จะไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย แต่ถูกปฏิเสธวีซ่า ไปทางไหนต่อได้บ้าง?
หลังจากที่ประเทศไทยถูกปรับลดให้อยู่ในระดับ Level 3 แล้ว ทำให้น้อง ๆ ที่สนใจไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลียอาจจะต้องเช็คสถาบันสอนภาษาที่เราต้องการจะไปเรียนกันก่อนว่าสถาบันของเราอยู่ในระดับ Level ไหน เพราะเอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครเรียนและรายละเอียดจะมีความแตกต่างกัน รวมถึงการยื่นขอวีซ่าเพื่อไปเรียนภาษาค่อนข้างมีความเข้มงวดมากขึ้น ส่งผลให้ในช่วงนี้มีน้อง ๆ ถูกปฏิเสธวีซ่ากันมากขึ้น
เราลองมาดูวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นที่พี่ Hands On ขอแนะนำ สำหรับน้อง ๆ ที่ผิดหวังจากการยื่นวีซ่าไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลียค่ะ
1. ทำความเข้าใจเหตุผลที่ถูกปฏิเสธว่าผิดพลาดตรงไหน
เมื่อเราถูกปฏิเสธวีซ่าแล้ว ทางสถานทูตจะแจ้งเหตุผลที่เค้าไม่สามารถให้วีซ่ากับเราได้ค่ะ เหตุผลที่น้อง ๆ ส่วนใหญ่เจอกันบ่อย ๆ เช่น ประวัติการทำงานและการเงินไม่มั่นคง, ดูไม่มีเหตุผลเพียงพอในการเดินทางไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย, ทางสถานทูตไม่เชื่อว่าหลังจากเรียนจบแล้วจะเดินทางกลับไทย, หลักฐานทางการเงินไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เป็นต้น ซึ่งตรงเหตุผลเหล่านี้ น้อง ๆ ต้องกลับมาเช็คตัวเองใหม่อีกครั้งก่อนว่าเราให้ข้อมูลไม่เพียงพอรึเปล่า หรือใช้หลักฐานที่ไม่ครบถ้วนตรงจุดไหนอย่างไร ถ้าการทำงานและรายได้ของเรายังไม่เพียงพอที่จะสามารถไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย เราอาจจะต้องทำงานประจำที่มั่นคง หรือสั่งสมประสบการณ์การทำงานของเราให้มากขึ้น ถ้าถูกปฎิเสธเนื่องจากเหตุผลทางการเงินที่ไม่เพียงพอ อาจจะต้องหาหลักฐานทางการเงินเพื่อมาสนับสนุนเพิ่มเติมว่าเรามีฐานะทางการเงินที่มั่นคง เป็นต้นค่ะ
2. เปลี่ยนจุดหมายไปเรียนภาษาที่ประเทศอื่นแทน
หลังจากที่ประเทศไทยถูกปรับลดให้อยู่ใน Level 3 แล้ว สถาบันหลายแห่งจะระมัดระวังเรื่องประวัติการถูกปฏิเสธวีซ่าของนักเรียนมากขึ้น ทำให้น้อง ๆ ที่ยื่นขอวีซ่าเพื่อไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลียหากเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาแล้ว จะลำบากในการสถาบันใหม่ เพราะทางสถาบันภาษาจะไม่สามารถตอบรับการสมัครเรียนของเราได้ด้วยความเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธวีซ่าจะสูงขึ้น ต่อให้เราเปลี่ยนโรงเรียนภาษาที่สมัครก็ตาม พี่ Hands On จึงขอแนะนำให้เบนเข็มไปเรียนภาษาในประเทศอื่น ๆ แทน เพื่อให้เรามีโอกาสต่อยอดทักษะภาษาอังกฤษและเก็บประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ 3 ประเทศที่พี่ Hands On ขอแนะนำคือ
UK เป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ ที่น้อง ๆ ต้องการไปเรียนภาษาอังกฤษนิยมไปกันค่ะ เพราะได้เรียนภาษากับเจ้าของภาษาโดยตรง แบบฉบับ British English และสถาบันสอนภาษาใน UK มีให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าน้อง ๆ จะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนที่ Hands On ก็มีเมืองที่ตอบโจทย์น้อง ๆ แน่นอนค่ะ
เป็นประเทศที่อยู่ไม่ไกลจากไทยมาก และเวลาไม่ต่างจากที่ไทยมากด้วยค่ะ ที่สิงคโปร์ก็มีสถาบันสอนภาษาให้น้อง ๆ ได้เลือกเรียน และมีคอร์สค่อนข้างครอบคลุมทุกระดับภาษาของน้อง ๆ เลยค่ะ และเนื่องจากเป็นประเทศที่อยู่ในแถบเอเชียเหมือนกัน ทำให้น้อง ๆ ปรับตัวได้ค่อนข้างง่าย อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีวินัยและความปลอดภัยสูง
ดูไบเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเป็นเมืองที่เหมาะกับการไปเรียนภาษาอังกฤษ ที่ดูไบมีประชากรต่างชาติค่อนข้างหลากหลาย อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ที่มาเรียนภาษาสามารถทำงานระหว่างเรียนได้* สถาบันสอนภาษาและคอร์สเรียนภาษาก็มีให้เลือกมากมาย ทั้งยังได้รับการรับรองคุณภาพไม่แพ้ประเทศอื่น ๆ เลยค่ะ
นอกจาก 3 ประเทศนี้แล้วทาง Hands On ก็ยังเป็นตัวแทนสถาบันสอนภาษาในประเทศนิวซีแลนด์, แคนาดา, มอลตาและอเมริกาอีกด้วยค่ะ หากสนใจเรียนภาษาในประเทศอื่น ๆ สามารถปรึกษาพี่ Hands On ได้เลยค่ะ
3. สมัครเรียนต่อระดับปริญญาที่ออสเตรเลีย
หากน้อง ๆ ยังสนใจอยากจะไปเรียนที่ออสเตรเลียมากที่สุด และเป้าหมายสูงสุดคือการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ผลภาษายังไม่ถึงที่มหาวิทยาลัยกำหนด และถูกปฏิเสธวีซ่าจากการไปเรียนภาษามา พี่ Hands On ขอแนะนำให้น้อง ๆ ยื่นสมัครไปเรียนต่อในระดับปริญญาและพ่วงหลักสูตรปรับภาษาของมหาวิทยาลัยแทนค่ะ แต่การจะยื่นขอวีซ่าเพื่อไปเรียนในระดับปริญญานั้นจะต้องเตรียมตัวและเอกสารให้ละเอียดรอบคอบมากที่สุด เพราะการไปเรียนต่อในระดับปริญญาเป็นการไปเรียนในระยะยาว (ประมาณ 2-3 ปีขึ้นอยู่กับในแต่ละหลักสูตร) ฉะนั้นเราต้องเตรียมหลักฐานทางการเงินที่มากพอ มีแหล่งรายได้ที่มั่นคง รวมไปถึงการเขียน GTE โดยละเอียดว่าทำไมเราถึงเลือกไปเรียนคอร์สนี้ และเกี่ยวข้องกับการทำงานเราอย่างไร เรียนจบแล้วจะนำความรู้ที่ได้เรียนในคอร์สไปต่อยอดทำอะไรต่อในอนาคต เป็นต้นค่ะ
และนี่ก็คือข้อแนะนำทั้งหมดที่พี่ Hands On แนะนำ สำหรับการยื่นขอวีซ่าไม่ว่าจะเป็นประเทศใด ๆ หรือการยื่นขอวีซ่าซ้ำอีกครั้ง เอกสิทธิ์ในการพิจารณาทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานทูตเท่านั้น สนใจไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ สามารถปรึกษาพี่ Hands On ฟรี เพียงกรอกข้อมูลด้านล่าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับได้เลยค่ะ