เรากับเพื่อนมาเรียนต่อ ป.โท เป็นเวลาหนึ่งปี และเช่าห้อง studio แบบที่มีครัวเล็ก ๆ ส่วนตัวอยู่ในห้องเลยเพราะอยากประหยัดค่าอาหารกันแบบสุด ๆ
เนื่องด้วยเป็นครัวแยก เลยต้องซื้ออุปกรณ์เครื่องครัวใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถพึ่งใบบุญจากคนก่อน ๆ ที่ทิ้งเครื่องครัวไว้ในห้องครัวรวมอย่างห้อง flat ได้ ก่อนเดินทางเราเลย คิดกันว่า “เหย จะให้ไปแบกทุกอย่างมาจากห้างก็คงไม่ไหว คงมีแขนหลุดกันบ้าง” เราเลยตัดสินใจสั่งของล่วงหน้าจากเว็บ unikit ซึ่งทางหอก็แนะนำ และมีโค้ดส่วนลดให้ด้วยนะ รู้สึกว่า 10% แหนะ
ระบบสะดวกง่าย บอกวันที่ให้เขามาส่งได้เลยด้วย เราเลือกให้มาส่งก่อนเราเดินทางไปถึง 1 วัน พอไปถึงหอก็จะอุ่นใจม้าก ของ(เกือบ)ครบ เหลือแกะกล่องจัดห้องกันให้สนุก เครื่องใช้จากเว็บที่มีให้เลือกสั่งแบ่งเป็น 3 โหมด คือ เครื่องครัว เครื่องนอน และห้องน้ำ
ในส่วนเครื่องครัว เราได้อุปกรณ์มาตามภาพเลย ครบถ้วนสุด ๆ มีตั้งแต่ผ้าผืนเล็ก(เราเอาไว้รองจานหลังล้าง ใช้ดีเลยแหละ) จานชามถ้วยและช้อนส้อม 2 ชุด หม้อกระทะ ยันที่เปิดขวดไวน์ อนึ่ง กล่องเก็บอาหารที่ให้มาก็เป็นแบบอุ่นในไมโครเวฟได้ด้วย สะดวกต่อคนห่อข้าวไปกินที่มหาวิทยาลัยแบบเรามาก (และจากที่สังเกต เด็กมหาลัยส่วนใหญ่ก็ห่อกันไปนะ เขาถึงกับมีส่วนไมโครเวฟ ที่ล้างจาน ตู้เย็นไว้ให้ใช้เกือบทุกตึกเลย) เพิ่มเติมเราสั่งหม้อหุงข้าวกันมาด้วยด้วย หม้อใหญ่มาก เศร้า คือ น้องกดทำงานไม่ได้ ดีที่ทางนั้นมีประกัน แค่แจ้งไปทาง chat live ของเว็บและบอก reference number ที่มากับกล่อง เขาก็ส่งหม้อใหม่มาแลกกับหม้อเก่าคืนเลย ไม่ยุ่งยาก หุงทีกินได้นานมาก ดังนั้นถ้าอยู่คนเดียว ก็ไปหาหม้อที่เล็กกว่านี้จะดีกว่า
พวกข้อเสียที่มีก็คือ หม้อกับกระทะบอบบางมาก อาหารติดก้นเกือบตลอดเลย แต่ก็ถือว่าคุ้มสำหรับช่วงแรกนะ ยังไงมาถึงก็ได้ใช้เลย หลังใช้งานน้องอย่างสมบุกสมบัน เรากับเมทก็ตัดสินใจไปซื้อกระทะใหม่ใบใหญ่ไฟกะพริบมาจาก Morrison เจ้าห้างของไม่แพงที่มีทุกอย่าง
ส่วนตัว เราแนะนำว่าสั่งก็ดีนะ ชีวิตเดือนแรกตอนปรับตัวจะได้ไม่ยุ่งมาก แล้วค่อยไปซื้อแบบดี ๆ ใช้ยาว ๆ จากร้านเครื่องใช้ แต่ถ้าคิดว่าอยากประหยัดลงทุนทีเดียวใช้ยาว ๆ ก็เดินไปซื้อเครื่องครัวจาก b&m ดีกว่า มีเครื่องใช้หลายหมวดให้เลือกครบครันมากที่สุด แถมโดยส่วนใหญ่ราคาถูกกว่าร้านอื่น ๆ อีกต่างหาก
ในส่วนเครื่องนอน นอกจากที่แบกผ้าปูเตียงและปลอกหมอนมาเองจากบ้านด้วย เราสั่งชุดเครื่องนอน ปลอกที่นอน ปลอกหมอน ปลอกผ้าห่ม กันไปคนละชุดเผื่อเอาไว้เปลี่ยนเวลาซัก (มีให้เลือกสีด้วยน้า) ความเศร้าก็คือ ถึงจะสั่งแบบ single bed ไปแต่ผ้าคลุมเตียงเล็กกว่าที่นอนในหอมาก สุดท้ายก็เลยต้องไปซื้อกันใหม่จาก Primark ในเมือง (ที่ Morrison กับ b&m ก็มีเยอะนะ ราคาเอื้อมถึงได้ ในรูปจะเป็นภาพจาก Morrison) ด้วยความขยาดเรื่องไซส์ เราเลยเลือกซื้อกันแบบไม่จีบ (unfitted bedsheet) แล้วไปพับมุมเตียงกันเอง เพิ่มเติมว่าปลอกผ้าห่มของ Primark แบบน่ารัก อุ่น ๆ นุ่มฟู มีให้เลือกเยอะมาก (อย่างที่วางอยู่บนเตียงชมพูในภาพ) ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องนอนเตียงเปล่าสักวันสองวัน เราแนะนำไปซื้อข้างนอกดีกว่า ส่วนในเรื่องของหมอน ที่หอเรามีให้แค่คนละ 1 ใบฟีบ ๆ ถ้าเป็นคนไม่ติดหมอนข้าง และชอบหมอนแบนก็โอเคเลยแหละ แต่เรากับเมทไปซื้อหมอนนุ่มฟูมาจาก Morrison มาอีกคนละใบ นอนสบายขึ้นมาก
ส่วนในโซนห้องน้ำเรากับเมท แบกกันไปเองทั้งหมดเลย ทั้งผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม แปรงต่าง ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ไปหาซื้ออะไรเพิ่มเติมกัน อย่างสบู่ ยาสระผม ครีมนวด (ของพวกนี้เราแยกซื้อกันหมดเลย
ชอบคนละแบบ บวกจะได้ไม่มีปัญหาใครใช้เยอะ ใช้น้อย)
ของที่ซื้อเพิ่มกันอีกตั้งแต่ช่วงแรกเลย คือ ไดร์เป่าผม และกาน้ำร้อน สองอย่างนี้แนะนำอย่าซื้อแบบถูกเกินนะ ลงทุนหน่อยให้น้องอยู่ได้นาน ตอนแรกเรากับเมทซื้อกาต้มน้ำแบบอยากประหยัดเงินมา (ลืมเช็ค มัวแต่ประหยัดเลยได้แบบทำความร้อนผ่านขดเกลียวด้านล่าง) ใช้งานน้องอย่างหนักหน่วง ผลก็คือก้นกาเป็นคราบ ต้องบอกลาน้อน ไปซื้อใหม่อยู่ดี รอบนี้ตั้งใจดูตัวกาที่เป็นแสตนเลส และมีระบบทำความร้อนดี ๆ
พวกเสื้อผ้า เรากับเมทแบกกันมาไม่มาก อย่างกางเกงยีนก็เอามาแค่ 4 ตัวเอง จำนวนแทบจะหยิบมาตามในลิสต์ที่ Hands On แนะนำเลย ใส่ซ้ำกันบ้าง ซื้อใหม่ด้วยบ้าง (จริง ๆ ซื้อเสื้อกันหนาวเยอะเลยแหละ บวกเสื้อกันลม กันฝนด้วย อาการเหมือนช็อปปิงแก้เครียด) ส่วนหนึ่งเพราะเสื้อผ้าที่นี้เขาก็ออกแบบมาให้เหมาะกับอากาศที่นี่แหละนะ มันหนาว ลมแรง ฝนตกบ่อย (อย่างในรูปเป็นถุงเท้าที่นุ่มอุ่นแบบช่วยชีวิตเวลานอนมาก ๆ) ส่วนใหญ่เราจะเข้าร้านมือสอง ร้านที่นี่ต่างจากของมือสองที่เป็นภาพติดตาเรามากเลย จัดร้านสวย มีของถูก และดีเหมือนใหม่ขายเยอะมาก เรามักหยิบตัวที่ยังไม่ได้ตัดป้ายเลยมา เหมือนได้ของมือหนึ่งเลย อีกอย่างที่ช่วยกันหนาวได้ดีมากคือถุงน้ำร้อน เราสอยอันที่มีขนนุ่มฟูมานอนกอด สบายตัวมาก
สุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ ยา และอาหาร(ไทย) เราให้พื้นที่ส่วนนี้ครึ่งกระเป๋าเลยนะ เพราะที่อังกฤษอาจจะไม่มีขาย และถึงจะมี แต่ก็แพง
อย่างยา นอกจากยาโรคประจำตัว เราเน้นยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสีย แก้แพ้ แก้ไอ ขับเสมหะ บวกที่ตรวจโควิดด้วย ที่ตุนไว้มากเพราะถึงยาแก้ปวดหลาย ๆ ตัวถึงจะมีขายที่ boots แต่มีติดตัวไว้สบายใจกว่ามาก โดยเฉพาะคนเป็นไมเกรนแบบเรา
ในส่วนอาหาร ที่เมืองจะมีร้านขายเครื่องปรุง อาหารจากเอเชียอยู่หลายร้านแหละ หลายอย่างเช่นพวกน้ำปลา ซอสหอยนางรม มีขายใน M&S ด้วยซ้ำ ชีวิตง่ายอยู่ แต่ก็จะแพงแหละนะ ของที่ยังไงรสชาติก็ไม่เหมือนบ้านเราเลยคือ น้ำพริก พริกป่น และเครื่องเทศที่ใช้ผัด ต้ม แกงอะไรต่าง ๆ เราแบกทั้งคนอร์ โลโบ้ โรซ่า แต่ที่ชอบที่สุดคือของ blue elephant แพงกว่า แต่รสจัดจ้าน กินแล้วมีความสุขเหมือนอยู่ไทยมาก ไว้เป็นมื้อให้รางวัลตัวเอง อีกอย่างที่แบกเยอะคือโจ้กซอง ไว้กินในวันขี้เกียจ และรีบ ๆ
ใครจะเดินทางก็อย่าลืมจัดของวางแผนกันดี ๆ นะ ทุกกิโลมีค่า ใช้สอยอย่างเต็มที่!!