กรอกหลังจากเราส่งใบสมัครเบื้องต้นครับ และอย่างสุดท้าย คือ ผลคะแนนการสอบภาษาอังกฤษ ซึ่งสามารถเป็นได้หลายอย่างทั้ง IELTS, TOEFL, และอื่น ๆ ครับ อย่างไรก็ดี บางที่อาจจะใจดีอนุญาตให้เราไม่ต้องส่งผลคะแนนสอบภาษาอังกฤษด้วยครับ

พอเข้าเดือนที่สามกับเดือนที่สี่ ก็จะเป็นการส่งใบสมัคร รอ offer จากมหาวิทยาลัย ยื่นใบสมัครทำวีซ่า ก่อนที่จะเตรียมการบินและบินมาศึกษาที่ประเทศอังกฤษในเดือนที่ห้าครับ ซึ่งตลอดทั้งสามเดือนนี้พี่ ๆ Hands On ก็จะเป็นผู้ช่วยให้เราสามารถยื่นสมัครมหาวิทยาลัยได้อย่างสบายใจ ถ้าพบปัญหาอะไรระหว่างการยื่นใบสมัครพี่ ๆ Hands On ก็สามารถติดต่อกับทางมหาวิทยาลัยช่วยเราแก้ไขปัญหาได้ตลอดครับ

5 เดือนนี้คือรอ offer นี่นานสุด แล้วการรอ offer จะเป็น process ที่มันกดดันที่สุด แบบเห้ยเราส่งใบสมัครไปแล้ว แล้วเราจะได้ offer ไหมนะ มหาวิทยาลัยจะคิดว่าเราเป็น candidate ที่น่าสนใจรึป่าวนะ ดังนั้นมันก็ค่อนข้างกดดันนะ แต่ว่าพอได้ offer มาแล้วมันก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย แบบโอเคเรามีที่เรียนแล้ว นอกเหนือจากนั้นคือการยื่นขอวีซ่าให้ผ่าน เตรียมการมาเรียนแล้วก็บิน

บริการจากพี่ Hands On

Jaguar: คราวนี้รู้จักพี่ Hands On ได้อย่างไร แล้วพี่ Hands On ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง จากัวร์ขออนุญาติ mention ชื่อไปเลย คือจากัวร์มีพี่ counsellor ที่ Hands On ที่คอยดูแลชื่อว่า พี่ข้าวปุ้น ที่ออฟฟิศสีลมครับ ก็คือพี่ข้าวปุ้น ช่วยจากัวร์เกือบทุกเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็น educator หรือว่า supporter นะฮะ ดังนั้นแยกออกเป็นสองกรณีได้เลยในคนคนเดียวกัน

อย่างแรกเลยคือพี่ข้าวปุ้นให้คำปรึกษาเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ตอนแรกเลย เพราะว่าตอนแรกจากัวร์ไม่ได้ยื่นไปแค่ที่ King’s ที่เดียว จากัวร์ยื่นไปหลายที่มาก ตั้งแต่ University of Essex, The University of Edinburgh หรือ King’s College London และ SOAS, University of London แล้วก็ที่อื่น ๆ ซึ่งก็ได้การตอบรับมาหลายมหาวิทยาลัย ซึ่งทั้งหมดก็เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทั้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือว่ารัฐศาสตร์โดยรวม ซึ่งจากัวร์คิดว่าพี่ข้าวปุ้นคือช่วยค่อนข้างเยอะในเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัยและก็การศึกษาเกี่ยวกับ ป.โท นะฮะ

ส่วนเรื่องที่สองเนี่ยพี่ข้าวปุ้นก็แชร์ทริคดี ๆ ในการเขียน SoP แล้วก็ช่วยดำเนินการยื่นใบสมัครให้ ซึ่งจากัวร์รู้สึกว่ามันเป็น process ที่สะดวกมาก ๆ จริง ๆ คือเรามีงานเยอะแล้วเพราะเป็นผู้ช่วยวิจัยของที่จุฬาด้วย ดังนั้นเราก็คือมีภาระงานที่ค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว เราก็รู้สึกว่าถ้ามีคนที่สามารถดำเนินการเรื่องการยื่นใบสมัครให้แทนเราได้ มันก็จะเป็นเรื่องดี ซึ่งพี่ Hands On ก็ตอบโจทย์เรื่องนี้มาก ๆ ดังนั้นก็เลยรู้สึกว่าเป็นทริคดี ๆ แล้วก็เป็นความสะดวกสบายที่พี่ Hands On ให้กับเรามานะฮะ

ส่วนอันที่สามเนี่ยก็คือว่าสามารถติดต่อได้ตลอดเวลาเลย เป็นคนที่ approachable มาก ๆ เข้าถึงง่าย ดังนั้นถ้าเกิดว่าเกิดปัญหาอะไร ระหว่างที่รอ offer จากทางมหาวิทยาลัย เช่นทางมหาวิทยาลัยต้องการเอกสารเพิ่มเติมอะไรแบบนี้ พี่ข้าวปุ้นก็จะเป็นคนที่ดำเนินการให้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นก็เลยเป็น process การยื่นใบสมัครเรียนต่อ ป.โท ที่ค่อนข้างราบรื่น จนถึงเวลาได้ offer มาพี่ข้าวปุ้นก็ยังดูแลด้วย แต่เป็นการดูแลหลังได้ offer เป็นการดูแลเรื่องการยื่นขอวีซ่าอะไรแบบนี้ก็ช่วยดูตลอดเวลาครับ

แล้วก็เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญมากเลย ก็คืออย่างที่บอกว่า process ก่อนที่จะได้ offer มามันค่อนข้างกดดัน จากัวร์ก็เลยบอกว่าพี่ข้าวปุ้นเป็นทั้ง educator และก็ supporter ซึ่งเป็น supporter ในแง่ที่ว่าพี่ข้าวปุ้นก็จะคอยช่วยให้กำลังใจในเวลาเราไม่มั่นใจในตัวเอง คอยสนับสนุนตลอดเวลา คอยให้กำลังใจเราว่า เห้ยมันต้องได้ซิ เห้ยจากัวร์โปรไฟล์แรงขนาดนี้มันต้องได้ อะไรแบบนี้ครับ แต่คือเราก็จะมีความไม่มั่นใจส่วนตัว ดังนั้นพี่ข้าวปุ้นก็จะมาคอยให้กำลังใจในเรื่องของความมั่นใจในตัวเองของเรา ให้เรามั่นใจมากขึ้นว่า โอเค เราได้แน่ ๆ อะไรแบบนี้ครับ ถึงความเสี่ยงมันจะมี แต่มันก็มีเปอร์เซ็นต์ที่จะได้สูง เหมือนถ้าเรามีโปรไฟล์ดี แต่เราไม่มั่นใจ เราก็อยากได้คนคนนึงเพื่อมาสนับสนุนความมั่นใจของเรา ว่ามันโอเค แบบมันต้องได้ พอมีพี่ข้าวปุ้นก็เลยทำให้เรารู้สึก relief หรือว่าทำให้เราไม่กดดันครับ ดังนั้นก็เลยรู้สึกว่าพี่ข้าวปุ้นช่วยค่อนข้างเยอะมากจริงๆ ก็เลยอยาก mention ชื่อพี่ข้าวปุ้นไว้ตรงนี้ครับ (ยิ้ม)

สนใจเรียนต่อ King’s College London ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี คลิก

คอร์ส Pre-sessional English ที่ King’s College

Jaguar: ต้องบอกก่อนว่า ก่อนที่จะเข้าเรียนคอร์ส Global Affairs เนี่ย จากัวร์ลงเรียนคอร์ส Pre-sessional English มาก่อน อยากเล่าเรื่องนี้เพราะว่ามันเป็น transition การใช้ภาษาอังกฤษของเรา เพื่อที่จะไปเรียนต่อในคอร์สหลักของเราจริง ๆ

Pre-sessional English ก็คือมันเป็นคอร์สที่สอนทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ แล้วก็ทักษะการใช้ภาษาในรูปแบบวิชาการเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเรียนต่อระดับ ป.โท หรือว่าการเรียนระดับที่สูงขึ้น เพราะ ป.เอก ก็สามารถเรียน pre-sessional course ได้นะฮะ ซึ่งมันก็จะแบ่งเป็นแบบ 6 สัปดาห์, 11 สัปดาห์ และ 16 สัปดาห์ ส่วนตัวจากัวร์เองเรียน 6 สัปดาห์ ครับ

หลังจากจบคอร์สนี้แล้วเนี่ยจากัวร์ก็รู้สึกว่ามันเป็นคอร์สที่ค่อนข้างมีประโยชน์มาก ๆ แล้วก็ช่วยในการเตรียมความรู้และก็เตรียมความพร้อมที่จะไปเรียน ป.โทในคอร์สหลักของจากัวร์ได้จริงๆ นะฮะ ดังนั้นจากัวร์เลยคิดว่าประโยชน์ที่ได้จากคอร์สนี้น่าจะแบ่งได้เป็น 2 ข้อหลัก ๆ เลย

กรณีแรก คือกลุ่มของคนที่สอบภาษาอังกฤษแต่ว่ายังได้คะแนนไม่ถึงตามเกณฑ์ขั้นต่ำของคอร์สเรียนนั้น ๆ ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด ซึ่งกลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่ สมมุติว่าคอร์สกำหนด requirement ของเราว่าจะต้องได้ IELTS 7.0 แต่พอเราสอบ IELTS ออกมาจริง ๆ ได้ 6.0 หรือ 5.5 อะไรแบบนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถยื่นใบสมัครได้ เราก็สามารถยื่นใบสมัครเรียนต่อได้แต่ว่าการที่เราจะทำให้ได้ offer ของทางมหาวิทยาลัย เราก็จะต้องทำให้ IELTS ของเราให้ได้คะแนน 7.0 ซึ่งหนึ่งในทางเลือกที่จะทำคะแนนได้นั้นก็คือการเรียน pre-sessional course ที่เราไปเรียนแล้วเราก็สามารถใช้ผลสอบที่ได้จากการเรียน pre-sessional course มายื่นสำหรับการเรียนคอร์สหลัก เพื่อเป็นหลักฐานเรื่อง English requirement ของเราได้เลย

กับกรณีที่สองก็คือกรณีของจากัวร์เอง ก็คือคะแนนภาษาอังกฤษเนี่ยมันได้ตรงตามเกณฑ์อยู่แล้ว แต่ว่าอยากใช้ช่วงเวลาก่อนเริ่มคอร์ส ใช้ช่วงเวลาที่ว่างนี้เพื่อใช้ภาษาอังกฤษแบบวิชาการ ที่ต้องย้ำว่าใช้ภาษาอังกฤษแบบวิชาการ เพราะว่าคอร์ส pre-sessional English มันไม่ได้สอนภาษาอังกฤษแบบทั่วไป มันสอนภาษาอังกฤษที่เป็นทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน ในเชิงวิชาการเลย การเขียน essay ที่ดีควรจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะที่เป็น academic essay และรูปแบบการศึกษาในแบบ British education เนี่ยมันเป็นยังไง ดังนั้นเราก็จะได้มีโอกาสปรับตัวก่อนที่จะเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยใน ป.โท ป.เอก จริง ๆ ดังนั้นก็เลยรู้สึกว่ามันค่อนข้างมีประโยชน์มาก ก็เลยสรุปเลยว่าประโยชน์ที่ได้เนี่ย คือ นอกจากจะได้ฝึกภาษาอังกฤษแล้ว ก็ยังได้ปรับตัวคุ้นชินกับการศึกษาแบบอังกฤษแบบ British style ด้วยในคราวเดียวกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้อง mention นิดนึงที่ว่าการเรียน pre-sessional English มันก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายค่าหอที่เราจะต้องมาก่อน ค่ากิน ค่าอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้ถูกด้วย เพราะว่าการใช้ชีวิตในลอนดอนก็ค่อนข้างที่จะแพง เอาตรง ๆ ก็คือมันแพง ถ้าไม่ขอทุนมาก็ต้องมีทุนทรัพย์พอสมควรในการมาเรียนที่ลอนดอนฮะ

อ่าน รีวิวคอร์สเรียน MSc Global Affairs ที่ King’s College โดย Jaguar ต่อที่นี่ คลิก

สนใจเรียนต่อ King’s College London ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง

 

โอกาสดี! พบ King’s College London ที่งาน Hands On Study Abroad Exhibition 2022 งานเรียนต่อต่างประเทศแห่งปี – วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน นี้ ตั้งแต่เวลา 12:00 – 18:00 ที่โรงแรม The Westin Grande Sukhumvit ลงทะเบียนเข้าง่านล่วงหน้าฟรี

Enquiry Form

Please provide the following information and we will aim to respond within 48 hours:

Your details
Please enter your first name.
Please enter your last name.
Please enter a valid email address.
Please enter your phone number.
Please select a country you want to study.
Please select a year you want to study.
Please select your preferred branch.

* All fields required (in English)

  • Share this: