เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็อยากไปเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลียกันใช่มั้ยคะ แต่ตั้งแต่ที่ไทยตกมาอยู่ Level 3 ทำให้การไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลียค่อนข้างเข้มงวดมากขึ้น ฉะนั้นการเลือกเรียนในสถาบันที่มีคุณภาพระดับ Level 1 ก็จะช่วยให้การยื่นขอวีซ่าของเราได้รับความเชื่อถือมากขึ้น ถ้าเทียบกับการยื่นสมัครเรียนของโรงเรียนที่ได้ Level 2 หรือ 3 แต่ทั้งนี้ ทางสถาบันแจ้งมาเพิ่มเติมว่าเค้าจะพิจารณาใบสมัครของผู้ที่ไม่เคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาเท่านั้นนะคะ ในส่วนนี้ เราสามารถมาปรึกษาพี่ ๆ เพิ่มเติมได้ค่ะ

กลับมาที่การแนะนำโรงเรียนภาษาจากออสเตรเลียแห่งนี้กันต่อ พี่ Hands On ขอแนะนำสถาบันสอนภาษาอังกฤษ Langports หนึ่งในสถาบันในระดับ Level 1 จากออสเตรเลีย ตั้งอยู่ในเมือง Brisbane และ Gold Coast ซึ่งเป็นเมืองที่คนไทยน้อย เหมาะกับน้อง ๆ ที่สนใจอยากไปพัฒนาภาษาอย่างจริงจัง เราลองมาทำความรู้จักกับสถาบัน Langports มากขึ้นอีกนิด ในบทความนี้กันค่ะ

Langports สถาบันเล็ก ๆ คุณภาพแน่นจากออสเตรเลีย

สถาบันสอนภาษาอังกฤษ Langports เป็นสถาบันที่เปิดมานาน แม้จะเป็นสถาบันเล็ก ๆ แต่ที่นี่เค้าเน้นคุณภาพมากกว่าจำนวนนักเรียนค่ะ นักเรียนส่วนใหญ่ที่มาเรียนที่ Langports ค่อนข้างมีหลากหลายเชื้อชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนจาก Brazil, Japan, Switzerland เป็นต้น สำหรับนักเรียนไทยจะมีเพียงแค่ 1-2 คนต่อห้องเรียนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันที่ยังมีนักเรียนไทยน้อยอยู่ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง และใครที่อยากทำความรู้จักกับเพื่อนหลากหลายเชื้อชาติ

รู้จักกับหลักสูตร “UFO English” หลักสูตร Highlight ของ Langports มีที่เดียวในออสเตรเลีย

น้อง ๆ หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับหลักสูตร General English กันใช่มั้ยคะ เพราะเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษพื้นฐานที่มีในสถาบันสอนภาษาส่วนใหญ่ แต่สำหรับที่ Langports ที่นี่เค้าจะไม่มีหลักสูตร General English ค่ะ แต่เค้าจะมีหลักสูตรที่ชื่อว่า “UFO English” ซึ่งมาจาก USE, FOCUS, และ OPTIONS เป็นหลักสูตรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ Langports ที่เดียวในออสเตรเลีย อีกทั้งยังเป็นหลักสูตรที่ได้รับความนิยมสูงสุดด้วยค่ะ

หลักสูตร UFO English จะคล้าย ๆ กับหลักสูตร General English แต่ UFO English จะเน้นพัฒนาทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน โดยก่อนเข้าคลาสเรียน UFO English เราจะต้องผ่านการสอบ Pre-test เพื่อวัดระดับทุกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของเราด้วย และทางโรงเรียนจะออกแบบสูตรการเรียนของเราทั้งหมดให้ตามระดับภาษาของน้อง ๆ แต่ละคนค่ะ ยกตัวอย่างเช่น

น้อง Aya, น้อง Bruno และน้อง Sarah สอบวัดระดับภาษาได้ Use Level 3 เท่ากัน แต่ระดับ Skill แตกต่างกันดังนี้

Use – น้อง ๆ ทั้ง 3 คนจะได้เรียนในห้องเรียนเดียวกัน ใน 2 ชั่วโมงแรกของทุกวัน โดยเนื้อหาในห้องจะเน้นเรียนภาษาครอบคลุมทุกทักษะ รวมทั้งไวยากรณ์ คำศัพท์ และการออกเสียง

Focus – ในอีก 1 ชั่วโมงถัดมา น้อง ๆ ทั้ง 3 คนจะถูกจัดห้องเรียนตามระดับทักษะของตัวเอง เพื่อ Focus ไปที่ Skill ที่เป็นจุดแข็งและจุดอ่อนในแต่ละด้าน โดยทุก ๆ วันจันทร์จะเป็นการทดสอบวัดระดับ, วันอังคารเป็นคลาสเรียน Writing, วันพุธจะเป็นคลาสเรียน Reading, วันพฤหัสบดีจะเป็นคลาส Listening และวันศุกร์จะเป็นคลาส Speaking

จากในตารางจะเห็นว่าน้องทั้ง 3 จะไม่ได้อยู่ในห้องเดียวกันในทุกวัน เพราะ Skill ในแต่ละด้านของน้อง ๆ อยู่ในระดับที่แตกต่างกัน ทำให้น้อง ๆ แต่ละคนจะมีตารางเรียนเฉพาะของตัวเอง จึงทำให้น้อง ๆ ได้รู้จักกับเพื่อน ๆ ที่มาเรียนมากขึ้น (นอกจากเพื่อนที่อยู่ใน Use Level เดียวกันแล้ว ยังได้เจอเพื่อนที่อยู่ในระดับ Skill เดียวกันด้วย) ซึ่งตรงนี้เป็นเอกลักษณ์ของคอร์ส UFO นี้ที่แตกต่างกับสถาบันอื่น ๆ ที่ระดับภาษาอยู่ Level เดียวกัน จะต้องอยู่ห้องเรียนเดียวกันจนจบคอร์ส และในทุก ๆ วันจันทร์ที่มีการทดสอบระดับ หากน้อง ๆ มีความก้าวหน้าใน Skill เพิ่มขึ้นแล้ว เราสามารถเลื่อนระดับไปเรียนห้องเรียนในระดับสูงขึ้นได้เลย (โดยปกติการเลื่อนระดับในแต่ละระดับ จะต้องใช้ระยะเวลาเรียนประมาณ 10 Weeks แต่ถ้าเราเรียนไปแล้ว 5 Weeks และเราทดสอบระดับได้ในระดับที่สูงขึ้นแล้ว เราก็เลื่อนระดับได้เลยทันที โดยไม่จำเป็นต้องเรียนให้ครบ 10 Weeks)

Options – อีก 1 ชั่วโมงสุดท้ายของแต่ละวัน น้อง ๆ แต่ละคนจะสามารถเลือกวิชาเรียนตามความสนใจได้จากหลากหลายวิชา เช่น Conversation, Grammar, English for Business & Administration และอื่น ๆ เป็นต้น โดยสถาบันมีมากกว่า 10 วิชาให้น้อง ๆ ได้เลือกเรียน ดังนี้

และนอกจากหลักสูตร UFO English แล้ว ทางสถาบันยังมีหลักสูตร Pathway ซึ่งเป็นคอร์สเรียนภาษาเพื่อเข้าเรียนต่อกับมหาวิทยาลัยและสถาบันในออสเตรเลียที่เป็น Partner ของ Langports โดยตรง ยกตัวอย่างเช่น TAFE Queenland, Bond University, Griffith College และสถาบันอื่น ๆ อีกมากมาย

บรรยากาศที่ Brisbane และ Gold Coast

อย่างที่พี่ Hands On แนะนำทั้งสองแคมปัสของ Langports ค่อนข้างมีน้อง ๆ คนไทยไปเรียนกันน้อย และในตัวเมือง Brisbane กับ Gold Coast ก็ยังมีคนไทยอาศัยอยู่น้อยด้วย เราลองมาดูความแตกต่างของทั้ง 2 เมืองกันดีกว่า ว่าเราเหมาะกับไปเรียนที่ไหนมากที่สุด

Brisbane: เป็นเมืองหลวงของรัฐ Queensland ด้วยความที่เป็นเมืองหลวง จึงค่อนข้างคึกคัก มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ อากาศอบอุ่น คล้าย ๆ กับภาคเหนือของประเทศไทย ช่วงฤดูหนาวจะไม่หนาวมาก ฤดูร้อนก็จะร้อนแบบอบอุ่น เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการเรียนภาษาในเมืองที่คนไทยน้อย และยังอยากได้บรรยากาศเมืองใหญ่ มีทุกอย่างครบครัน และไม่ชอบอากาศหนาวจัด

Gold Coast: เป็นเมืองตากอากาศของออสเตรเลีย โดยที่เมืองนี้จะมีชายหาดเยอะมาก และผู้คนนิยมมาเล่นเซิร์ฟกัน (ขอแอบบอกนิดนึงว่าหนุ่ม ๆ ที่นี่เค้าเป็นสไตล์ Beach Boy กันแหละ) อากาศมีลมชายทะเล ค่อนข้างโปร่งสบายกว่าที่ Brisbane และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวอีกด้วย เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่ไม่ชอบความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ชอบบรรยากาศที่สบาย ๆ ที่มีคนไทยไม่เยอะค่ะ

นอกจากนั้น ทางสถาบัน Langports ยังมี option ให้กับนักเรียนที่สนใจย้ายแคมปัสที่เรียนด้วยนะคะ โดยทางโรงเรียนจะเปิดให้ย้ายแคมปัสที่เรียนได้ ฟรี 1 ครั้งถ้วน ส่วนถ้าน้อง ๆ อยากย้ายในครั้งต่อไป ก็จะมีค่าใช้จ่ายตามที่สถาบันกำหนดนะคะ

มีกิจกรรมนอกห้องเรียนเข้าร่วมฟรีทุกเดือน

กิจกรรมนอกห้องเรียนของที่ Langports ก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ โดยจะเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้นักเรียนผ่อนคลายกับการเรียนมากขึ้น ในแต่ละเดือนจะมีกิจกรรมสันทนาการให้น้อง ๆ ได้เข้าร่วมฟรี อย่างเช่น Play Rugby, State Of Origin Game 2 (ไปดูกีฬา), Australia Zoo (ไปเที่ยวสวนสัตว์), BBQ เป็นต้น โดยในบางเดือนสถาบันเคยพานักเรียนไปเที่ยวผับด้วยนะคะ (แต่ต้องอายุถึงนะ)

ก็คือทางสถาบันจะมีกิจกรรมทั้งสำหรับน้อง ๆ ที่อายุน้อยหน่อย ไปจนถึงกิจกรรมของน้อง ๆ ที่โตขึ้นมาหน่อย ใครอยากไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ และเก็บประสบการณ์แบบสักหนึ่งครั้งในชีวิตควรได้ลองไปเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลียกับ Langsport ทำได้ครบทั้งเรียน ทั้งเล่น ทั้งใช้ชีวิตด้วยตัวเองเลยพร้อม ๆ กันค่ะ

สำหรับใครที่สนใจอยากไปเรียนภาษาที่ Langports พี่ Hands On แอบกระซิบนะคะ ทางสถาบันมีโปรโมชั่นสำหรับนักเรียนไทยโดยเฉพาะ สามารถสอบโปรโมชั่นล่าสุดได้ที่ Hands On ได้เลยค่ะ หรือสอบถามข้อมูลคอร์สเรียนและรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ที่ Hands On ฟรี เพียงกรอกข้อมูลด้านล่าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับโดยตรงได้เลยค่ะ