Hands On Education Consultants

รีวิว TESOL ที่ University of Bath โดยพี่หยก

สวัสดีค่า พี่หยก UK Counsellor ประจำสาขาสีลมค่ะ พี่จบปริญญาโทจาก University of Bath สาขา MA Teaching English to Speakers of Other Languages หรือ TESOL นั่นเองค่ะ ปี 2022/23 ค่ะ วันนี้พี่จะมาเล่าประสบการณ์ รีวิวคอร์สเรียน มหาวิทยาลัยและประสบการณ์ตรงให้น้อง ๆ ที่สนใจไปเรียนสายภาษาและการสอนให้น้อง ๆ อ่านกันแบบละเอียดยิบเลยค่ะ

1. ทำไมต้อง TESOL แล้วจบมาทำอะไรได้คะ?

หลายคนคงสงสัยว่า ต้องเรียนอะไรมานะ ถึงจะเรียน TESOL ได้?” หลาย ๆ มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษตอนนี้พิจารณา background ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งพี่หยกขอบอกว่า ตัวพี่ไม่ได้จบตรงสายแต่ก็สามารถเรียน TESOL ได้เช่นกันนะคะ พี่จบจาก Pridi Banomyong International College (Thai Studies) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

แล้วทำไมพี่หยกถึงเลือก TESOL ใช่ไหมคะ พี่หยกขอบอกตามตรงเลยว่าพี่เป็นคนชอบเรียนภาษาอังกฤษ เลยอยากจะรู้ว่าถ้าตัวเองเป็นคนสอนเองบ้างจะเป็นยังไง อยากเป็นครูนั่นแหละค่ะ เพราะตอนเรียนที่ธรรมศาสตร์ได้มีโอกาสเป็น Teaching assistant แล้วรู้สึกชอบค่ะ เหตุผลความคิดแรกมีแค่นั้นเลยค่ะ แต่พอได้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียน TESOL จริง ๆ แล้ว พี่หยกเจอคอร์สการเรียนการสอนที่น่าสนใจและน่าสนุกเลยตัดสินใจเรียน TESOL ค่ะ ซึ่งพอได้เข้าไปเรียนจริง ๆ แล้ว เป็นคอร์สที่เปิดโลก เปิดตา เพิ่ม critical thinking ให้ตัวเองในหลาย ๆ ด้านมากค่ะ ไม่ได้มีแค่พาร์ทของการเป็นผู้สอนเพียงอย่างเดียวแต่รวมไปถึงทฤษฎีต่าง ๆ ด้วยค่ะ ซึ่งพี่จะเล่าให้อ่านกันใน blog นี้เลยค่ะ

น้องๆ หลายคนอาจจะมีคำถามใช่ไหมคะ “จบมาแล้วเป็นอะไรได้บ้าง?” จริง ๆ ตามวุฒิสามารถจบมาแล้วเป็นคุณครูหรืออาจารย์ได้ตามโรงเรียน, มหาวิทยาลัยต่าง ๆ นอกจากนั้นยังสามารถใช้วุฒินี้ทำงานกับรัฐบาลหรือหน่วยงานเอกชนเบื้องหลังต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาอังกฤษก็ได้ หรือจะเป็น Education Consultant แบบพี่หยกก็ได้เช่นกันนะคะ

2. ทำไมถึงตัดสินใจเรียน TESOL ที่ University of Bath

อย่างที่พี่หยกบอกไปตอนแรกว่าพี่ไม่จบตรงสายมา แถมประสบการณ์การเป็นครูก็ยังไม่มีมาก แต่ University of Bath เป็นมหาวิทยาลัย top ranking (ในหลาย ๆ สาขาวิชา) ที่พิจารณานักเรียนที่ไม่มี background และประสบการณ์ ซึ่งถือว่าเป็น Choice ที่ดีเลยทีเดียวค่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจาก ranking ที่ดึงดูดใจให้พี่สมัครและอยากเรียนที่นี่ พี่ยังดูรายชื่อคอร์ส modules ต่าง ๆ ที่มหาวิทยาลัยจัดสอน ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่ามหาลัยจะเน้นไปทางทฤษฎีซะส่วนมาก ข้อดีของการเรียนการสอนที่เป็นทฤษฎีส่วนใหญ่คือ การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของเรา ที่เราจำเป็นจะต้องอ่านเยอะและเขียนเยอะ ส่วนตัวพี่หยกเองชอบการเรียนการสอนของที่นี่มากค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าที่ University of Bath จะเน้นแต่ Theory นะคะ ทางอาจารย์ก็พยายามหากิจกรรมเพื่อที่จะ Train ให้เราไปเป็นครู / อาจารย์ โดยจัดเตรียมคลาสเรียนเพิ่มขึ้นมาจาก Compulsory modules ให้เราฝึกสอน (คล้าย ๆ กับการสอบสอนเลยค่ะ) กับเพื่อนในคลาสของเราเองด้วย ซึ่งข้อดีของการทำแบบนี้คือ เราจะได้ feedback ที่ตรงและชัดเจนจากทั้งอาจารย์และเพื่อนเพื่อมาพัฒนาปรับปรุงการสอนของเราต่อไปค่ะ

นอกจากรายวิชาที่น่าสนใจมาก ๆ  ตัวเมืองก็เป็นอีกหนึ่ง Concern เหมือนกันค่ะ พี่ต้องการเมืองที่ไม่ไกลจาก London และเป็นเมืองที่ปลอดภัย (เพราะเราก็เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จะไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกคนเดียวเป็นปีใช่ไหมละคะ ฮ่าฮ่า) ซึ่ง Bath ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ เพราะห่างจาก London เพียงแค่ 1.20 ชั่วโมง แถมยังเป็นหนึ่งในเมืองที่ปลอดภัยที่สุดใน UK ด้วยนะคะ (according to 10 Safest Cities in The UK (2024 Updated) (travelsafe-abroad.com)) แถมมหาลัยยังดูแลเรื่องความปลอดภัยของนักศึกษาดีมาก ๆ ด้วยค่ะ โดยมหาวิทยาลัยจะมี Application ที่ชื่อว่า Safezone ที่สามารถ Check attendance และสามารถขอความช่วยเหลือ emergency ได้ตลอด 24/7 เลยด้วยนะคะ เช่น เกิดอุบัติเหตุ, ขังตัวเองไว้ในห้อง เปิดประตูไม่ได้ เป็นต้นค่ะ

เรามาคุยกันถึงตัวเมือง Bath กันดีกว่าค่ะ อย่างที่ทุกคนอาจจะทราบกันว่า Bath เป็นเมืองท่องเที่ยว มี Roman Bath ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ UNESCO รับรองให้เป็น World Heritage Site อีกด้วยค่ะ แอบกระซิบนะคะว่าถ้าแสดงบัตรนักศึกษาของ University of Bath และ Bath Spa University จะสามารถเข้า Roman Bath ฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลยทั้งสิ้นค่ะ

ซึ่งพาร์ทนี้พี่ขอเล่าแบบที่เราเป็นนักเรียนต่างชาติที่ไปอยู่ที่นู่นนะคะ ว่า ถ้าเราไป hang out กัน มีที่เที่ยวที่อื่นที่ไหนอีกบ้างหรือเปล่านะ ถ้าใครชอบ vibes ชิว ๆ นั่ง picnic วันอากาศดี ๆ พี่ชอบไปนั่งเล่นกับเพื่อนที่ Royal crescent และ Bath Skyline ค่ะ วันไหนที่แดดออก จะอากาศดีมาก ๆ เลยค่ะ คนที่นู่นเค้าชอบออกไปนั่งตากลม ตากแดดกัน เพราะอย่างที่รู้กันว่าอากาศประเทศอังกฤษส่วนมากจะครึ้ม ๆ หรือไม่ก็มีฝนตกตลอด ซึ่งพี่ก็เข้าตาเมืองหลิ่วเราต้องหลิ่วตาตามค่ะ การันตีว่าถ้าวันไหนแดดออก ไปนั่งชิว ๆ vibe ดีมากจริง ๆ ค่า นอกจากนั้นยังมี Park อยู่ใน City Centre แล้วก็มี Pulteney Bridge เชื่อมกันกับ Avon River ให้เราได้นั่งดื่มด่ำบรรยากาศใน Park ได้เหมือนกันนะคะ

3. TESOL at University of Bath (การเรียนการสอน งาน การช่วยเหลือของอาจารย์)

ในส่วนของพาร์ทนี้จะขอรีวิววิชาเรียน อาจารย์ เกณฑ์การให้คะแนนแบบที่ไม่เคยมีใครรีวิวมาก่อนแน่นอนค่ะ ฮ่าฮ่า หลัก ๆ วิชาเรียนของที่นี่อย่างที่พี่เคยเล่าไปว่าส่วนมากเป็น Theory ซะส่วนใหญ่ พี่ขออนุญาตเล่าวิชาที่พี่ชอบ เรียนสนุก พอเราเรียนสนุก เราตั้งใจ คะแนนเราก็จะออกมาดีด้วย ซึ่งพี่ขอยกตัวอย่างวิชา Language Awareness ที่เป็นวิชาที่ไม่ได้สอนแต่เรื่อง Language เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คลาสนี้จะสอนรวมไปถึงการที่เรามองโลกนี้ให้กว้างขึ้น มองว่าโลกสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว บนโลกนี้ไม่ได้มีคนแค่คน British or American ที่เป็นเจ้าของภาษาอังกฤษ แต่ยังมีประเทศอื่น ๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักแล้วเช่นกัน เช่น Singapore, Hong Kong, Malaysia ซึ่งแน่นอนค่ะว่า ไม่มีใครคิดแบบนี้ทั้งโลก ต้องมีความคิดเห็นที่แตกต่างแน่นอน นี้แหละค่ะ สิ่งที่เราต้องเรียนรู้ หาคำตอบ ต้องมี Critical thinking  มองให้ลึก คิดวิเคราะห์ต่อว่า ในอนาคตจริง ๆ แล้วการที่นักเรียนเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีจริง ๆ เนี่ยควรเรียนกับ native speakers หรือคนที่พูดภาษาเดียวกับนักเรียน นักเรียนจึงจะบรรลุเป้าหมายในการเรียนภาษาของตนเอง ซึ่งคำตอบไม่มีถูกไม่มีผิดหรอกค่ะ อาจารย์อยากจะดูว่าเราคิดวิเคราะห์ได้ดีมากแค่ไหน หาบทความทางวิชาการมาสนับสนุนความคิดเราได้หรือไม่ ซึ่งเป็น Core หลักของการเรียนปริญญาโทเลยนะคะ ไม่ใช่แค่ MA TESOL แต่ทุก ๆ คณะ สอนให้นักเรียนมี Critical thinking ค่ะ

พี่ขออนุญาตรีวิวอาจารย์และการสอนของอาจารย์ที่ University of Bath เลยแล้วกันนะคะ อาจารย์ที่นี่จะมี expertise เป็นของตัวเองทุกคนเลยค่ะ บางคนก็ Native Speakerism, บางคนก็ English Medium of Instruction (EMI), บางคนก็ Second language acquisition and motivation และอื่น ๆ อีกมากมายค่ะ ขอบอกว่าเราจะมีอาจารย์ที่ให้ความรู้เราได้อย่างครบถ้วนและเก่งมาก ๆ ค่ะ ที่พี่บอกว่าเก่ง เก่งยังไงคะ? ถ้าเกิดว่าเราเปิดเว็บไซต์ academic journal ค้นหา subject ที่อาจารย์เหล่านี้ expertise พี่รับรองเลยว่าจะมีชื่ออาจารย์ของ University of Bath เป็นอันดับแรก ๆ แน่นอนค่า แล้วอีกอย่างอาจารย์ที่นี่ diverse มากค่ะ เราจะได้เรียนรู้จากอาจารย์หลาย ๆ สำเนียงและความคิดค่ะ มีทั้ง British, European รวมไปถึง Chinese เป็นต้นค่ะ

อ่านมาจนถึงตรงนี้ พี่หยกว่าน่าจะมีหลาย ๆ คนอยากทราบว่าการเรียนเป็นยังไง? ที่มหาวิทยาลัยนี้เค้าเก็บคะแนนยังไง? เรียนหนักแค่ไหนนะ? คำตอบจากพี่คือการเรียนที่นี่ไม่เครียดมากอย่างที่คิดเลยค่ะ แต่เราต้อง push ตัวเองในการอ่านหนังสือมาเรียน เพื่อที่จะเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอน ตอนที่พี่เรียนจะมีเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัย 3 วันต่อสัปดาห์ วันละ 1 – 3 คลาส ขึ้นอยู่กับรายวิชาวันนั้น ๆ ด้วยค่ะ การเรียนการสอนที่นี่จะมีทั้ง Lecture และ Seminar ซึ่งความแตกต่างก็คือ Lecture เราจะไปนั่งฝั่งอาจารย์สอนเพียงอย่างเดียว แต่พอเป็น Seminar จะ Practical มากขึ้น ซึ่งอาจารย์จะให้เรา Discussion แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนในคลาสเป็นซะส่วนใหญ่ แล้วอย่างพี่หยกไม่มีประสบการณ์ เรียนก็ไม่ตรงสายหลายคนน่าจะสงสัยว่า จะเอาประสบการณ์จากที่ไหนมาคุยกับคนอื่น ๆ ใน Class ที่ University of Bath มีหลาย ๆ คนที่ไม่มีประสบการณ์จากการเป็นครู แต่เราทุกคนเคยเป็นนักเรียนแน่นอนค่ะ เราสามารถ reflect จากตรงนั้นได้ ซึ่งสนุกมาก ๆ ค่ะ ขอยกตัวอย่างคำถามในการ discussion เช่น “นักเรียนคิดว่าการสอนภาษาอังกฤษวิธีใดที่เหมาะกับวัฒนธรรมเด็กของชาติตนเอง” , “นักเรียนคิดว่านักเรียนในประเทศของตนเองมี motivation อะไรบ้างในการเลือกเรียนภาษาอังกฤษ” , “นักเรียนคิดว่าการเรียนกับ native speakers ที่พูดภาษาอังกฤษได้เพียงภาษาเดียว กับ non-native speakers ที่พูดภาษาแม่ภาษาเดียวกับนักเรียน สอนนักเรียนที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลย แบบใดจะมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน” หรือ แม้กระทั่งให้คิด Lesson plan ที่ต้องเข้ากับทั้งวัฒนธรรมการเรียนของประเทศตนเอง

ส่วนเรื่องการทำงานการเก็บคะแนน MA TESOL ที่นี่จะเป็นการเขียน assignment ส่งล้วนเลยค่ะ คิดเป็นคะแนน 100% เลยค่ะ รวมไปถึง Dissertation ด้วยค่ะ ซึ่งอย่างที่พี่บอกไปคือ เราจำเป็นที่จะต้องแสดงให้อาจารย์เห็นว่าเรามี Critical thinking มี Academia สนับสนุนความคิดของเราได้ดีมากแค่ไหน แต่ถ้าเราทำไม่เป็นจะทำยังไงดีคะ? ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ นักเรียนสามารถขออาจารย์คุย one-on-one session ได้เรื่อย ๆ ซึ่งสามารถพูดคุย ปรึกษา ไขข้อสงสัยหรือมีปัญหาทางด้านการเรียนก็สามารถพูดคุยกับอาจารย์ได้โดยตรงเลยค่า หรือว่าส่งอีเมลถามได้ตลอดเช่นกันเลยนะคะ อาจารย์ nice มากกกกกกกก  support นักศึกษาตลอดเรื่อย ๆ เลยค่ะ

นอกจากการเรียนการสอนภายในห้องเรียน หากอาจารย์มีสัมมนาหรือว่ามีงานต่าง ๆ นอกมหาวิทยาลัยซึ่งเกี่ยวกับหัวข้อที่เรากับกำลังศึกษา สนใจ เราสามารถขอเข้าร่วม sit in ได้ด้วยนะคะ

4. รีวิววิชาเรียนในคอร์ส

Term 1

ปกติ 1 เทอมจะมีทั้งหมด 10 weeks มี course syllabus ให้ชัดเจนตั้งแต่ week แรก ว่าเทอมนี้จะเรียนอะไรบ้าง ซึ่งเทอมแรกวิชา Compulsory ที่จำเป็นจะต้องเรียนก็คือ Second language acquisition (SLA), Language awareness (LA) และ Research methods for second language education 1 (RMSLE1) รายวิชา SLAกับ LA จะเน้นเนื้อหาไปเกี่ยวกับทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนภาษาอังกฤษเป็นซะส่วนใหญ่ รวมไปถึงการเรียนและการใช้ภาษาอังกฤษในโลกปัจจุบัน

ส่วน RMSLE1 จะเน้นให้เราฝึกทำ Research ค่ะ ซึ่งเทอมแรก Assignment ที่อาจารย์ให้นั้น จะให้เราเลือกมา 3 Research articles ที่อยู่ใน topic เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เพื่อที่จะวิเคราะห์ Method การทำวิจัยของ Research articles นั้น ๆ ว่ามีข้อดีและข้อเสียต่างกันอย่างไร เช่น พี่หยกเลือกเรื่องทำหัวข้อ English Medium of Instruction (EMI) พี่หยกเลือก 3 Research articles ใน Topic ที่คล้ายกัน แต่ใช้ Method ที่ต่างกัน คือ Research article ที่ 1. Questionnaire, 2. Questionnaire กับ Interview, 3. Longitudinal research เพื่อที่จะได้เห็นความแตกต่างถึงข้อดีและข้อเสียของวิธีการทำวิจัยนั้น ๆ ค่ะ

Term 2

Core module ของเทอมที่ 2 ก็จะมี Language policy, curriculum and methodology (LPCM), Teaching and assessing English as an international language (TAEIL) และ Research methods for second language education2 (RMSLE2) เทอมนี้เน้นไปที่วิธีการวิเคราะห์หลักสูตรการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในรายวิชา LPCM รวมไปถึง วิธีการสอนและประเมินผลการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนที่อยู่รายวิชา TAEIL ซึ่งจากชื่อวิชา Teaching and assessing English as an international language ความยากมันจะอยู่ตรงที่ทำสอนและประเมินยังไงให้เหมาะสมกับโลกยุคนี้ที่ภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษานานาชาติแล้ว ไม่ใช่แค่ภาษาที่สองหรือภาษาต่างประเทศ ในส่วนของ RMSLE2 เทอมนี้เราจะต้องทำ Research Proposal เพื่อที่จะเขียน Dissertation ในเทอมถัดไปค่า

Term 3

เทอมสุดท้ายเป็นช่วงของการทำ Dissertation ซึ่งจะไม่มีการเรียนการสอนแล้ว แต่จะมี Meeting กับ Supervisor เดือนละครั้ง เพื่อพูดคุย แนะนำ progression การทำ Dissertation ส่วนของหัวข้อการทำ Dissertation เราจะสามารถเลือกเองได้เลย ซึ่งเราจะเลือกทำต่อจาก Research proposal จาก RMSLE2 ก็ได้ หรือจะตั้งหัวข้อใหม่ก็ได้ ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องมีหัวข้อก่อน ส่วน Supervisor จะเป็น Professor คนไหนทางคณะจะจัดให้ตรงกับหัวข้อที่เราสนใจค่ะ ปล. ถ้าเกิดว่าเราอยากได้คนไหนเป็นพิเศษสามารถ Request ได้นะคะ แต่จะได้คนไหนต้องแล้วแต่การพิจารณาของคณะอีกทีด้วยค่ะ สำหรับหัวข้อที่พี่สนใจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Native English-speaking Teachers, Non-Native English-speaking Teachers, และ English Medium of Instruction (EMI) ค่ะ  หลังจากได้หัวข้อเราก็ต้องรายงาน Progression ให้ Supervisor ทราบเรื่อย ๆ เพื่อที่จะเอา Feedback มาพัฒนาต่อ ๆ ไปค่ะ เมื่อทำจบก็ไม่จำเป็นต้องมี Dissertation defense นะคะ รอแค่คะแนนและ Marker’s Comments หลังจากนั้นประมาณ 3 สัปดาห์ก็เรียนจบแล้วค่าาา

 

5. เรียนจบไม่ตรงสายมา ได้เรียนไหม? ยากเกินไปหรือเปล่า?

ใครที่กำลังเครียดว่าถ้าเรียนจบไม่ตรงสายมาจะเข้าใจเนื้อหาเรียนไหม? จะเรียนได้หรือเปล่า? พี่ขอตอบว่าเรียนได้นะคะ แต่อาจจะต้องตั้งใจมากกว่าคนอื่นนิดหน่อยค่ะ  จากประสบการณ์ของพี่ ตอนปริญญาตรีอาจจะเรียนไม่ต่างกันมากขนาดนั้น (เกี่ยวกับมนุษยศาสตร์) แต่พอเรียน MA TESOL ยังมีหลาย ๆ topic ที่พี่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจในครั้งแรก ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเช่นกันค่ะ และทำความเข้าใจทั้งก่อนและหลังเรียนค่ะ บางครั้งหลาย ๆ Theory ที่มัน Abstract มาก ๆ อ่านเองแล้วก็ยังไม่เข้าใจ พี่จะจับกลุ่มกับเพื่อน ๆ  เพื่อติวค่ะ เพื่อน ๆ บางคนเขามี Background มาก่อนแล้ว เขาก็จะมีพื้นฐานในเรื่องนั้น ๆ ซึ่งโชคดีมากเลยค่ะ ที่เพื่อน ๆ ที่นี่ พร้อมจะช่วยเหลือกันสุด ๆ ค่ะ

 

6. รีวิว University of Bath

มาพูดกันถึงตัวมหาวิทยาลัยกันบ้างดีกว่าค่ะ Location ของมหาลัยจะไม่ได้อยู่ใน City Centre นะคะ มหาวิทยาลัยจะอยู่บนเขา เวลาเราต้องไปเรียนหรืออยากใช้ facilities ต่าง ๆ เราจำเป็นที่จะต้องนั่ง Bus หรือเดินขึ้นไปก็ได้เช่นกันค่ะ แต่ตัวตึกเรียนเองจะเป็นตึกเรียนที่ค่อนข้าง modern อาจจะไม่ได้มีตึกเรียนเก่าแก่เหมือนหลาย ๆ มหาลัยเก่าแก่ที่อื่นนะคะ

ส่วนพวก university facilities ก็จะมีให้ครบเลยค่ะ มีคอมพิวเตอร์เพื่อ support นักศึกษาที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ สามารถไปนั่งใช้คอมพิวเตอร์ที่ห้องสมุดได้เลย หรือว่าใครที่ต้องการการซัพพอร์ตทางมหาลัยก็จัดเตรียมฝ่าย IT สแตนบายรอที่ห้องสมุดเช่นกันค่ะ จะบอกว่าเป็นการให้การซัพพอร์ตนักศึกษาที่รวดเร็วที่สุดที่พี่เคยผ่านมาในชีวิตเลยค่ะ พี่เคยมีปัญหากับคอมพิวเตอร์ของตัวเองแล้วเอาไปให้ IT ของมหาวิทยาลัยช่วยดูให้ฟรีด้วยนะคะ ดีตรงนี้แหละค่ะ ฮ่าฮ่า

พูดถึงห้องสมุด ห้องสมุดที่ University of Bath จะมีทั้งแบบ Online และ Offline ซึ่งทั้งสองแบบแทบจะไม่ต่างกันเลยค่ะ ใครสะดวกแบบไหนก็สามารถใช้ห้องสมุดแบบนั้นได้เลยค่ะ เพียงแต่ว่าหนังสือบางอย่างจะไม่มีใน Online เราก็ต้องไปหาที่ห้องสมุด ซึ่งห้องสมุดใหญ่มากกกกก มีด้วยกันถึง 5 ชั้นด้วยกันเลยทีเดียว ถือว่าครบถ้วนตามที่นักศึกษาต้องการแน่นอนค่ะ แต่ถ้าอยากอ่านเล่มไหนแล้วไม่มีในห้องสมุด เราก็สามารถ Request กับบรรณารักษ์ให้เขาไปจัดการหามาให้ได้ด้วยค่ะ

ส่วนตึกคณะจะอยู่ใน Department of Education ก็จะใช้ common room, facilities, classroom ร่วมกัน จะไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้รู้จักเพื่อน ๆ ต่างสาขา นอกจากนั้นยังมีการเดินไปเรียน Lecture ที่ตึกอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ตึกคณะ ซึ่งก็จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ตึกอื่น ๆ จะมีทั้งตึกใหม่และตึกเก่าจะให้ feel ไม่ค่อยต่างจากตึกเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ไทยมากสักเท่าไหร่ ฮ่าฮ่าฮ่า ที่ต่างจะเป็นนักเรียนต่างชาติเต็มตึกเรียนเลยค่า

7. My Journey at Bath

Friends

น้องๆคนไหนที่กังวลว่าไปเรียนที่ Bath จะเหงาไหม? จะมีเพื่อนหรือเปล่า? พี่หยกขอบอกว่าเมือง Bath เป็นเมืองที่คนไทยเยอะมาก กอ ไก่ล้านตัวค่ะ ร้านอาหารไทยยิ่งเยอะกว่าอีกค่ะ ไม่เหงาแน่นอน ขอกระซิบว่าในคณะ TESOL ปีที่พี่หยกไปเรียนไม่มีคนไทยเลยสักคน แต่เพราะเพื่อน ๆ ต่างชาติ nice มากกก ไม่ว่าจะอยู่ในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียน ขอบอกว่าเพื่อนดี ๆ เยอะมากเลยน้า ไม่เหงาแน่นอนค่ะ

จบไปแล้วสำหรับการรีวิวคอร์ส MA Teaching English to Speakers of Other Languages (TESOL) ของ University of Bath หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการช่วยตัดสินใจเลือกเรียนต่อสำหรับคนที่สนใจศึกษาต่อ TESOL นะคะ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับพี่ ๆ ทีม Hands on ได้เลยค่ะ

 

สนใจเรียนต่อ University of Bath ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง