น้องหลายคนอาจจะสงสัยว่า การเตรียมไปเรียนต่อปริญญาตรีและปริญญาโทต่างกันมากน้อยแค่ไหน การสมัครเรียนปริญญาโทมีคนพูดถึงกันเยอะแล้ว วันนี้เรามาดูรายละเอียดการเตรียมตัวเพื่อสมัครเรียนต่อปริญญาตรีกันบ้างดีกว่าเนอะ น้อง ๆ จะได้เก็บข้อมูลกันล่วงหน้าได้ด้วย เพราะบางมหาวิทยาลัยใน U.S. มีโปรแกรมหรือคอร์สที่ช่วยปูพื้นฐานก่อนเรียนต่อให้เราได้หลากหลายรูปแบบมาก และส่วนใหญ่นักศึกษาจากไทยจะต้องยื่นสมัครเรียนผ่าน Pathways มากกว่าสมัครเรียนตรง เราจึงต้องเตรียมตัวให้ดีให้พร้อม
🎓 ข้อมูลทั่วไปสำหรับคอร์สปริญญาตรีที่อเมริกา
ก่อนอื่นเลยระยะเวลาในการเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกาเท่ากันกับการเรียนที่ประเทศไทย คือเรียนโดยใช้เวลาทั้งหมด 4 ปีการศึกษาด้วยกัน
สำหรับการเรียนต่อปริญญาตรีของที่อเมริกา ในช่วง 2 ปีการศึกษาแรกจะเป็นการเรียนวิชาทั่วไปทั้งหมด ตั้งแต่ Math, History, Literature, Communication และอื่น ๆ ในระหว่างนั้นเองน้อง ๆ จะได้ซึบซับและรับพื้นฐานความรู้ที่สำคัญก่อนจะไปต่อที่การเรียนแบบเจาะลึกเลือกสายเรียนหรือ “Major” ที่จะต้องเรียนในปี 3 และ 4 ซึ่งในระหว่างปีการศึกษาท้าย ๆ นี้ นักศึกษายังสามารถเปลี่ยนหรือเพิ่มสาขา (Minor / Mini-Major) ที่อยากเรียนเข้าไปได้อีก เพื่อเก็บทักษะความรู้ให้ได้มากที่สุดก่อนเพิ่มโอกาสและทางเลือกที่ส่งผลต่ออนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อหรือทำงานในอนาคต
🎓 การเตรียมตัวเรียนต่อปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา
พี่ Hands On ได้รวบรวมข้อมูลสำหรับน้อง ๆ ที่อยากตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาตรี ทั้งสำหรับใครที่อยากไปเรียนต่อหลังเรียนจบมัธยม 6 หรือสักมัธยม 5 รวมไปถึงคนที่กำลังเรียนปริญญาตรีและอยากโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อด้วย
น้อง ๆ ที่จบจากระบบการศึกษาภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษมีโอกาสแตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่ ผู้ที่จบจากโรงเรียนนานาชาติหรือภาคภาษาอินเตอร์ของโรงเรียนจะได้รับสิทธิ์ยกเว้นผลสอบภาษาอังกฤษ (waive IELTS) และสามารถสมัครเรียนตรงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการรับสมัครของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ เลย
โดยทั่วไปนักเรียนที่จบจากมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะต้องเข้าเรียนหลักสูตรปูพื้นฐานก่อนสมัครเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา
*สอบถามรายชื่อมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่พร้อม waive ผลสอบวัดผลภาษาอังกฤษ และรายละเอียดเพิ่มเติมจากพี่ ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้ฟรี
🎓 หลักสูตรปูพื้นฐานแต่ละประเภท
- Undergraduate Pathways: หลักสูตร Foundation แบบของ UK สำหรับที่อเมริกาจะเรียกว่าหลักสูตร Pathways หลักสูตรที่ว่านี้ผู้เรียนสามารถเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้ถึงแม้เราจะมีผลคะแนน GPA และคะแนนวัดผลภาษาอังกฤษไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด หลักสูตร Pathways จะใช้เวลาเรียนที่ 4 – 12 เดือน เมื่อเรียนจบหลักสูตร Undergraduate Pathways และมีผลการเรียนดีเยี่ยม ผู้เรียนจะสามารถเข้าเรียนต่อในระดับชั้นปีที่ 1 หรือ ปีที่ 2 ในระดับปริญญาตรีได้ ทั้งนี้เงื่อนไขและรายละเอียดจะขึ้นอยู่กับแต่ละคอร์สเรียนและมหาวิทยาลัยที่เลือก
- International Year (IY1): หลักสูตรนี้คือการเรียนปีการศึกษาที่ 1 ด้วยหลักสูตรปูพื้นฐานสูตรเข้มข้น ด้วยระยะเวลาเรียน 1 ปี เพราะฉะนั้นเกณฑ์การสมัครเรียนหลักสูตร IY1 อาจจะสูงกว่าเกณฑ์ของการเข้าเรียนแบบ Pathways นิดหน่อย หลังจากจบปีการศึกษาแบบ International Year 1 แล้ว ก็จะสามารถเข้าเรียนในระดับปีการศึกษาที่ 2 ต่อได้เลย
- เรียนต่อกับสถาบัน Community College อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับน้อง ๆ ที่ตั้งใจจะไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีก็คือ การเข้าเรียนใน Community College ก่อน 2 ปี แล้วค่อยยื่นสมัครเข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยเพื่อ transfer ไปยังปี 3 ของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาต่อ ข้อดีข้อได้เปรียบของการสมัครเรียนปริญญาตรีที่อเมริกาแบบนี้คือ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเรียนลงไปได้เยอะมาก เพราะค่าเทอมการศึกษาของการเรียนที่ Community College จัดว่าไม่สูงมาก และการสมัครเข้าเรียนกับบางสถาบันไม่ต้องใช้ผลคะแนนสอบ SAT หรือ ACT ด้วย และอีกข้อดีสุดท้ายก็คือ โอกาสสมัครเข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกาก็สูงขึ้นด้วยนะ
สนใจสมัครเรียนผ่าน Community College ปรึกษาพี่ Hands On ได้โดยกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง
Noted: สำหรับน้อง ๆ ที่เรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สามารถสอบถามเงื่อนไขหรือหลักสูตร Preparation จากมหาวิทยาลัยหรือการสอบ GED ที่จะช่วยให้เข้าเรียนต่อปริญญาตรีได้จากพี่ Hands On เพราะหลายมหาวิทยาลัยมีชื่อเรียกคอร์สปูพื้นฐานนี้แตกต่างกันออกไป เช่น Prep Digital Online หรือ Undergraduate English Language Program เป็นต้น
🎓 การโอนหน่วยกิต (transfer) จากมหาวิทยาลัยในไทยไปยังสหรัฐอเมริกา
สำหรับโอนหน่วยกิต (transfer) ย้ายมหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรีที่เรียนอยู่ในไทยไปยังมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนอยู่ในหลักสูตรภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ สามารถทำได้ ทั้งนี้รายละเอียดจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละหลักสูตร และ/หรือ มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา
ข้อสอบแต่ละประเภท สำหรับสมัครปริญญาตรีของสหรัฐฯการเรียนต่อปริญญาตรีของสหรัฐอเมริกาก็มีระบบสอบเข้าของตัวเองเช่นกัน (Undergraduate Admissions Tests) เพราะทางมหาวิทยาลัยต้องการวัดผลทักษะความเข้าใจในวิชาพื้นฐานของว่าที่นักศึกษาก่อน ว่าพร้อมสำหรับการเข้าเรียนหลักสูตรที่มีเนื้อหาวิชาการขั้นสูงมากน้อยแค่ไหน หรือจะต้องเรียนปูพื้นฐานเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษ หรือวิชาอื่น ๆ จากสถาบันเพิ่มเติมให้ผ่านเกณฑ์ก่อน ถึงเข้าเรียนปริญญาตรีได้ โดยจะมีแบบสอบวัดผลดังนี้
การสอบ GED (การสอบเทียบเท่าระดับชั้นมัธยมศึกษา)General Educational Development หรือ GED คือการสอบวัดผลการศึกษาของสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้เป็นเอกสารแทนการยื่น transcript หรือวุฒิการศึกษาในการสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรี การสอบ GED (General Educational Development)
GED ถือเป็นวุฒิการศึกษาที่ได้การยอมรับอย่างกว้างขวางจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก เพราะฉะนั้น ใครที่อยากยื่นสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ก็จะสามารถใช้ผลสอบของ GED ยื่นสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาแทน transcript ได้เลย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการสอบ GED ได้ที่พี่ ๆ Hands On |
🎓 เอกสารเบื้องต้นที่ต้องใช้ในการสมัครเรียนต่อปริญญาตรี
- Transcript/GED
- Passport
- SAT/ACT (สามารถส่งผลคะแนนตามหลังใบสมัครได้)
- IELTS/TOEFL/PTE Academic (สามารถส่งผลคะแนนตามหลังใบสมัครได้)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่พี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยและสถาบัน Pathway อย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยฟรี
🎓 ค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกา
สำหรับการเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่อเมริกา หากน้อง ๆ เลือกเรียนต่อกับมหาวิทยาลัยรัฐบาลก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงกว่าการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชน เช่น ที่นิวยอร์ก, แมสซาชูเซตส์ (เมืองบอสตัน), ฟลอริดา และ แคลิฟอร์เนีย เป็นต้น
- โดยค่าใช้จ่ายของมหาวิทยาลัยรัฐบาลต่อปีจะอยู่ที่ประมาณ $26,290 – $43,721 หรือรวม 4 ปี $105,160 – $174,885 คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 3,501,652.74 – 5,823,379.04 บาท
- ส่วนค่าใช้จ่ายของมหาวิทยาลัยเอกชน $35,830 – $53,949 หรือรวม 4 ปี $143,320 – $215,796 คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 4,772,914.94 – 7,186,547.25 บาท
Noted: จากค่าเงินอัพเดทวันที่ 4 มกราคม 2022 ที่เว็บไซต์แปลงสกุลเงิน xe.com
อ้างอิงจาก:
- https://educationdata.org/average-cost-of-college
- https://www.usnews.com/education/best-colleges/paying-for-college/articles/paying-for-college-infographic
ส่วนทุนการศึกษาที่จะได้รับ จะเป็นทุนการศึกษาประเภทปีต่อปี มีเงื่อนไขในการรับทุนการศึกษาที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย มีบางมหาวิทยาลัยที่มอบทุนการศึกษาเป็นส่วนลดค่าเรียนในครั้งเดียวเลยเป็นจำนวนหนึ่ง และมีบางมหาวิทยาลัยที่มอบทุนการศึกษาเป็นรอบปีการศึกษา คือให้ทุนส่วนลดเป็นต่อปี และจะให้ทุนต่อในปีถัดไปหากนักศึกษามีผลการเรียนดีเยี่ยม ถึงเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
🎓 น้อง ๆ ควรเริ่มเตรียมตัวสมัครเรียนต่อตั้งแต่เมื่อไร
การเตรียมพร้อมสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ควรเริ่มหาข้อมูลและเตรียมการล่วงหน้าพอสมควร สำหรับการจะไปเรียนต่อในสหรัฐอเมริกา โดยปรกติน้อง ๆ ควรเริ่มปรึกษาหาข้อมูลกันก่อน 1 ปี เพื่อที่น้อง ๆ และผู้ปกครองจะได้ทำการคัดกรองข้อมูล เลือกมหาวิทยาลัยที่สนใจไปเรียน ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนหรือรัฐบาลดี ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่จะต้องไปใช้ชีวิตอยู่เป็นระยะเวลาร่วม 4 กว่าปี จะเป็นที่รัฐไหน เมืองใหญ่หรือเมืองรองดี และค่าใช้จ่ายทั้งหมดทั้งค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพนั้น มีทุนครอบคลุมสำหรับเรียนจนจบแล้วหรือไม่ และยังมีรายละเอียดอีกมากมายในส่วนของการเตรียมตัวที่น้อง ๆ สามารถหาข้อมูลมาชั่งน้ำหนักและคิดพิจารณาล่วงหน้าได้ สอบถามและขอคำแนะนำเรื่องเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกากับพี่ Hands On ได้เลย
ปรึกษาทุกเรื่องเรียนต่อสหรัฐอเมริกากับพี่ๆ Hands On ตัวแทนมหาวิทยาลัยใน USA กว่า 100 มหาวิทยาลัยประจำประเทศไทยฟรี เพียงกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง