Hands On Education Consultants

Welcome to the classroom (1)

กลับมาต่อเเล้วค่าาาาาา….

บทความรอบนี้บี๋จะเน้นเล่าเรื่องของการเรียนในวันแรกนะคะ….ว่าเเล้วก็ไปอ่านกันเลยยย

เข้าสู่การเรียนอย่างเต็มรูปแบบ ตื่นเเต่เช้าาา เช้ามากกก เพราะเรายังไม่ชินกับการปรับเปลี่ยนเวลานอน เวลาของที่นี่ช้ากว่าของประเทศไทย 6 ชั่วโมง และจะเปลี่ยนเป็นช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง ในฤดูหนาว คืนแรกที่มาถึง เรานอนตั้งแต่สองทุ่ม (เด็กอนามัยไหมล่ะ) แต่สองทุ่มของที่นี่ยังสว่างโร่อยู่เลยจ้าา ปิดม่าน หาที่ปิดตานอนกันไป ตื่นเช้ามาก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวโดยอาหารเช้าของเราก็คือ นมและคอนเฟลก ที่โฮสลงมาเตรียมให้เราตั้งเเต่เช้า น่ารักป่ะล่ะ~

พอมาถึงที่ College ก็จะมีคนคอยแนะนำให้เดินไปที่บอร์ดข้อมูล ตรงนั้นจะแปะข้อมูลว่าเราได้อยู่ห้องไหน อ๋อ!! เราลืมเล่าไปเลย ว่าวันเเรกของการมา College (วันที่มีปฐมนิเทศน์อ่ะ) ช่วงเช้าเราต้องทำข้อสอบเพื่อวัดระดับภาษาของตัวเองก่อน (สอบอีกแล้ววว ม่ายยยยยยยยย กรีดร้องงงงงง!!!!) ถึงแม้เราจะสมัครเรียนในคอร์ส Pre-university แต่ถ้าผลการสอบของเรายังไม่ถึงเกณฑ์ชั้นเรียนนั้น เราจะถูกปรับไปเรียนคอร์สที่เหมาะกับเราก่อน และผลสอบของเราคือ เราได้อยู่คลาส Pre-university stage 2 จ้าาา (คอร์สนี้มีทั้งหมด 3 ระดับ) เราไปถึงคนแรกของห้อง ตอนนั้นยังไม่มีใครมาเลย เท่าที่อ่านจากบอร์ดมา เราได้เรียนกับ ครูชื่อ ANN และ IAN มีเพื่อนในคลาส 6 คน คาบเช้าเราได้เรียนกับ ANN พอทุกคนในคลาสมาถึง ANN ก็ให้เรากับเพื่อนๆแนะนำตัวเอง ในห้องเรียนเรา มีนักเรียนมาจากฮังการี ดูไบ อาหรับเอมิเรตส์ และ คนไทย (ปล.ตอนนั้นคนไทยไม่อยู่ไป holiday โป๊ะเชะไหมล่ะ) เช้าวันแรกของการเรียนผ่านไปได้แบบกระท่อนกระแท่นมากก เพราะเราฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง บวกกับ เราไม่ค่อยรู้คำศัพท์เท่าไหร่แทนที่จะพอเข้าใจง่ายๆ ก็ทำให้เข้าใจได้ช้าลงไปอีก เบ็ดเสร็จช่วงเช้า หมดแรงเลยจ้าาา พลังงานหายไปครึ่งนึง

และแล้วพักเที่ยงก็มาถึง เรามีเวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่งในการพักกลางวัน พอลงมาถึงที่โถงรวมเท่านั้นล่ะ…. โอ้ แม่เจ้าาา คนเยอะมากกกก~~~ จะเยอะไปไหนนน~~ เพื่อนที่เดินมากับเราเลยชวนไปทานข้าวข้างนอกสำหรับเราการสั่งอาหารถือเป็น เรื่องวัดใจด่านนึงเลยล่ะ ก็แหม อะไรเเต่ละอย่าง ชื่อยังไม่เคยได้ยินเลย ตอนเลือกก็แทบจะจินตนาการหน้าตาของมันไม่ออก ไหนจะการสั่งอาหารอีก (จะพูดยังไงให้เค้ารู้เรื่อง) ปากท้องเรื่องสำคัญ ตกปากรับคำ ตัดสินใจไปลองกินข้าวกลางวันนอก College กับเพื่อน พอไปถึงดูเมนูไปก็ช๊อคกับราคาไป เพราะอาหารที่นี่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบแล้วตีราคาเป็นเงินไทย เราตัดสินใจสั่งแซนวิชแฮมไป เบ็ดเสร็จค่าอาหารรวมไป 6.70 ปอนด์หรือประมาณ 350 บาท! สงบนิ่งไป 3 นาที หลังคิดเงินเป็นราคาเงินไทย) พอกินเสร็จก็เตรียมตัวกลับไปเข้าเรียนช่วงบ่าย

ช่วงบ่ายเป็นคลาสเรียนของครูที่ชื่อ IAN เป็นผู้ชายตัวสูงๆ ผอมๆ ใส่เเว่น เค้าก็แนะนำตัวเองและอธิบายเราว่าเค้าจะสอนในส่วนไหนบ้าง แล้วก็ถามเราว่า เราเคยลองสอบ IELTS ดูบ้างรึยัง เราก็ตอบเค้าไปว่าเคยสอบมาเเล้ว เค้าถามอีกว่า part ไหนของการสอบที่เราไม่ชอบที่สุด เราก็บอกไปว่าเราไม่ชอบ Writing กับ Reading เค้าก็ยิ้มให้เรา มันเป็นยิ้มที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจเลยยยย เเล้วเค้าก็บอกเราว่า ที่คุณไม่ชอบมันก็เพราะไม่มีความสามารถพอจะเข้าใจมันต่างหาก สายตาที่เค้ามองเรามา มันเป็นความรู้สึกว่าเราโดนท้าทายจากเค้า เราสารภาพว่าเราไม่ชอบเลย ไม่ชอบมาก มันเป็นความรู้สึกที่ต่างจากการเรียนคาบเช้ามาก ตลอดคาบบ่าย….เค้าจี้เราตลอด ถาม Tense ถาม Grammar มีหลายคำถามที่เราตอบไม่ได้ เราก็บอกเค้าไปตรงๆ ว่าเราไม่รู้ ตอนนั้นในหัว เราคิดว่าเค้าต้องว่าเราเเน่ๆ ที่เราไม่รู้อะไรเลย แต่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย เค้าจะพูดแค่ว่าเรื่องนี้คุณควรต้องรู้ มันเป็นคำง่ายๆ แต่เรารู้สึกชาไปเลย เราก็จดลงสมุดไปว่าอะไรบ้างที่เราต้องกลับไปอ่านเพิ่ม ( 1 หน้าสมุดจ้าาา นี่แกไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม บี๋!!!! โมโหตัวเอง) ทุกครั้งที่เค้าถามเเล้วเราตอบไม่ได้เราก็จะยิ่งรู้สึกแย่ จากที่คิดว่าเตรียมตัวจากที่ไทยมาเเล้วในระดับนึง เรารู้สึกเลยว่ามันไม่พอมากสำหรับเรา ไม่พอสำหรับการเป็นนักศึกษาปริญญาโทที่นี่เลย ถามว่าเราอายไหม เรารู้สึกอายนะที่เราตอบไม่ได้ ( รู้สึกโง่ ) ยิ่งในห้องมีเด็กคนนึง ( เด็กอาหรับเอมิเรตส์ ) มันชอบหันมายิ้มเยาะเราเวลาเราตอบผิด เรายิ่งเเบบ โอ้ยยยยยย อยากจะดำดินหนีไปให้รู้เเล้วรู้รอด จบคลาส ความรู้สึกเหมือนถูกจับไปบูชายัญ

หลังจากเลิกเรียนเราก็เดินกลับบ้านพร้อมเพื่อนคนที่มาเรียนวันเเรกด้วย กัน เป็นหนุ่มสเปน ชื่อ Camilo เดินคุยกันมาเรื่อยตลอดทาง จริงๆ การฝึกคุยกับเพื่อนต่างชาติไม่ยากนะ แค่เราต้องกล้า แล้วเวลาคุยเนี่ยจะเห็นได้ถึงความเเตกต่างของเด็กไทยกับเด็กต่างชาติเลย (พวกเด็กยุโรป) เด็กยุโรปส่วนใหญ่จะเชื่อมั่นในตัวเองกว่าเด็กไทยเยอะ (อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเรานะ จะขอเล่าในมุมของเราละกัน) กล้าคิด กล้าถาม ผิดก็ผิด มาลองเรียนรู้ เค้าไม่กลัวที่จะถามในสิ่งที่เค้าไม่รู้ เราเป็นคนนึงที่กลัวมากก กลัวจะพูดผิด กลัวเค้าจะไม่เข้าใจ Camilo บอกเราว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยนะ ที่จะถามในสิ่งที่เราไม่รู้ ตอนที่เราคุยเค้าจะพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เราพูด อันไหนที่ไม่เข้าใจ เค้าจะถามเลย หรืออันไหนที่เราไม่เข้าใจ เค้าจะอธิบายจนกว่าเราจะเข้าใจ

เด็กไทยโตมากับการทำผิด การตั้งคำถาม แล้วถูกประณาม ถูกต่อว่า ทำให้เด็กหลายๆ คนไม่กล้าจะถามไม่กล้าจะคิด หลายๆ ครั้งมันทำให้เราเสียโอกาสที่จะเรียนรู้ เกือบ 15 นาทีที่คุยกันเราได้รู้เเง่คิด ทัศนคติที่เเตกต่างจากเรามาก เราว่ามันสนุกมากเลย หลายอย่างที่คุยกัน บางครั้งเรารู้สึกว่าเราเด็กไปเลยเมื่อเทียบกับเค้า การคุยกันวันนี้ ช่วยทำให้เราลืมความรู้สึกเหนื่อยของวันนี้ได้เยอะเลย

พอกลับมาถึงบ้าน โฮสก็เข้ามาถามว่าเป็นยังไงบ้างให้เราไปเก็บของก่อนเเล้วลงมาข้างล่างหน่อย เค้ามีเรื่องจะคุยด้วย เหนื่อยก็เหนื่อย แทบจะหลับตาเดินกลับบ้าน แต่เค้าพูดมาขนาดนี้แแล้ว คำตอบจะเป็นอะไรได้ล่ะ ขอนอนซักตื่นนะคะโฮส เเล้วจะลงมาคุยด้วย งี้หรอ!! (ไม่เอา ไม่กล้าอ่าาา) ก็ได้แต่ยิ้มเเล้วบอก Yes!!! Of course ลากตัวเองกลับขึ้นห้องมาเปลี่ยนชุดแล้วลงไปข้างล่าง โฮสชวนเราคุยอีกครั้งเรื่องระเบียบของการอยู่บ้าน (ฟังดูเครียดเนอะ) จริงๆ คือมันต้องมีกติกาการอยู่ร่วมกันอยู่เเล้ว เค้าก็ชี้แจงเรามาว่า เค้าจะรับผิดชอบเราในเรื่อง อาหาร มื้อไหนยังไงบ้าง การซักผ้าเเละการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน (โอ้โห วันนี้ได้คำศัพท์รัวๆ เปิดมือถือหาศัพท์สนุกเลย ไหนจะผ้าปูที่นอน ซักล้าง ทำความสะอาด) เวลาทานข้าวเย็นคือ 6 โมงเย็นของทุกวัน ถ้าเราจะไปไหน หรือ กลับดึก หรือ ไม่ทานข้าวต้องบอกโฮสก่อน เรื่องการอาบน้ำ (น่าจะมีคนสงสัยเรื่องนี้เยอะ เพราะตอนเราอ่านข้อมูลมา ก็เห็นนักเรียนบางคนมีปัญหาเรื่องการอาบน้ำเวลามาอยู่ที่อังกฤษ) โฮสเราไม่มีปัญหาเรื่องเวลาอาบน้ำ เราสามารถอาบได้ทั้งเช้า และ เย็น กี่โมงก็ได้ (เพราะเราเม้าท์กับเพื่อนมา เพื่อนเราโฮสเค้าห้ามอาบน้ำหลังสามทุ่ม เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นเสียงดัง แบบนี้ก็มีแหะ) เป็นอันว่ารับรู้ข้อตกลงกันเรียบร้อย สำหรับเรา เราว่าโฮสเราก็โอเคนะ มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองจะให้อะไรมันสะดวกสบายง่ายดายเหมือนบ้านเราก็คงไม่ ได้ มาอยู่กับเค้าก็ต้องเคารพกฏระเบียบบ้านเค้า คุยกันเสร็จเราก็ขึ้นมาพักผ่อน

เป็นวันที่ยาวนานไหมล่ะ…

สำหรับบทความครั้งนี้ เนื้อหาอาจจะดูเครียดไปนิดดดนึง แต่ก็อยากให้คนที่ได้อ่านเข้าใจถึงช่วงเวลาและความรู้สึกในตอนนั้นจริงๆ โดยหลายๆ เรื่องมันเป็นเรื่องที่เราเคยอยากรู้ เคยสนใจ ก่อนที่จะมา เราก็อยากเอาความรู้สึก หรือสิ่งที่ได้เจอมาเล่าให้พี่ๆ น้องๆ ก็แหมมมม~~~ อาทิตย์เเรกของกระเหรี่ยงตาดำๆ จะให้อะไรมันเข้าที่เข้าทาง ง่ายไปหมด ก็คงเป็นไปไม่ได้ วันนี้เอาเเค่นี้ก่อนไว้เจอกันใหม่บทความหน้าน้าาาาา…..

เขียนโดย น้องบี่บี๋, Hilderstone College, Kent

ติดตามเรื่องราวของน้องบี่บี๋ได้ในตอนต่อไป >>