เรียนต่ออเมริกา

พาส่องมหาวิทยาลัย จะเรียนต่ออเมริกา ที่ไหนน่าเรียนบ้าง

  • Share this:

พาส่องมหาวิทยาลัย จะเรียนต่ออเมริกา ที่ไหนน่าเรียนบ้าง

เรียนต่อ USA ที่ไหนดีนะ

การเรียนต่อถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุดและภาษาอังกฤษในยุคปัจจุบันนี้ นับเป็นภาษาสากลที่สำคัญสำหรับการทำงาน และการสื่อสารกับคนทั่วโลก บทความนี้เราจะพาไปสำรวจ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำที่สหรัฐอเมริกาว่ามีที่ไหนน่าเรียนบ้างและแต่ละมหาวิทยาลัยมีความโดดเด่นในเรื่องใดบ้าง

เรียนต่ออเมริกา

ทำไมถึงควรไปเรียนต่ออเมริกา (เรียนต่อ USA)

คนส่วนใหญ่มองว่าการเรียนต่อต่างประเทศเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่จะได้ทั้งประสบการณ์ในการใช้ชีวิต ได้เปิดโลกทัศน์  ได้ทั้งภาษาและวุฒิการศึกษา แต่จะเลือกมหาวิทยาลัยและโปรแกรมการเรียนอย่างไร วันนี้พี่ ๆ Hands On จะพาไปส่อง 10 มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาที่น่าไปเรียนมาก

สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม เป็นประเทศที่ใหญ่ และยังเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก แถมยังมีชื่อเสียงในด้านการศึกษาที่คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ เนื่องจากมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ในด้านการเรียนการสอนและอีกหลากหลายเหตุผลดังต่อไปนี้

 

1. ระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยม

ระบบการศึกษาในอเมริกา ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูง มีความยืดหยุ่นในโปรแกรมการเรียนการสอน โดยมีวิชาเลือกนอกสายเรียนให้เลือกด้วย มีหลักสูตรให้เลือกเรียนมากมาย ทั้งระยะสั้น ระยะยาว หรือหลักสูตรผสมปริญญาตรีบวกปริญญาโท อเมริกายังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก

2. มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม

เนื่องจากอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่ จึงทำให้มีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างมุ่งเป้าไปศึกษาต่อที่นี่ อเมริกาจึงเป็นเหมือนศูนย์รวมทางด้านวัฒนธรรม มีสถิติรายงานว่า ในแต่ละปีอเมริกาจะมีนักศึกษาต่างชาติทั่วทุกมุมโลกมาเรียนต่อประมาณ 1.1 ล้านคน ด้วยความที่ประเทศมีความใหญ่โต จึงทำให้อเมริกามีมหาวิทยาลัยชั้นนำมากกว่า 5,500 แห่งให้เลือกเรียน น้อง ๆ จะได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมและภาษาที่หลากหลายจากเพื่อน ๆ ทั่วโลก

3. สำเนียงแบบอเมริกัน

แน่นอนว่าการส่งลูกหลานไปเรียนต่อต่างประเทศนั้น สิ่งที่อยากให้ลูกหลานเราได้เป็นอันดับแรกคือเรื่องของภาษาอังกฤษ อเมริกาเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร และภาษาอังกฤษถือเป็นภาษาสากลที่คนในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องมีความรู้ สำเนียงแบบชาวอเมริกัน นอกจากจะฟังดูเท่แล้ว ยังเป็นสำเนียงที่ฟังง่ายและรื่นหูมากที่สุด

4. ความมั่นใจในการแสดงออก

จะสังเกตได้ว่า น้อง ๆ ที่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศส่วนใหญ่แล้ว พอสำเร็จการศึกษากลับมา จะมีความมั่นใจ กล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น เพราะการเรียนการสอนในต่างประเทศ มักจะสอนให้นักเรียนคิด กล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองเห็นต่าง กล้ายอมรับเมื่อตัวเองตอบผิด สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เรียกได้ว่าเป็นกำไรในด้านบุคลิกภาพที่น้อง ๆ จะได้กลับมา ข้อดีก็คือ เมื่อไปสมัครงาน น้อง ๆ จะมีความกล้าที่จะตอบคำถาม และฉะฉานในการพูด การแสดงความคิดเห็น ซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ดีเลยทีเดียว

และนั่นก็คือเหตุผลเด่นที่ทำให้การเลือกเรียนต่อที่อเมริกาเป็นอีกประเทศเรียนต่อที่น่าสนใจมาก ๆ พี่ ๆ Hands On ขอพามาทำความรู้จัก 10 มหาวิทยาลัยในอเมริกาที่น่าไปเรียนมาก

 

  1. Northeastern University

เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน เรียกย่อ ๆ ได้ว่า NU หรือ NEU ก็ได้ เป็น Private Research University เป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัย โดยจัดอยู่ใน Teir 1 ของอเมริกาในด้านการวิจัย ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Harvard และ MIT ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1898 ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ทั้งทางด้านงานวิจัยและคณาจารย์ รูปแบบการเรียน จะเน้นประสบการณ์จริง โดดเด่นในสาขาวิชาที่เกี่ยวกับตัวเลข Business, Finance และ Management ค่าเรียนสำหรับปริญญาตรีอยู่ที่ประมาณ $40,000-$80,000 ตลอดหลักสูตร

ที่ Northeastern University นอกจากจะมีที่สหรัฐอเมริกาแล้ว ยังมีวิทยาเขตที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษอีกด้วย ตั้งอยู่ที่ท่าเรือ St.Katherine ใจกลางกรุงลอนดอน ซึ่งแต่เดิมนั้นตั้งอยู่ที่เมือง Bedford Square และได้ทำการย้ายไปสถานที่ใหม่ ที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าเดิม วิทยาเขตใหม่แห่งนี้ ทำไว้เพื่อรองรับนักศึกษาที่เพิ่มขึ้น และยังจัดตั้งให้วิทยาเขตนี้ เป็นที่ตั้งของสำนักงานธุรการอีกด้วย น้อง ๆ ที่สนใจหลักสูตรการเรียนการสอนของ Northeastern University ก็สามารถเลือกได้ว่าอยากไปเรียนที่วิทยาเขตในสหรัฐอเมริกา หรือวิทยาเขตในอังกฤษ

 

2. Arizona State University

Arizona State University เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาล ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของอเมริกา และเป็นที่ 1 ในด้าน Innovative ของประเทศ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1885 ASU เป็นมหาวิทยาลัยในอริโซน่าเพียงที่เดียวที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ใน 10 อันดับแรกของ Best Buy มีอยู่ด้วยกัน 5 วิทยาเขต คือ Tempe (Main Campus), Downtown Phoenix, Polytechnic Campus, West Campus และ ASU @ Lake Havasu City  

ASU จัดว่าเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ด้าน Innovation เป็นเวลาร่วม 7 ปีซ้อน และยังได้รับการโหวตให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 โดยการคัดเลือกจากความพึงพอใจของนักศึกษาต่างชาติ และมี 6 สาขาวิชาที่ติดอันดับ 25 อันดับแรกของประเทศ อาทิเช่น การจัดการ การบริหารรัฐกิจ วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมศาสตร์ บริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์

หลักสูตรการเรียนการสอนที่นี่เน้นที่ความสำเร็จของนักศึกษาเป็นหลัก โดยมีชื่อเสียงในสาขาวิชา Business, Engineering และ Computer Science ค่าใช้จ่ายโดยประมาณอยู่ที่ $32,000-$40,000 ต่อปี 

 

3. Clark University

มหาวิทยาลัย Clark เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของอเมริกา ที่เปิดสอนหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา หรือปริญญาตรี-โท-เอก  และมีการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านงานวิจัยและนวัตกรรม ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1887 ตั้งอยู่ที่เมือง Worcester, Massachusetts และยังถูกขนานนามว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความร่มรื่นและสวยงามด้านสถาปัตยกรรม สาขาที่โดดเด่นของ Clark คือ สาขาวิชา Finance, Marketing Analytics, Business Analytic และ IT 

คณะ School Of Management ของ Clark ได้รับการรับรองคุณภาพการศึกษาจาก AACSB Accredite ซึ่งมีมหาวิทยาลัยเพียง 5% ของโลกเท่านั้นที่ได้รับการรับรองนี้ ใครที่มาสายธุรกิจเลือกเรียนที่ Clark ไม่ผิดหวังแน่นอน ซึ่งค่าเล่าเรียนต่อปีอยู่ที่ $10,000-$17,000 

 

4. Hult International Business School

Hult International Business School ตั้งอยู่ที่เมือง Cambridge, Messachusetts มีสาขาอยู่ทั่วโลก ได้แก่ Boston, London, San Fransisco, Dubai, New York และ Shanghai ความพิเศษของ Hult ก็คือ นักเรียนสามารถ Rotate ไปเรียนที่สาขาอื่นๆ ได้ทั้ง 6 สาขา มุ่งเน้นการสอนเฉพาะวิชาบริหารธุรกิจเท่านั้น โดยหลักสูตรปริญญาตรีสาขาธุรกิจของที่นี่จะมีระยะเรียนแค่ 1 ปีเท่านั้น ค่าเทอมต่อปีอยู่ที่ $30,000

Hult ได้รับการรับรองจาก EQUIS ให้อยู่ในสถานะ Triple Crown Accrediation สถาบันการศึกษาที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก 3 องค์กรใหญ่ด้านการศึกษาที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ AACSB, EQUIS และ AMBA ซึ่ง Hult ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยธุรกิจแห่งแรกและเเห่งเดียวในอเมริกาที่ได้รับ Triple Crown Accrediation

 

5. Pace University

Pace University เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ติดอันดับ Top 100 ในอเมริกา ตั้งอยู่ที่ Manhattan, New York ใกล้ๆมหาวิทยาลัยจะมีสถานที่สำคัญๆ เช่น Wall Street, SOHO City Hall โดดเด่นในสาขาบริหารธุรกิจ, สุขภาพ, คอมพิวเตอร์, กฏหมาย, ศิลปศาสตร์, เศรษฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ค่าเทอมต่อปี $39,780 

นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยยังมีวิทยาเขตนอกตัวเมืองนิวยอร์ก คือที่ Westchester วิทยาเขตที่ห่างออกไปจากตัวเมืองนี้จะค่อนข้างสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ และให้บรรยากาศสวยงามไปอีกแบบ ต่างจากความคึกคึกแบบตัวเมือง

 

6. Savannah College of Art and Design (SCAD)

Savannah College of Art and Design (SCAD) เป็นสถาบันศิลปะและการออกแบบที่สอนหลักสูตรปริญญาตรีและโท ตั้งอยู่ที่เมือง ซาวานนาห์ รัฐจอร์เจีย  มีวิทยาเขตอยู่ที่ฝรั่งเศสและฮ่องกง แน่นอนว่าทางสถาบันมีความโดดเด่นในสาขาศิลปะและการสร้างสรรค์ เปิดสอนสาขาศิลปศาสตร์, วิจิตรศิลป์, สถาปัตยกรรมและการออกแบบเมือง แต่หากไม่อยากไปเรียนยาวๆ เป็นปีๆ ที่นี่ก็มีหลักสูตรระดับประกาศนียบัตร (Certificate) ในสาขาวิชาการออกแบบ, กราฟฟิค, แอนนิเมชั่น, ภาพยนต์และโทรทัศน์, แฟชั่นและการถ่ายภาพ เรียกว่า ผู้ที่ทำงานแล้วอยากจะพักสมองไปหาความรู้เพิ่มเติม ก็สามารถเลือกเรียนหลักสูตรนี้ได้ สำหรับค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรีต่อปีอยู่ที่ $31,905 และ $32,670 สำหรับปริญญาโท

 

7. Illinois Institute of Technology 

มหาวิทยาลัยอิลีนอยส์ เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียง เป็น Tier 1 Private Research University ตั้งอยู่ที่เมืองชิคาโก และยังถือว่ามหาวิทยาลัยแห่งเดียวในเมืองชิคาโกที่เป็น Tech University สามารถเรียกสั้น ๆ ได้ว่า IIT มีความโดดเด่นในสาขาวิชาหลายด้าน อาทิเช่น สาขาการแพทย์, สาขาคณิตศาสตร์ประกันภัย, สาขาวิจิตรศิลป์, สาขากายภาพและนันทนาการ และสาขาเทคโนโลยี สาขาบริหารของที่นี่ได้รับการรับรองจาก AACSB ทั้งทาง การบริหาร และการบัญชี เป็นอันดับต้น ๆ ของ World’s Business School เรียกว่าใครอยากมาสายนักธุรกิจ มหาวิทยาลัยนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว โดยค่าเทอมปริญญาตรีต่อปีตกอยู่ราว ๆ $47,480 1.5 ล้านบาท 

 

8. University of Connecticut

University of Connecticut แรกเริ่มเดิมทีเป็นวิทยาลัยศึกษาศาสตร์การเกษตร ต่อมาได้รับการสนับสนุนจนพัฒนามาเป็น University of Connecticut และสามารถครองอันดับ Top 25 ของมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่ดีที่สุดในอเมริกาอีกด้วย และนอกจากนี้ สถาบันได้รับการยอมรับในฐานะ Public Ivy เปิดสอนทั้งปริญญาตรี, โทและเอก สาขาที่เปิดสอน ได้แก่ ศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์, เกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ, ศึกษาศาสตร์, สุขภาพ, พยาบาล, บริหารธุรกิจ, ทันตแพทย์ศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์ ฯลฯ สามารถเข้าไปเช็ค Ranking ของแต่ละคณะของ University of Connecticut ได้ที่ www.hands-on.co.th 

 

9. University of Southern California

University of Southern California มีชื่อเสียงในสาขาวิชา แพทยศาสตร์, ทันตแพทย์, บริหาธุรกิจ, วิศวกรรมศาสตร์, วารสารศาสตร์, สถาปัตยกรรม และภาพยนต์ โดดเด่นและมีชื่อเสียงมากในด้านภาพยนต์และการออกแบบเกมส์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้อยู่อันดับ 1 ในอเมริกา ค่าเล่าเรียนต่อปีอยู่ที่ $54,259

นอกจากนั้น มหาวิทยาลัยนี้ยังมีชื่อเสียงโด่งดังและเป็น 1 ในมหาวิทยาลัยที่ดี่สุดจาก Top 100 มหาวิทยาลัยของโลกอีกด้วย ส่วนในเรื่องของสาขาวิชาเรียนที่ติดอันดับโลก อาทิเช่น สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ ที่ติดอันดับที่ 30 หรือชีววิทยา ที่อยู่อันดับที่ 37 สาขาจิตเวชที่ติดอันดับ 52 และยังมีอีกหลายสาขาวิชาที่ติดอันดับโลก นับว่าเป็นมหาวิทยาลัยคุณภาพอีกแห่งที่น่าสนใจ 

 

10. University of Vermont

University of Vermont มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เมือง เบอร์ลิงตัน เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ รอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ  มีความปลอดภัยสูง USC จัดอยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยวิทยาลัยรัฐชั้นนำ Public Ivy League ด้วยชื่อเสียงในด้านผลงานการวิจัย นักเรียนจากทั่วทุกมุมโลกจึงนิยมมาเรียนกันที่นี่ และเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ยอมรับสตรีและชาวแอฟริกัน-อเมริกัน เข้าสู่สังคมเกียรติยศของ Phi Beta Keppa หลักสูตรที่เปิดสอนได้แก่ เกษตรศาสตร์, ศิลปะศาสตร์, บริหารธุรกิจ, วิศวกรรมและคณิตศาสตร์, แพทย์ศาสตร์และการพยาบาล โดยมีค่าเรียนต่อปีประมาณ $38,168 

ที่สำคัญคือ ด้วยความที่เมืองเบอร์ลิงตันเป็นเมืองเล็ก ๆ เมืองนี้จึงถูกจัดว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ เพราะค่าครองชีพไม่สูง โดยถูกจัดอันดับการให้คะแนน 65.24 คะแนน จาก 100 คะแนนเต็ม ถือว่าเป็นคะแนนที่สูงทีเดียว ถ้าเทียบกับเมืองอื่น ๆ ในอเมริกา

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยที่น่าไปเรียนต่อของสหรัฐอเมริกา ยังมีอีกหลายสาขาวิชา หลายมหาวิทยาลัยที่น่าไปเรียน ทั้งคอร์สสั้นแบบ Certificated หรือคอร์สยาวดังที่กล่าวไปแล้ว และที่สำคัญมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เหล่านี้ ยินดีต้อนรับเด็กเก่ง ๆ ที่ต้องการทุนการศึกษา

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ น้องๆสามารถปรึกษาพี่ ๆ Hands On ได้ทุกขั้นตอน ที่ Hands On เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนต่อต่างประเทศ สามารถให้คำแนะนำกับน้อง ๆ ที่สนใจในการเรียนต่อต่างประเทศ เช่น การไปเรียนต่ออเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์และสิงคโปร์ ให้คำปรึกษาทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและเอก และสำหรับน้อง ๆ ที่สนใจเรียนคอร์สภาษาระยะสั้น ๆ ก็สามารถเข้ามาปรึกษาพี่ ๆ Hands On ได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 

 

Hands On บริการให้คำปรึกษาแนะแนวการเรียนต่อต่างประเทศ

เรียนต่ออังกฤษ เรียนต่ออเมริกา เรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อปริญญาตรี-โท-เอก ต่างประเทศ

เปิดบริการ 6 สาขาทั่วประเทศไทย คือ สีลม (สำนักงานใหญ่), สุขุมวิท, ปิ่นเกล้า, พระราม 2, พระราม 9 และเชียงใหม่

Line : @handson
Facebook : www.facebook.com/HandsOnEdu
Tel : 02 635 5230, 02 821 6877, 084 245 1708

Enquiry Form

Please provide the following information and we will aim to respond within 48 hours:

Your details
Please enter your first name.
Please enter your last name.
Please enter a valid email address.
Please enter your phone number.
Please select a country you want to study.
Please select a year you want to study.
Please select your preferred branch.

* All fields required (in English)

  • Share this: