พื้นฐานภาษาอังกฤษมี! แต่ไม่ดี! สามารถมาเรียนต่อระดับปริญญาที่ต่างประเทศได้หรือไม่?
แตนขอตอบเลยนะคะว่า ได้!!! ก่อนที่แตนจะมาเรียนที่คาร์ดิฟฟ์ ต้องขอยอมรับเลยว่าพื้นฐานภาษาอังกฤษมีแต่ไม่ดีค่ะ เลยอยากมาเรียนภาษาก่อน ซึ่งคะแนนไอเอลที่ใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยของแตนคือ 5.5 (ต้องเรียนคอร์สภาษา 12 สัปดาห์) แตนเห็นเพื่อนๆ หลายๆ คนพยายามสอบหลายๆ รอบเพื่อให้ได้เรียนภาษาน้อยที่สุด ซึ่งบางคนสอบมาหลายรอบมาก แต่คะแนนมันก็ไม่ขึ้นสักที (ค่าสอบก็แพงเหลือเกิน) ก็สำหรับคนที่ไม่ได้ติดปัญหาอะไร แตนแนะนำให้มาเรียนคอร์สภาษาก่อนดีกว่าค่ะ เรียนนานหน่อยก็ไม่เป็นไร ยิ่งเรียนนานยิ่งดี โดยเฉพาะคนที่ไม่มั่นใจเรื่องภาษาอังกฤษ ถ้าใครอยากรู้ว่าคณะที่เราเลือกกับคะแนนไอเอลที่เรามีต้องเรียนภาษากี่สัปดาห์ สามารถติดต่อพี่ๆ Hands On ให้ช่วยเช็คเรื่องระยะเวลาในการเรียนภาษาได้เลยจ้า ส่วนการเรียนคอร์สภาษาก่อนที่จะเรียนคอร์สปริญญาโทจะดียังไงนั้น ขอสรุปให้ฟังคร่าวๆนะคะ
คอร์สเรียนภาษาหลักๆ เค้าจะแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน
- Listening and taking note: ในส่วนนี้เค้าจะสอนเทคนิคการฟังและการจดโน๊ตเวลาฟังบรรยายในห้องเรียน
- Reading and taking note: ในส่วนนี้เค้าจะสอนเทคนิคการอ่านและการจดโน๊ต อันนี้เอาไว้ใช้สำหรับเวลาเราอ่าน text หรืออ่านบทความอะไรต่างๆ เพื่อเอาข้อมูลมาใช้ในงานเขียนของเรา
- Speaking: ทักษะด้านนี้ไม่ค่อยเน้นมากเท่าไหร่อะค่ะ มีฝึกการนำเสนองานหน้าห้อง โดยเค้าก็สอนเรื่องการใช้ภาษา วิธีการพูด รวมไปถึงบุคลิกภาพเวลาเรานำเสนองาน อันนี้เอาไปใช้ได้ตอนที่เรามีนำเสนองานหน้าชั้นเรียน
- Writing: “อันนี้สำคัญมากกกกกกกกกกก และเป็นอันดียวที่แตนเอามาใช้ตอนเรียนระดับปริญญาโท 100%” สำหรับคอร์สเรียนภาษา 12 สัปดาห์ เค้าจะมีสอนแกรมม่าพื้นฐานให้ก่อน (ซึ่งมันดีตรงที่แกรมม่าพื้นฐานของเค้าเป็นสิ่งที่บางอันเราก็ไม่รู้ 555) นอกจากนี้เค้าจะเน้นไปที่การเขียนเชิงวิชาการ (Academic writing) การเขียนเพื่อหลีกเลี่ยงการคัดลอกผลงานหรือขโมยความคิดคนอื่นโดยไม่อ้างอิงให้ถูกต้อง (Plagiarism) ในส่วนนี้เค้าก็จะสอนวิธีการเปลี่ยนรูปแบบประโยคให้ยังคงความหมายเดิม การเขียนแหล่งอ้างอิง (Citation, Quotation and Reference) เนื่องจากมหาวิทยาลัยที่นี่เค้าค่อนข้างเน้นในเรื่อง Plagiarism มากเลยนะคะ โดยเค้าจะมีโปรแกรมตรวจงานเรา (แบบจริงจัง) ถึงขั้นที่สแกนออกมาแล้วรู้เลยว่าเราคัดลอกประโยคมาจากโลกออนไลน์หรือหนังสือกี่เปอร์เซ็นต์ สำหรับแตนถือว่าในส่วนของการเรียน writing ช่วยชีวิตตอนเรียนปริญญาโทได้เยอะเลยทีเดียว
*หมายเหตุ: การเรียนคอร์สภาษา ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่เข้าเรียนจะได้ไปเรียนระดับปริญญาโทต่อนะคะ เพราะเค้าจะมีเกณฑ์การให้คะแนนอยู่ ประกอบไปด้วย คะแนนเข้าเรียน, คะแนนงาน (Report กับ Essay) และคะแนนสอบ (Mid-course กับ Final) ซึ่งคะแนนรวมของทุกคนหลังจากจบคอร์สไปแล้วต้องไม่ต่ำกว่า 50% ถึงจะมีสิทธิเข้าเรียนต่อระดับปริญญานะคะ
จริงๆ แตนอยากจะลงรายละเอียดมากเลยว่าแต่ละสัปดาห์เรียนอะไรบ้าง แต่ถ้าลงรายละเอียดมันจะเยอะและน่าเบื่อเกินไป T_T สำหรับใครอยากจะดูรายละเอียดคอร์สเรียนภาษาสามารถกดเข้าไปดูได้ตามลิงก์นี้เลยค่ะ คลิก
ขอเพิ่มเติมข้อมูลอีกนิดหน่อยนะคะ (ไม่ค่อยสำคัญเลย แค่อยากจะเล่าให้ฟังเฉยๆ 555)
วันแรกจะเป็นการแนะนำเจ้าหน้าที่, อาจารย์ การนัดหมายเรื่องทำบัตรนักเรียน (ช่วงเรียนภาษา) การเปิดบัญชีธนาคาร และการสอบวัดระดับภาษาเพื่อแยกนักเรียนไปแต่ละห้องเรียน (นักเรียนในคอร์สเรียนภาษา 12 สัปดาห์มีประมาณ 400 คน คิดเป็นนักเรียนจากประเทศจีน 90% แถบซาอุดิอาราเบีย 9% ชาติอื่นๆ 1% ก็คือคนไทยสองคน คนญี่ปุ่นหนึ่งคนนั่นเอง) โดยการสอบก็จะมี ฟัง อ่าน และเขียนค่ะ หลังจากสอบเสร็จก็จะมีการประกาศรายชื่อนักเรียนและอาจารย์แต่ละห้องค่ะ ห้องหนึ่งมีนักเรียนประมาณ 13-15 คน โดยจะเรียนวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00-12.00 และ 13.15-15.15 น.
ขบวนนักเรียน Pre-sessional course ยามเช้า
โฉมหน้าสมาชิก Class 20 (ไทย 1 ซีเรีย 1 ซาอุดิอาราเบีย 1 และ จีนอีก 11 คน)
บรรยากาศในห้องเรียน (ช่วงพักเบรก)
เพื่อนๆ ไปถามคำถามอาจารย์ฟาวโต้ (อาจารย์ประจำชั้นของแตนเอง สอนดีมากเว่อร์)
หลังจากเรียนไป 4 สัปดาห์ จะมีการสอบ สอบเสร็จก็จะมีการจัดห้องใหม่ (เหมือนเค้าจะย้ายคนที่ได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ไปอยู่ห้องเดียวกัน โดยยุบบางห้องเรียน ทำให้เด็กห้องนั้นต้องกระจายมาอยู่ห้องอื่นแทน) ซึ่งจากการสอบในครั้งนี้เราก็ได้สูญเสียอาจารย์ฟาวโต้ (โดนย้ายไปสอนห้องเด็กคะแนนไม่ถึงเกณฑ์) และสมาชิกในห้องไป 1 คน (นางสอบได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์) หลังจากผ่านพ้นไปแล้วทั้ง 12 สัปดาห์ เราก็เหลือสมาชิกผู้รอดชีวิตที่ผ่านเข้ารอบไปเรียนในระดับปริญญาของ Class 20 ทั้งหมด 13 คนค่า (ในรูปมี 12 คนเพราะอีกคนไม่ได้มาด้วย)
ฉลองวันสุดท้ายของคอร์สเรียนภาษา เสื้อสีส้มคืออาจารย์ประจำชั้นคนใหม่ หลังจากที่ฟาวโต้จากไปชื่อลอน่า (คนนี้ก็สอนดีมากเว่อร์)
ถ่ายรูปรวมกับฟิล (แว่นน้ำเงิน) อาจารย์สอน class บ่าย อาจารย์รักนักเรียนห้องนี้ เพราะเป็นห้องเดียวที่เพื่อนๆ(ชาวจีน) สนุกสนานกับมุก/สิ่งที่อาจารย์พูดเกี่ยวกับเมืองจีน -..-
ได้ใบรับรองว่าเรียนผ่านคอร์สเรียนภาษาละจ้า
งานสอนเต้น British Traditional Dancing อะไรประมาณนี้ (จริงคอร์สเรียนเค้ามีกิจกรรมเยอะมากเลยนะคะ มีจัดงานเลี้ยงนั่นนี่ มีพาไปเที่ยว Bath กับพิพิธภัณฑ์ St. Fagan แบบฟรีๆ เลยจ้า)
โฉมหน้าผู้รอดชีวิต และอาจารย์ประจำชั้น (สอนตอนเช้า) ลอน่า กับอาจารย์ (สอนตอนบ่าย) ฟิล
สรุปนะคะ คอร์สเรียนภาษานอกจากจะช่วยปูพื้นฐานด้านภาษาเพื่อเอาไปใช้ในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว ยังช่วยเรื่องของการใช้สื่อจากห้องสมุด การใช้เครื่องปริ้นท์ของมหาวิทยาลัย รวมถึงเรื่องของการต่อวีซ่าสำหรับคนที่ได้วีซ่าถึงแค่ช่วงเรียนภาษา เป็นต้น โดยทางมหาวิทยาลัยเค้าจะมองว่าเด็กที่มาเรียนภาษาเนี๊ยะเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทุกสิ่งที่อย่างที่เค้าสอนหรืออธิบายให้เรา มันจะเป็นไปแบบช้าๆ ชัดๆ มีการสาธิตวิธีการให้ดู จะได้เห็นภาพว่าต้องทำยังไง ที่สำคัญการเรียนคอร์สภาษามันจะยังเรียนแบบไม่เครียด เราก็จะมีเวลาปรับตัวทั้งเรื่องภาษา สภาพแวดล้อม ชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงการได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกด้วยค่ะ
สนใจเรียนต่อ Cardiff University ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก