ก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงเหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจมา “เรียนต่อที่อังกฤษ” คราวนี้เราขอมาเล่าต่อว่า หลังจากเราตัดสินใจมาเรียนต่อแล้ว ต้องทำอะไรบ้าง เพราะสำหรับเรามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อย่างแรกเลย เราว่าภาษาคือเรื่องสำคัญ สำหรับคนที่ไม่เคยเรียนโรงเรียนอินเตอร์ หรือภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงอย่างเรานั้น การสอบ IELTS เป็นอะไรที่เรากลัวมาก โดยการสอบ IELTS จะแบ่งเป็น 4 Parts คือ Listening, Speaking, Reading และ Writing หลังจากที่เราลองอ่านหนังสือเอง ลองทำแบบฝึกหัดเอง เราคิดว่า Listening กับ Reading มันก็ไม่ได้ยากนะ ถ้าฝึกทำบ่อย ๆ ก็น่าจะรอด เพราะมันมีเฉลย เราสามารถเรียนรู้และแก้ไขข้อบกพร่องข้อตัวเองได้ แต่ Writing กับ Speaking นี่สิที่เราไม่รู้ เราไม่รู้ว่าที่เขียนไปเป็นอย่างไร Grammar ถูกต้องมั้ย
เราเลยตัดสินใจไปเรียนเพื่อให้รู้แนวทางในการทำข้อสอบ ซึ่งสิ่งที่เราคิดว่าสำคัญสุดใน 2 พาร์ทนี้ก็คือ คำศัพท์ เพราะจะเป็นตัวดึงคะแนนขึ้นได้ดี หากเพื่อน ๆ อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วคิดว่าต้องไปเรียนแบบเรารึป่าว เราว่าเพื่อน ๆ ลองทำข้อสอบ ลองหาจุดบกพร่องตัวเองก่อนว่าสามารถแก้ไขเองได้หรือป่าวก่อน แล้วค่อยตัดสินใจก็ยังได้ เราว่า IELTS ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ขอเพียงมีความเพียรพยายาม และที่สำคัญคือ ‘มีสติ’ จัดการกับข้อสอบภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้นก็พอ เราเชื่อว่า ทุกคนจะผ่านมันไปได้เหมือนเรา
ระหว่างที่เตรียมตัวเรื่องภาษา เราก็เริ่มหาข้อมูลมหาวิทยาลัยและคณะเรียนไปด้วย ต้องบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก เพราะเราทำงานไปด้วยเลยไม่ค่อยมีเวลามาหาข้อมูล ไหนจะต้องเตรียมสอบ IELTS เตรียมเอกสารที่ใช้ในการสมัคร ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด เราไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน เราเลยลองไปคุยกับเอเจนซี่ดู ด้วยความกลัวเราเลยคุยพร้อมกัน 3 เอเจนซี่เลย เพราะเราอยากเลือกที่ที่ดีที่สุด สิ่งที่เรารู้สึกดีกับทั้ง 3 ที่เลยคือ เราแค่บอกความต้องการว่าเราอยากเรียนด้านไหน พี่ ๆ เหล่านี้ก็จะส่งข้อมูลมาให้ว่ามีคณะไหน มหาวิทยาลัยไหนบ้าง พร้อมบอกคะแนน IELTS ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดมาเรียบร้อย เพื่อให้เราตัดสินใจเลือก
สุดท้ายเราก็เลือกใช้ Hands On
เพราะเรารู้สึกพี่ที่นี่เค้าใส่ใจกับเรื่องของเรามาก เหมือนเป็นเค้าเองที่เป็นคนจะไปเรียนต่อ เวลาขอข้อมูลอะไรไป ไม่เกิน 1 วันก็ได้คำตอบกลับมา ที่สำคัญคือพี่เค้าวางแผนให้เราล่วงหน้าว่าต้องไปทำอะไรบ้าง พร้อม Priority ให้เรียบร้อยว่าอันไหนต้องรีบจัดการก่อน อันไหนรอทำทีหลังได้ ทำให้เราเห็นภาพรวมว่าต้องจัดการอะไร เมื่อไหร่บ้าง นอกจากนี้ยังคอยตามเช็คเรื่อย ๆ ว่าเราเตรียมตัวถึงไหนแล้ว เราเลยรู้สึกอุ่นใจ จากปัญหาหลาย ๆ อย่างที่กังวลก็เริ่มจางไป เช่น การเขียน SoP พี่เค้าก็จะช่วยตรวจให้ว่าพอมั้ย ต้องเพิ่มอะไรหรือไม่ เป็นต้น
อีกบริการที่เราชอบมากจากทาง Hands On คือ “การจัดสัมมนา” ที่มีมาเรื่อย ๆ เช่น การเตรียมตัวก่อนไปเรียนต่อ ว่าไปถึงแล้วต้องทำอะไรบ้าง อะไรควรเตรียมไปจากไทย อะไรที่สามารถไปซื้อได้ที่นู่น เป็นต้น แต่ที่เราชอบสุดคงเป็นงานสัมมนาที่ให้เราได้รู้จักเพื่อนที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน จากคนที่เคว้ง ๆ ต้องไปเรียนคนเดียว ก็เริ่มมีเพื่อน เริ่มรู้จักคนนู้นคนนี้ แม้จะเป็นการเจอกันเพียงสั้น ๆ แต่ก็ทำให้อย่างน้อยเราก็มีเพื่อนไว้คอยปรึกษา คอยสอบถามอะไรได้ และเมื่อเดินทางมาถึงอังกฤษ เพื่อนเหล่านี้แหละที่คอยชวนกันไปไหนมาไหน ช่วยกันเรียน ทำให้เราไม่เหงาอีกต่อไป
สุดท้ายนี้ หากใครที่สนใจจะเรียนต่อแล้วไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เราแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองติดต่อกับทางพี่ ๆ Hands On ดู เพราะพี่ ๆ เค้ามีประสบการณ์มามาก ส่วนใหญ่ก็คือคนที่เรียนจบจากอังกฤษนั่นแหละ เพราะฉะนั้นพี่เค้าให้คำปรึกษาได้มากกว่าแค่การเตรียมเอกสาร การสมัครมหาวิทยาลัย และไม่ใช่แค่ดูแลอยู่ที่ไทย เมื่อเรามาเรียนที่นี่ เราก็ยังปรึกษาพี่ ๆ เค้าได้อีกเรื่อย ๆ ดังนั้น หากตอนนี้เพื่อน ๆ ไม่รู้ต้องทำอะไรบ้าง ทำอะไรก่อนอะไรหลัง ปัญหาพวกนี้จะคลี่คลายแน่นอน เมื่อไปหา Hands On!
น้องออมสินเอารูปสวยๆ มาฝากเพื่อนๆ กันด้วยค่ะ 🙂
น้องออมสินและเพื่อนๆ
น้องออมสินและเพื่อนๆ
ภาพที่เมือง Southampton
Ocean Village
สนใจเรียนต่อ University of Southampton ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก