สวัสดีค่ะเพื่อนๆ กลับมาพบกับปุ๋มอีกแล้วนะคะ ช่วงนี้เปิดเทอมแล้วเรียนหนักอยู่พอสมควรเลย เพราะงั้นหากมีเวลาว่างๆ ก็อยากออกไปเที่ยวให้ใจได้พักผ่อนอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ถือว่าโชคดีมาก เพราะเราดันรู้มาว่าสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ทางสมาคมนักศึกษาของมหาวิทยาลัยลีดส์ หรือ Student Union เขามีจัดทริปพาไปเที่ยว Whitby กันด้วย เรากับแก๊งค์เพื่อนๆ ก็เลยตัดสินใจลงชื่อเข้าร่วมดูค่ะ ทริปนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ลองตามมาดูกันนะคะ
Leeds University Union หรือ LUU เป็นชื่อของสมาคมนักศึกษาของมหาลัยเราค่ะ โดยจะทำหน้าที่ดูแลเรื่องกิจกรรมต่างๆ ของนักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นงานรับน้อง ชมรม ปาร์ตี้ฮาโลวีน การจัดทริปไปเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของสมาคมเหมือนกัน โดยมีทั้งทริปเต็มวัน ทริปครึ่งวัน ที่สามารถดูตารางได้ในเว็ปไซต์ของสมาคมค่ะ
การร่วมทริปของสมาคมนักศึกษานั้นนอกจากจะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยแล้ว ข้อดีอีกอย่าง เลยก็คือเรื่องราคาค่ะ ยิ่งบางสถานที่ที่ต้องเดินทางหลายต่อ หรืออยู่ไกลจนค่าตั๋วรถไฟราคาแพงหูฉี่แล้ว การไปเป็นหมู่คณะกับรถโค้ชที่ทางสมาคมเตรียมให้ก็ช่วยประหยัดไปเยอะเลย โดยเราสามารถซื้อตั๋ว และลงชื่อเข้าร่วมทริปล่วงหน้าได้จากทั้งที่ตึกสมาคมนักศึกษาและทางออนไลน์ผ่านเว็ปไซต์ของสมาคมค่ะ
และแล้ววันของการไปเที่ยวก็มาถึง โดยจุดหมายปลายทางของวันนี้ก็คือเมืองเล็กๆที่ชื่อ “Whitby” ก่อนออกเดินทางไม่กี่วันจะมีอีเมลล์ส่งมาแจ้งกำหนดการและคำแนะนำต่างๆ ให้ เช่น สภาพอากาศ สิ่งที่ควรเตรียม และสถานที่ที่น่าสนใจภายในเมืองให้เราได้เตรียมตัวกันก่อนล่วงหน้า ซึ่งเหล่าลูกทัวร์ก็ พร้อมใจกันมารวมพลกันที่จุดนัดพบตอน 8.30 ตรงตามเวลาที่แจ้งไว้กำหนดการ
จากที่นี่เราจะเดินทางไปด้วยรถโค้ชค่ะ มีรถอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามคัน เหล่าสตาฟก็จะแบ่งกลุ่มพวกเรา ออกไปตามคันรถ มีการเช็คชื่อและขอเบอร์ติดต่อกรณีฉุกเฉิน ดูแลกันเข้มงวดพอสมควร แถมการจัดการ ก็เป็นไปอย่างน่าประทับใจ แล้วพอเข็มนาฬิกาถึงเลขเก้าปุ๊ป ล้อก็หมุนออกเดินทางทันทีค่ะ
บนรถจะมีสตาฟประจำรถซึ่งก็เป็นนักศึกษาที่ทำงานในสมาคมขึ้นมากล่าวทักทาย และแจ้งกำหนดการ คร่าวๆ ให้อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีเอกสารแนะทำสถานที่เที่ยวแจกให้ด้วย นึกถึงบรรยากาศตอนไป ทัศนศึกษาสมัยมัธยมเลยล่ะค่ะ บนรถนี่ก็เสียงเจี๊ยวจ้าวกันพอสมควร เพราะนอกจากนักศึกษาป.โท (แก่ๆ) อย่างพวกเราแล้ว เด็กป.ตรีก็มาจอยทริปกันเยอะพอสมควร
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงเมือง Whitby ค่ะ เมืองนี้เป็นเมืองชายทะเล อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ หลายคนนึกภาพอังกฤษก็จะนึกถึงลอนดอน หรือตึกทรงเก่าๆ กัน นึกภาพเมืองชายทะเลกันออกไหมคะ ถ้าไม่ออก… ตามไปดูกันเลย!
นี่คือภาพแรกที่ Whitby กล่าวต้อนรับเราค่ะ เป็นเมืองที่สวยทีเดียว เราไปถึงกันตอน 11 โมง วันนี้อากาศแจ่มใส อุณหภูมิกำลังดี แถมเป็นวันหยุดที่นักท่องเที่ยวกลับไม่เยอะมาก ช่างโชคดีจริงๆ ค่ะ
พอถึงตรงนี้เค้าก็จะปล่อยพวกเราฟรีสไตล์ แต่ใครจะเกาะกลุ่มไปเที่ยวพร้อมกับสตาฟของสมาคมก็ได้ แก๊งค์เด็กไทยของเราก็เลยขอแยกมาเที่ยวกันเอง แต่ก็มีคนญี่ปุ่นกับคนตรุกีที่นั่งติดกันบนรถมาขอแจม กลุ่มด้วยเหมือนกัน นี่แหละค่ะอีกหนึ่งความน่ารักที่ได้จากการมาทริปของมหาวิทยาลัย
เมือง Whitby ถ้านับส่วนที่เป็นจุดท่องเที่ยวแล้วก็ถือว่าเดินเล่นได้ใน 1 วันอย่างไม่ต้องเร่งรีบเกินไป โดยตัวเมืองจะถูกเแบ่งสองฝั่งด้วยแม่น้ำที่คั่นตรงกลางก่อนจะบรรจบกับปากอ่าวทะเล กลายเป็นเมืองฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก
ฝั่งตะวันตกของเมือง Whitby นั้น เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญอย่าง Whitby Abbey และ St. Mary Parish Church ค่ะ สถานที่ทั้งสองนี้ตั้งอยู่บนภูเขา ทำให้กว่าพวกเราจะขึ้นไปได้ก็เหนื่อยเอาการเลยทีเดียว เพราะเราต้องเดินขึ้นบันไดถึง 199 ขั้น (ชื่อ “บันได199 Steps”) แต่ความเหนื่อยที่ว่านี้ก็ได้รับการตอบแทนมา ด้วยวิวสวยๆ ของเมืองอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ มองดูแล้วเหมือนเมืองในแถบเมดิเตอเรเนียนเลยค่ะ
พอเราผ่านบันได 199 ขั้นมาได้ เราก็จะพบกับหลุมศพเต็มไปหมดเลยล่ะค่ะ ดูน่าตกใจไปนิด แต่ก็เป็นจุดที่ทำให้รู้ว่าเราเดินทางมาถึง St. Mary Parish Church แล้ว
เค้าบอกว่าโบถส์แห่งนี้มีความเกี่ยวพันกับนวนิยายชื่อดังอย่าง Dracula ด้วยล่ะค่ะ โดยที่ฉากของโบสถ์และหลุมศพเหล่านี้กลายมาเป็นฉากหลังของนิยายเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ก็เพราะผู้แต่งได้ไอเดีย ในการเขียนนิยายจากการมาเที่ยว Whitby นั่นเอง แล้วมองผ่านสุสานไปยังอีกมุมหนึ่ง ก็จะมองเห็น Whitby Abbey เป็นฉากหลังด้วย
ตัว Whitby Abbey นั้นเป็นสำนักบวชของศาสนาคริสต์ที่สร้างมาตั้งแต่เมื่อปี ค.ส. 657 ค่ะ แต่ก็ถูกทำลายมาด้วยเหตุการณ์ต่างๆ รวมไปถึงกาลเวลา ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นซากอย่างที่เห็น หากใครมีเวลาก็สามารถเข้าไปชมด้านในของ Abbey ได้นะคะ ถึงจะมีค่าใช้จ่าย แต่จากเสียงลือเสียง เล่าอ้างเค้าว่าสวยอย่าบอกใครเลย แต่กับกรุ๊ปเราที่ท้องหิวกันแล้ว เลยขอลงไปหาข้าวกลางวันทานก่อนค่ะ
อ้อ! ลืมบอก จากด้านบนนี้มองลงไปจะเห็นวิวของปากอ่าวด้วยค่ะ สวยงามมากเลย ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่ามีประภาคารและสะพานที่ทอดยาวลงไปในทะเลด้วย นี่ล่ะค่ะจุดหมายต่อไปของพวกเรา
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกันเสร็จแล้ว เราก็ข้ามกลับมาที่ฝั่งตะวันออกกันค่ะ ฝั่งนี้จะเป็นที่ตั้ง ของเมือง มีตรอกซอกซอยและร้านค้าให้เดินเล่นกันได้ รวมถึงอาหารและขนมในเมืองนี้ก็ราคาไม่แพงเลย เรากับเพื่อนๆ เองก็เดินเล่นกันซะเพลินเหมือนกัน จนลืมไปเลยว่าเรายังต้องไปสะพานอีกนะ ก็เดินจ้ำๆ กันมา แล้วภาพที่เห็นจากบนสะพานก็ทำให้ไม่ผิดหวังเลยล่ะค่ะ
จากต้นสะพานมองไปอีกฝั่งจะเห็นวิวของเมืองฝั่งตะวันตกที่เราเพิ่งลงมากัน มองเห็นโบสถ์และ Abbey ไกลๆ ลิบๆ อยู่บนเขาด้วย นับเป็นวิวราคาหลักล้านจริงๆ แค่ยืนมองเฉยๆ ก็อิ่มเอมใจแล้วล่ะค่ะ ส่วนสะพานนี้ หากเดินต่อไปก็จะพบกับประภาคาร และสะพานไม้ยื่นต่อเข้าไปในทะเล ได้บรรยากาศไปอีกแบบ แต่ต้องเตือนไว้ก่อนว่าลมแรงมาก เดินกันตัวเกือบปลิวเลย
ก็เดินเล่นกันไปจนอิ่มใจ ความจริงใน Whitby ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกอยู่อีก แต่แก๊งค์เรามัวแต่ เดินในเมืองซะเพลินไปหน่อยเลยไม่ได้ไป แล้วมองเวลาอีกทีก็ใกล้เวลานัดขึ้นรถแล้วล่ะค่ะ
พอเวลาบ่ายสี่โมงครึ่งทุกคนก็กลับมารวมกันที่จุดนัดพบ ก่อนจะขึ้นรถบัสคันเดิมมุ่งหน้ากลับเมืองลีดส์ จะบอกว่าเด็กๆ ทั้งคันรถพากันหลับปุ๋ยไปหมดเลยล่ะ เพราะเดินเล่นจนเหนื่อยมาทั้งวัน และในเวลาประมาณ หนึ่งทุ่มรถบัสก็หยุดจอดลงที่หน้าตึกพาร์กินสันของมหาวิทยาลัยอันเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของเราเมื่อเช้า และทริปหนึ่งวันที่ร่วมเดินทางไปกับสมาคมนักศึกษาก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ค่ะ จะบอกว่าคุ้มมากๆ (แค่ค่าตั๋วก็คุ้มแล้ว) ถ้าใครที่ได้มีโอกาสมาเรียนที่ลีดส์ ก็อย่าพลาดทริปของ Student Union กันนะคะ
สนใจเรียนต่อ University of Leeds ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเรียนต่อและคำปรึกษาจากพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย ฟรี คลิก