ระบบการศึกษาของจีน 

ระบบการศึกษาของจีน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ  

1) การศึกษาขั้นพื้นฐาน  หมายถึงการศึกษาระดับประถมศึกษา (6 ปี) ระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย (6 ปี) รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างมาก 

การศึกษาระดับประถมศึกษาของจีนเริ่มเมื่ออายุ 6 ปี ตามกฎหมายการศึกษาของจีน 

การศึกษาระดับมัธยมต้นของจีนมีระยะเวลา 3 ปี วิชาที่เรียนได้แก่ ภาษาจีน คณิตศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ ฟิสิกส์ เคมี จริยธรรม สารสนเทศ และอื่นๆ 

การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในจีน แบ่งออกเป็นมัธยมปลายทั่วไป มัธยมปลายด้านวิชาชีพ และอาชีวะศึกษา โดยการศึกษาระดับมัธยมปลายของจีนใช้เวลา 3 ปี เป็นระดับการศึกษาที่ไม่บังคับ ดังนั้นนักเรียนจะต้องรับผิดชอบ ค่าเล่าเรียนเอง ซึ่งในแต่ละท้องที่จะมีระดับค่าเล่าเรียนที่ต่างกันไป วิชาที่เรียนได้แก่ ภาษาจีน คณิตศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา สารสนเทศและอื่นๆ โรงเรียนมัธยมปลายในจีน ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนของรัฐ แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นโรงเรียนเอกชน ทั้งนี้ การเข้าเรียนในระดับมัธยมปลายในจีนจำเป็นต้องสอบเข้า โดยดูจากระดับคะแนนที่สอบได้ ซึ่งข้อสอบที่ใช้จะเป็นข้อสอบที่จัดทำโดยส่วนการศึกษาภูมิภาค 

 

2) การศึกษาด้านวิชาชีพ การศึกษาด้านวิชาชีพหมายถึงโรงเรียนด้านวิชาชีพ รวมถึงหลักสูตรอบรมวิชาชีพระยะสั้น หลังปี 1980 เป็นต้นมา การพัฒนาด้านอาชีวะศึกษาของจีนพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน สถานการณ์การเติบโตของการศึกษาด้านอาชีพมีการเปลี่ยนแปลง คือ การศึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง พลศึกษา ศิลปกรรมมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่วนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์มีแนวโน้มลดลง ในปี 2005 มีนักศึกษาในสายอาชีพที่กำลังศึกษาอยู่จำนวนประมาณ 6 ล้านคน 

 

3) การศึกษาขั้นอุดมศึกษา การศึกษาระดับอุดมศึกษาหมายถึงการศึกษาระดับอนุปริญญา ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท รวมถึงการศึกษาระดับปริญญาทั้งหมด การศึกษาระดับอนุปริญญาใช้เวลา 2-3 ปี ระดับปริญญาตรีใช้เวลา 4 ปี แพทย์ศาสตร์ 5 ปี และยังมีบางสาขาวิชาที่ใช้เวลา 5 ปีเช่นเดียวกัน ปริญญาโทใช้เวลา 2-3 ปี ปริญญาเอกใช้เวลา 3 ปี 

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในจีนมีจำนวนประมาณ 3,000 แห่ง โดย 2 ใน 3 เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ และ 1 ใน 3 เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน การเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของจีนจำเป็นต้องผ่านการสอบคัดเลือก โดยดูจากคะแนนในการสอบ ซึ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจีนส่วนใหญ่จะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ 

 

4) การศึกษาผู้ใหญ่ หมายถึงการศึกษาประเภทต่างๆที่จัดขึ้นสำหรับผู้ใหญ่ และผู้ไม่รู้หนังสือ หรือการศึกษาอื่นที่มีรูปแบบใกล้เคียงกัน การศึกษาผู้ใหญ่ในระดับสูงพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ในปี 1999 มีถานศึกษาระดับอุดมศึกษาผู้ใหญ่จำนวน 871 แห่ง และยังมีอีก 800 กว่าแห่งที่เปิดการศึกษาทางไปรษณีย์ และการศึกษาภาคค่ำ 

 

การเรียนภาษาจีน ได้แพร่หลายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีผู้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแม่จำนวนมากที่สุดในโลก มีมหาวิทยาลัยกว่า 2,300 แห่ง ใน 100 กว่าประเทศทั่วโลกที่เปิดสอนภาษาจีนมหาวิทยาลัยกว่า 2,300 แห่ง ใน 100 กว่าประเทศทั่วโลกที่เปิดสอนภาษาจีน นอกจากนี้ในทวีปยุโรป การเรียนการสอนภาษาจีน ก็แพร่หลายในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐ ฯ เยอรมนีและฝรั่งเศส ได้มีการเตรียมการที่จะจัดสอนภาษาจีน ควบคู่ไปกับการสอนภาษาอังกฤษ 

การสอบวัดระดับภาษาจีนหรือ HSK เป็นการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนสำหรับชาวต่างชาติ ชาวจีนโพ้นทะเล หรือชนกลุ่มน้อยที่ไม่ได้ใช้ภาษาจีน เป็นภาษาแม่ โดยเป็นการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ข้อสอบออกโดยคณะกรรมการ HSK และศูนย์สอบ HSK มหาวิทยาลัยภาษาปักกิ่ง (Beijing Language and Culture University: BLCU) HSK แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับพื้นฐาน ระดับต้นและกลาง และระดับสูง จัดสอบทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศเป็นประจำทุกปี ผู้ที่สอบได้คะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับใบประกาศนียบัตรตามระดับคะแนนที่สอบได้ 

ประโยชน์ของการสอบ HSK 

  1. ใช้เป็นใบรับรองในการสมัครเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาในสถาบันการศึกษาของจีน 
  2. ใช้เป็นใบรับรองสำหรับยกเว้นการเข้าเรียนในรายวิชาภาษาจีน
  3. ใช้เป็นใบรับรองความรู้ภาษาจีนในการสมัครงาน

Plan to study abroad?

Request us for more information

* All fields required (in English)