สวัสดีค่ะทุกคนนนน 😀 กลับมาตามคำสัญญาของคราวที่แล้วสำหรับคนที่สนใจคอร์สที่เรากำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียน EC Manchester นะคะ คอร์สนี้มีชื่อว่า Intensive Academic Year General English Course (AY30) ค่ะ บางคนอาจจะสงสัยว่าคอร์สเรียนแบบ Intensive Course เนี่ยมันต่างกับ General English ยังไง เอาจริงๆ แล้วคือไม่ต่างเลยค่ะ ถ้าพูดถึงการเรียนการสอนนะคะ แต่สิ่งที่เพิ่มมาในคอร์สเรียน Intensive คือ Special Focus Class ค่ะ ซึ่งคลาสนี้จะเป็นคลาสที่ให้แค่นักเรียน intensive เรียนเท่านั้นค่ะ นักเรียนสามารถเลือกวิชาที่อยากเรียนเองได้ สามารถเปลี่ยนได้ตลอดตามความพอใจค่ะ เอาล่ะค่ะ คงพอหายสงสัยกันไปบางส่วนแล้ว ทีนี้เรามาลงรายละเอียดของตัวคอร์สกันเลยดีกว่า เริ่ม!!
Intensive Academic Year General English Course หรือ AY30 จะเรียนทั้งหมด 5 วันต่อสัปดาห์ ก็คือวันจันทร์-วันศุกร์นั่นเองค่ะ วันละ 4 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งจะแบ่งออกเป็น Academic Class 3 ชั่วโมง และ Special Focus Class อีก 1 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ โดยส่วนตัวเรา เราคิดว่าไม่มากไม่น้อยเกินไปนะคะ กำลังดีสำหรับการเรียนเลยค่ะ แล้วทางโรงเรียนก็จัดตารางเรียนให้แบบเข้าใจเด็กมากๆ ค่ะ คือไม่ใช่ว่าเรียนเรียนรวดเดียวเช้า-บ่ายแบบนี้เหมือนกันทุกวันนะคะ แต่จะสลับฟันปลาให้ค่ะ เช่น ถ้าคุณได้ตัวอักษร A คุณจะเรียนวันจันทร์ พุธ และศุกร์เวลา 9.00-14.30น. ส่วนวันอังคารกับพฤหัสบดีจะเรียน 13.00-18.00น. ซึ่งก็ตื่นสายได้สองวัน เผื่อนักเรียนมีไปปาร์ตี้ที่ไหนแล้วตื่นมาตอนเช้าไม่ไหว ฮ่าๆๆๆๆ 😛 แต่ของเรา เราได้อักษร B ค่ะ ซึ่งก็จะสลับกัน เราเรียนวันจันทร์ พุธและศุกร์ตอนบ่าย ส่วนวันอังคารกับวันพฤหัสบดีเราเรียนตอนเช้าค่ะ ซึ่งตารางนี้ สิ่งที่ fix คงที่ตายตัวเลยคือ Special Focus Class ค่ะ จะกำหนดไว้ที่ 13.00-14.30 น. ของทุกวัน แต่ Academic Class จะสลับไปตามตัวอักษรที่เราได้นั่นเองค่ะ และอีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบในการจัดตารางของโรงเรียนนี้นะคะ คือไม่ได้เรียนเนื้อหาในหนังสือเหมือนกันทุกวัน แต่จะสลับกันไปค่ะ เราจะเรียนในหนังสือแค่วันจันทร์ พุธและศุกร์ ส่วนวันอังคารกับวันพฤหัสบดีจะเน้นเป็นการฝึก skills ต่างๆ ที่นอกเหนือจากในหนังสือเรียนค่ะ
ในส่วนของ Academic Class วันจันทร์ พุธและศุกร์ คุณครูของเราชื่อจัสมิน น่ารักมาก สอนดีและใจดีมากๆ เลย จะสอนเนื้อหาในหนังสือค่ะ เราจะไม่ได้เรียนแค่หลักไวยากรณ์นะคะ แต่จะเรียนทั้ง พูด ฟัง อ่าน และเขียนค่ะ โดยทุกอย่างจะรวมอยู่ในบทเรียนในหนังสือ ซึ่งทุกวันที่เรียนเราจะได้เรียนทั้ง 5 ทักษะภายในเวลา 3 ชั่วโมง ไม่มีขาดตกบกพร่องแน่นอนค่ะ แล้วเวลาเรียนนักเรียนทุกคนจะไม่มีทางได้นั่งฟังหรือแค่เรียนเฉยๆ แน่นอนค่ะ เพราะทุกครั้งที่คุณครูสอนเนื้อหานั้นๆ เสร็จ ก็จะให้นักเรียนลองทำและก็จะแบ่งกลุ่มหรือจับคู่ให้เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ ในคลาสไปด้วย ซึ่งตรงนี้แหละค่ะที่จะทำให้เราได้ฝึกพูดไปเองในตัว แล้วคุณครูก็จะคอยแอบฟังที่เราคุยกัน แล้วถ้าเราพูดผิดหรือใช้คำไม่ถูก คุณครูก็อาจจะเดินมาบอกเราตัวต่อตัวค่ะ แต่ตอนคุยกัน ไม่จำเป็นต้องเขินหรืออายนะคะ พูดไปเลยค่ะ แล้วเราจะพูดเก่งและใช้ประโยคหรือคำต่างๆ ถูกต้องไปเอง แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าคุณครูจะว่าหรือตำหนินะคะ เพราะคุณครูน่ารักค่ะ ใจดี จะมีวิธีการพูดให้เราไม่อายเพื่อนที่เราพูดผิด เพราะทุกๆ คนก็มีผิดกันหมดแหละค่ะ ไม่มีใครเป็นเจ้าของภาษา นอกจากคุณครู ฮ่าๆๆๆ พอหลังจากเรียนบทเรียนในหนังสือเสร็จเรียบร้อย ถ้าเหลือเวลาประมาณ 5-10 นาที คุณครูก็จะมีเกมส์มาให้เล่นค่ะ ซึ่งเกมส์นี้ก็จะเป็นความรู้ที่เรียนไปนั่นแหละ เหมือนเป็นการทบทวนไปในตัวแถมยังไม่น่าเบื่ออีกด้วย ดีมากๆ เราชอบเล่นเกมส์มากค่ะ เพราะถ้าชนะ เราจะได้ตั๋วไปลุ้นรางวัลตอนที่โรงเรียนมีจับฉลากกันในทุกๆ วันศุกร์ค่ะ อยากได้ของๆๆๆ อิอิอิ 😛
มาต่อกันใน Academic Class ของวันอังคารและวันพฤหัสบดีกันเลยนะคะ คลาสนี้เราเรียนกับคุณครูอีกท่านหนึ่งค่ะ ชื่อว่าฟิลลิป สอนดีค่ะ ใจดี แต่ไม่มากเท่าจัสมินค่ะ ฟิลลิปจะค่อนข้างเข้มงวดเรื่องโทรศัพท์ค่ะ จะดุคนที่เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ่อยๆ โดยที่ไม่จำเป็น แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ นักเรียนจะได้โฟกัสที่การเรียนอย่างเต็มที่ คลาสนี้จะไม่ได้เรียนในหนังสือนะคะ ฟิลลิปจะมีชีทมาแจกให้ค่ะ แล้วก็จะเน้นฝึกทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน และคำศัพท์ใหม่ๆ ค่ะ เราได้คำศัพท์ใหม่ๆ จากคลาสนี้เยอะมาก มีทั้งคำศัพท์วิชาการและคำศัพท์ที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน มีประโยชน์มากๆ คลาสนี้จะเน้นฟังกับพูดค่อนข้างเยอะค่ะ บางครั้งจะมีให้เราพรีเซ็นต์ด้วย แต่จะเป็นพรีเซ็นต์แบบเล็กๆนะคะ คนละ 1-2 นาที เพราะต้องเอาเวลาไปฝึกทักษะอื่นด้วย แต่ก็ทำให้เราได้เรียรู้และได้ฝึกใช้จริง โดยส่วนตัวเรา เราชอบคลาสนี้นะคะ เพราะไม่น่าเบื่อเลย ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพราะเนื้อหาจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราจะมีความรู้รอบตัวมากขึ้นด้วย เพราะ article ที่ฟิลลิปเอามาให้เรียนล้วนมีประโยชน์กับเราทั้งนั้นเลยค่ะ ชอบมากๆ 😀
ถึงเวลาของ Special Focus Class กันแล้วนะคะ อันนี้แหละค่ะคือสื่งที่ทำให้เราแตกต่างจากคอร์ส General English แบบธรรมดา เพราะคลาสนี้ เราสามารถเลือกเรียนได้เองตามความต้องการค่ะ เราอยากเสริมตรงไหน เราก็ไปลงเรียนคอร์สนั้นได้เลยค่ะ ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 คลาสให้เลือกเรียน คือ Get Talking, English for Work, English in the City, Get Talking English in the City, IELTS แล้วก็ Exam skills ค่ะ เราเลือกเรียน Get Talking กับคุณครูเอมมี่ค่ะ เพราะว่าเราอยากพูดเก่งๆ เพราะจุดประสงค์ของเราคือเราอยากพูดเยอะๆ จะได้พูดคล่องๆ ค่ะ ซึ่งคลาสนี้ก็ตอบโจทย์มากๆ เพราะว่าได้พูดเยอะจริงๆ ค่ะ พูดตลอดเลย ฮ่าๆๆ ตอนแรกเลยก่อนเราจะเลือกเรียนที่นี่ เราถามพี่เอินว่า หนูเรียนแบบ Intensive Course แล้วหนูจะได้พูดเยอะไหม เพราะหนูอยากพูด เบื่อเรียนแกรมม่าแล้ว พี่เอินก็บอกว่า ไม่ต้องห่วงค่ะ ทางโรงเรียนมีวิชาเสริมสำหรับเรา ถ้าเราอยากพูด เราก็เลือกลงอันนั้นไปเลย ได้พูดเยอะแน่นอน เก่งแน่นอน ตอนนี้เชื่อพี่เอินแล้วค่ะ ได้พูดเยอะจริงๆ แถมบางอาทิตย์มีพรีเซ็นต์ใหญ่ด้วยนะ เอ้ะ ดีหรือไม่ดี ฮ่าๆๆๆๆ อันนี้ต้องขอบคุณพี่เอินจริงๆ ค่ะ ที่ทำให้เราได้เรียนในสิ่งที่เราต้องการจริงๆ บางคนอาจจะมีคำถาม ว่า Get Talking กับ Get Talking English in the City ต่างกันยังไง คือ in the City เนี่ย เราจะต้องออกไปข้างนอกทุกอาทิตย์ค่ะ ไปตามร้านอาหารหรือว่าสถานที่สำคัญต่างๆ เพื่อเรียนรู้คำศัพท์ตามสถานที่นั้นๆ และได้ฝึกใช้จริงๆ แต่ของเราไม่ต้องค่ะ แค่นั่งเรียนในห้องธรรมดาไม่ต้องขยับไปไหน ขยับก็แค่ในห้องค่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่เรากะว่าเดือนหน้า ไม่ก็อีกเดือนหนึ่ง เราจะลองย้ายไป in the City แล้วค่ะ อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง แล้วอีกอย่าง เดือนหน้าก็สปริงแล้วค่ะ ท้องฟ้าสดใส น่าออกไปเดินเล่น ฮิฮิฮิ 😛 ส่วนเนื้อหาที่เรียนในคลาสนี้ ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่ะ ไม่มีซ้ำกัน จะได้คำศัพท์ใหม่ๆ ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันเยอะมาก แถมบางวัน คุณครูเอาคำแสลงของแมนเชสเตอร์มาสอนให้เราได้รู้เพิ่มด้วย เวลาคนที่นี่พูดกันเราจะได้ไม่งง ซึ่งเราชอบมากกกกกกก สนุกมากกกก ตลกด้วย ได้รู้อะไรใหม่ๆ สนุกกกกกจริงๆ นะ สิบสิบสิบ!!! <3
อธิบายคอร์สเรียนไปจนหมดแล้ว คราวนี้มาพูดถึงโรงเรียนของเรากันบ้างดีกว่า โดยส่วนตัวเรานะคะ เราชอบมากๆ ค่ะ อบอุ่น ทุกคนเป็นกันเองมากๆ เหมือนบ้านหลังที่สองเลยค่ะ ทั้งเจ้าหน้าที่ คุณครู แล้วก็นักเรียน ทุกคนให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ใส่ใจมาก และกับเพื่อนนักเรียนก็สนิทกันเร็วมากค่ะ เราไม่ได้รู้จักแค่เพื่อนในคลาสนะคะ ยังมีเพื่อนของเพื่อน แนะนำกันไปมา คุยกันได้หมดอ่ะค่ะ เราว่านะ ไม่เกินเดือนครึ่ง เรารู้จักทั้งโรงเรียนแน่นอน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แต่นั่นเป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะเราจะไม่เหงา และการมีเพื่อนต่างชาติก็ทำให้เราได้ฝึกภาษาไปในตัว และได้เรียนรู้ภาษาที่สาม สี่ ห้า ด้วยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ อย่างของเราตอนนี้ เริ่มจะเข้าใจภาษาสเปนกับเกาหลีแล้วค่ะ เพราะเพื่อนที่สนิทกันเป็นคนเกาหลีและโคลัมเบีย เห็นมั้ยคะ มาเรียนประเทศเดียว แต่ได้มากกว่าหนึ่งภาษา ไม่คุ้มให้มันรู้ไป! ฮ่าๆๆๆๆ อ้อ… เกือบลืม ยังมีอีกอย่างหนึ่งค่ะ ที่เราชอบมากๆ ของโรงเรียนนี้ คือปฏิทินกิจกรรมของแต่ละวัน ซึ่งแต่ละอาทิตย์ หรือแต่เดือนจะต่างกันไป ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ก็เข้าร่วมกิจกรรมได้แล้ว แต่บางกิจกรรมก็อาจจะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มนิดหน่อยค่ะ เช่น Football club ของทุกวันศุกร์ จะมีค่าใช้จ่าย แต่พวกผู้ชายจะชอบมากค่ะ แทบจะแย่งกันลงชื่อ เพราะแค่ 2 ปอนด์เอง แล้วก็มีกิจกรรมอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมายให้เราเลือกเรียนถ้าเราสนใจและถ้าเราว่าง เช่น Pronunciation clinic, IELTS clinic, Netflix, Coffee & Chat และอีกเพียบเลยค่ะ เปลี่ยนไปทุกอาทิตย์ ซึ่งทางโรงเรียนจะติดปฏิทินนี้ไวเที่บอร์ดค่ะ ดีมากๆ มีประโยชน์กับนักเรียนทุกคน เลิศศ!
นี่แหละค่ะ EC Manchester ของเรา โรงเรียนดี มีคุณภาพ บรรยากาศอบอุ่น คุณครูและเจ้าหน้าที่น่ารัก นักเรียนก็เฟรนลี่มากๆ มีแต่ดีกับดีค่ะ แล้วที่สำคัญ ไม่มีคนไทยเลยค่ะ!! ตอนแรกมีพี่ผู้หญิงหนึ่งคน แต่ตอนนี้จบไปแล้ว เหลือเราคนเดียวแล้วค่ะ ใครมองหาโรงเรียนที่คนไทยน้อยๆ มาทางนี้ค่ะ น้อยจริงๆ ไม่มีเลย เหมือนที่พี่เอินบอกเป๊ะๆ ถึงจะมีสักคนหรือสองคน ก็โดนจับแยกห้องแน่นอนค่ะ ไม่มีทางได้เรียนแล้วนั่งโม้กันในภาษาไทยแน่นอน หนูเชื่อพี่เอินแล้วค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ใครสนใจก็มาเรียนที่นี่กันได้เล้ยยยยย ไม่ก็ปรึกษาพี่เอินอีกทีนะคะ ได้ตามความต้องการแน่นอน เพราะสำหรับเราแล้ว โรงเรียนนี้ เมืองนี้ 10/10 ค่ะ เอาใจไปเล้ยยยยย <3
สำหรับวันนี้ ขอจบไว้ตรงนี้นะคะ เพราะจะต้องเตรียมตัวไปเที่ยวเมือง Chester แล้วค่ะ เมืองใกล้ๆ ใครสนใจก็รออ่านกันได้เลยนะคะ ตื่นเต้นมากๆ ดูฟแแล้วแดดจะออกด้วย ว้าวๆๆๆๆ ทริปนี้ สนุกแน่นอน รออ่านกันได้เลยน้าาาา อิอิ ไปเตรียมตัวก่อนโน้ะ สวัสดีค่าาาา บ๊ายบายยยยยย xoxo
